เที่ยว Zurich,Switzerland 1 วันเต็ม ไปไหนได้บ้าง
📌Swiss National Museum-Bahnhofstrasse-Lindenhof-FIFA Museum-Lake Zurich-Old town📌
วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองซูริคกันครับ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดในสวิสเซอร์แลนด์เลย การท่องเที่ยวในเมืองนี้ต้องบอกว่าง่ายมากครับ เพราะที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ห่างกันไม่มาก การเดินทางส่วนใหญ่ก็จะเน้นการเดินเป็นหลัก อาจจะนั่งรถรางบ้างเป็นบางครั้งครับ มาดูดีกว่าว่าเราไปไหนบ้าง
วันแรกของการเดินทางเราออกจากกรุงเทพประมาณ 2 ทุ่มครับ เดินทางถึงซูริคช่วง 7 โมงเช้า เรียกว่าถึงก็พร้อมเที่ยวกันเลย สำหรับสายการบินที่เรานั่งคือ Qatar Airway ราคาไปกลับอยู่ที่ประมาณ 32,000 บาท ซึ่งราคานี้เราจองก่อนเดินทางประมาณ 5 เดือน ถ้ามาจองใกล้ๆ ราคาจะแพงกว่านี้อีกนะครับ
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินซูริคแล้ว เราก็เดินทางด้วยรถไฟเพื่อไปที่ Zurich HB เลยครับ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีเอง นั่งสาย S16 ออกประมาณ 9.31 น. รถไฟที่จะไปซูริคมีหลายสายมากครับ สามารถดูเวลาและสายที่จะนั่งจาก Google map ได้เลย หรือถ้าอยากจะโหลดแอพ SBB เพื่อเอาไว้ดูการเดินทางโดยรถสาธารณะของประเทศสวิตก็ได้เช่นกันครับ
ถึงสถานี Zurich HB แล้ว ก็จะแวะไปฝากสัมภาระที่โรงแรมกันก่อนครับ เราพักกันที่ Hotel Montana ซึ่งสามารถเดินจากสถานีไปประมาณ 5 นาทีเองครับใกล้มาก
เก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว เราก็เดินกลับมาทางเดิมเลยครับ ก่อนที่จะเที่ยวประเทศสวิสเราก็ต้องมาศึกษาประวัติศาสตร์กันก่อนว่าประเทศนี้มีที่มาที่ไปยังไง เรามากันที่ Swiss National Musuem ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป จัดแสดงผลงานศิลปะมากมายตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงศตวรรษที่ 20 เช่น งานเซรามิค แฟชั่น สิ่งทอ และ ภาพถ่ายประวัติศาสตร์
ภายในก็กว้างมากเลยครับ มี 2 ชั้น ระหว่างทางเราก็สามารถศึกษาข้อมูลได้เลยครับ โดยเค้าก็จะมีคำอธิบายติดไว้อยู่ครับ แต่ผมแปลไม่ค่อยจะออกเท่าไร5555 ศัพท์ยากเหลือเกิน แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เข้าใจและทราบถึงที่มาที่ไปของประเทศนี้มากขึ้นครับ
เริ่มหิวแล้ว เราก็มาหาอะไรกินสักหน่อยดีกว่า มื้อแรกเราก็อยากกินอะไรที่ง่ายๆ เร็วๆ เลยเลือกที่จะกินที่ Coop ครับ เดินมาจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 300 เมตรเองครับ อยู่ติดกับแม่น้ำ Limmat เลย
Coop เนี่ยก็คือ Supermarket ของเค้าแหละครับ คล้ายๆเซเว่นบ้านเรา แต่ใหญ่กว่าหน่อย ข้างในก็มีขายหมดเลยครับ อาหารมีให้เลือกหลากหลายมาก มีทั้งไก่ย่าง(4.25 CHF) ซูชิ(19.25 CHF) โยเกิร์ต(5.50 CHF) ไก่ทอดเฟรนฟราย(7.90 CHF) เป็นต้น ราคาก็ถือว่าไม่แพงมากนะครับสำหรับคนของเค้า แต่สำหรับเราพอแปลงมาเป็นเงินไทยก็ตกใจอยู่นะครับ
เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเดินเล่นถนนช็อปปิ้งที่แพงที่สุดในโลก อย่าง Bahnhofstrasse กันครับ
