27 ก.ค. 2023 เวลา 18:30 • ปรัชญา
ในคำว่า ชีวิต..ชีวิตเป็นของอาศัย จิตมาอาศัยในเรือนกายพ่อแม่ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีเรือนกายพ่อแม่เป็นมนุษย์สงเคราะห์ให้ ไม่ดูแลตั้งแต่อยู่ในท้อง กายนี้ก็ยากจะแข็งแรง มีอาการครบสามสิบ เมื่อมีกายเค้าก็ให้วิญญาณทั้งหกมา ..ไปดึงจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่เค้า ต้องมาเรียนรู้จักกันใหม่ หัดกิน นอน กินแล้วนอน ก็หัดคลาน หัดพูด หัดจำ คนนี้เป็นใคร เรียกว่าอะไร ก็ต้องอาศัยวิญญาน ตาหูจมูกลิ้นกายใจ
พอหัดเรียนรู้โลกใหม่ เค้าก็เรียกว่า วันไร้เดียงสา พออยู่ไป ก็เป็นวัยก้าวร้าว เริมจะไม่ยอม เชื่อความคิดในตัวตน ยังไม่ได้รับผิดชอบชีวิตตนเอง ก็สนุกสนาน ใครมาขัดใจ ก็ไม่ชอบ เริ่มเอาแต่ใจตัวเอง พ่อแม่เตือนอะไรก็จะย้อนกลับ .เค้าว่าเป็นวัยรุ่น ..มันก็เรียนรู้จักอาศัยวิญญาณหก ไปจดจำเอามา ไปเจอะคนชอบ ไม่ชอบ มีเหตุผลไม่มีเหตุผล จนดูสับสนวุ่นวาย ตัดสิ้นใจไม่ค่อยถูกว่า ชีวิตจะเป็นอย่างไร บ้างก็สนุกสนาน ไปเรื่อยๆ ก็ไปถึงวัยทำงาน ..
..คราวนี้แหละ ..ต้องหาเงินเอง เริ่มรู้สึกว่า เหนื่อยที่ต้องหาเงินทอง ..พอเหนื่อก็นึกถึงวัยเรียน ..แต่ก็ย้อนกลับไม่ได้ เพราะต้องการเงินทองมาหล่อเลี้ยงสังขาร และผู้ที่เราไปหามาเป็นภาระเค้าว่า เห็นคนอื่นมีก็อยากมีบ้าง มีครอบครัวบุตรธิดา ก็ต้องอาศัยปัจจัยมาจุนเจือครอบครัว ต้องไปใช้อารมณ์ ไปมีอารมณ์ ไปรับอารมณ์ความรู้สึก พูดคุยเจอคนมากขึ้น มันเหนื่อย มันก็เรื่องอารมณ์ทั้งนั้น มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ
เมื่อเหนื่อยกายก็หาที่พัก..เพราะชีวิตที่ใช้มาตั้งแต่เกิดก็คืออารมณนึกคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีแต่อารมณ์พาไป ประโยชน์ที่ได้ วิญญาณตาหูก็บันทึก สร้างกายวาจาใจ ไปด้วยอารมณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แล้วมันจะไม่เหนื่อยกายได้อย่างไร มันบันทึกลงไปด้วยคำว่ากรรมที่ทำตามอารมณ์ตลอดเวลา เรื่องการสร้างกายให้เป็นบุญกุศลมีมั้ย
เมื่อไม่มีบุญหนุนนำ กายเค้าก็เหน็ดเหนื่อย กายพ่อแม่ที่เราอาศัยก็ต้องการบุญ ไม่ต้องกายที่มีแต่กรรม เราก็นำกายทำกายให้เป็นกายของผู้ที่มีบุญ เราก็มาสร้างบุญกุศล มาหล่อเลี้ยงกาย กายก็จะได้ มีแค่กินนอน แล้วแก่เฒ่าตาย ต้องหาวิธีให้กายมีบุญหล่อเลี้ยงอีกทางหนึ่ง ให้กายเป็นบุญ จิตอาศัยกายที่เป็นบุญ จิตก็มีเค้าสุข รู้จักแบ่งปัน ปัจจัยที่หามาได้ แบ่งเล็กๆน้อยๆ ให้เป็นบุญกุศลเกิดขึ้น
โฆษณา