9 ส.ค. 2023 เวลา 02:09 • ปรัชญา

โอบกอดความทุกข์

ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ข้าพเจ้ามีอันให้ซัดเซ พเนจรไปอยู่ในที่ๆเหน็บหนาวและขาวโพลนดังเช่นในรูปข้างต้น
คนเมืองร้อนอย่างเรา เวลาดูหนังดูซีรีย์มักเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของเมืองหนาว ยิ่งตอนหิมะตกยิ่งตื่นตาตื่นใจ
แต่ในความเป็นจริง เมื่อมนุษย์เราต้องอยู่ในที่ๆสภาพอากาศสุดขั้ว อุณหภูมิติดลบต่ำกว่าศูนย์ แม้ในตอนกลางวันก็ยังต่ำกว่า -40°C อย่าว่าแต่การใช้ชีวิตนอกบ้านเลย แค่อยู่นอกเคหะสถานให้ถึง 1 ชั่วโมงก็ยังยากเลย!!
แถมต้องติดแหง็กอยู่ในที่พักแบบไม่รู้กำหนด มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแต่ความเว้งว้าง
ยิ่งตอนเย็นโพล้เพล้ ใจคอยิ่งห่อเหี่ยว
รวบรวมสติและสรรพกำลังวิ่งออกไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยรู้สึกหวั่นไหวเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัว
วันที่ 5 ท่ามกลางสภาพอากาศสุดขั้ว แม้ปัจจัยดำรงชีพไม่ได้ขาดพร่อง แต่กลับรู้สึกว่า "ชีวิตกำลังสูญเสียการควบคุม" จนไม่สามารถคิดหาวิธีรับมือกับความรู้สึกของตัวเองต่อสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ ยิ่งดิ้นรนยิ่งทุรนทุราย
แล้วอยู่ๆความคิดหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมา
ความทุกข์ แม้เราจะรู้ต้นสายปลายเหตุก็ใช่ว่าจะแก้ไขหรือจัดการได้ทุกเรื่อง คำกล่าวที่ว่า "ทุกข์มีไว้ให้เห็น มิได้มีไว้ให้เป็น" ข้าพเจ้าจึงได้เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้งในตอนนั้นนั่นเอง
1
ในทุกๆสถานการณ์ไม่ว่าจะอับจนสิ้นไร้หนทางเพียงใดก็ตาม ย่อมมีบางสิ่งที่เราทำได้เสมอ ท่ามกลางความทุกข์ก็เช่นกัน สิ่งที่เราทำได้คือมองดูทุกข์นั้น มองเห็นทุกข์นั้น และโอบกอดความทุกข์ไว้ โดยไม่ผลักไส ไม่ฟูมฟาย
1
แม้ในที่สุดไม่ว่าดีหรือร้าย เราก็ผ่านพ้นไปได้ทุกเรื่อง แต่การมีหลักคิดและจิตใจที่มั่นคงและยืดหยุ่นพอ จะช่วยให้เราจดจำเหตุการณ์ในแง่ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง มากกว่าการบันทึกจดจำในทางลบหรือบั่นทอนตัวเอง!!
1
โฆษณา