Bahnhofstrasse เป็นถนนการค้าเก่าแก่ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตลอดสองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมาย ความยาวกว่า 1.4 กิโลเมตร จุดเด่นของที่นี่คือเป็นแหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำของโลกเลยนะครับ ใครพอมีกำลังก็สามารถแวะซื้อสักเรือนได้
เดินเล่นไปตามทางเรื่อยๆครับ จุดหมายต่อไปคือจะไปชมวิวมุมสูงของซูริคกันที่ Lindenhof hill
ถึงแล้ววว ทางเดินขึ้นจะเป็นบันไดนะครับ อาจจะทำให้เหนื่อยนิดนึง ขึ้นมาถึงก็จะเห็นเป็นคล้ายๆสวนครับ เป็นที่โล่งๆ มีคนมาเที่ยวเต็มไปหมดเลย
วิวมุมสูงที่เห็นก็จะเป็นวิวแม่น้ำ Limmat ครับ ส่วนโบสถ์ด้านขวาก็คือโบสถ์ Grossmunster และเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และเป็นที่เก็บรักษาพระคัมภีร์โบราณทางคริสต์ศาสนาด้วย
ส่วนมุมข้างหน้าเราก็จะเป็นย่าน Old Town ครับ เป็นย่านเมืองเก่าของที่นี่นั่นเอง เดี๋ยวตอนเย็นๆ เราจะไปเดินแถวนั้นกัน
จาก Lindenhof เราเดินกลับมาที่ถนน Bahnhofstrasse เพื่อนั่งรถรางสาย 6 หรือ 7 ก็ได้ ไปที่ FIFA Museum ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีเอง ซึ่ง FIFA Museum เป็นพิพิธภัณฑ์สุดยิ่งใหญ่ที่จัดตั้งโดยสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “ฟีฟ่า” (FIFA) เป็นการรวบรวมเรื่องราวของแข่งขันฟุตบอลโลกตั้งแต่ในอดีตเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมครับ
ภายในเราก็จะได้เข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆของฟุตบอลเลยครับ อย่างตรงนี้ก็เป็น Timeline การจัดตั้งฟุตบอลโลกตั้นแต่แรกจนถึงปัจจุบันเลยครับ
ไฮไลต์คือถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกของจริงครับ ซึ่งทีมชาติอาร์เจนติน่าเป็นทีมล่าสุดที่ได้ครอบครองถ้วยแชมป์ใบนี้ บางคนอาจจะได้เห็นภาพที่ ลีโอเนล เมสซี่ นอนกอดถ้วยแชมป์โลก มันคือถ้วยใบนี้เลยครับ
จริงๆตอนที่เราไปอ่ะ ยังคุยกันอยู่เลยว่าเป็นถ้วยจริงรึป่าว แต่พอกลับมาถึงเพิ่งรู้ว่ามันเป็นถ้วยจริงที่ถูกส่งกลับมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศจนพอใจคอบอลอย่างผมแล้ว ที่ต่อไปเราก็จะไปล่องเรือกันที่ทะเลสาบซูริคครับ โดยนั่งรถรางสาย 5 จากหน้า FIFA Museum ไป 5 นาทีเพื่อไปลงที่ Burkliplatz ครับ
ราคาตั๋วสำหรับล่องเรือครับ มีให้เลือกนั่งแบบระยะใกล้ และระยะไกลเลย ถ้าใครมี Swiss pass ก็สามารถขึ้นฟรีได้เลย โดยเราเลือกล่องแบบ Short Lake Cruise ครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างทางเรือก็จะแวะจอดตามสถานีต่างๆ เราก็จะได้ชมและสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนที่นี่ ว่าเค้าชิวแค่ไหน มีคนมาเล่นเรือใบที่ทะเลสาบนี้ด้วย บางคนก็แค่นั่งริมทะเลสาบก็มีความสุดแล้วหละครับ
ภายในเรือก็มีที่นั่งให้เราเลือกนั่งทั้งด้านในและด้านนอกเลย แต่ส่วนใหญ๋คนก็จะนั่งด้านนอกกัน เพราะบรรยากาศดีมาก
ล่องเรือจบแล้ว เราก็ขึ้นมา แล้วเดินข้ามสะพาน Quaibrücke เพื่อข้ามมายังฝั่ง Old Town กัน ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย เรามาเดินเรียบแม่น้ำ Limmat กัน บรรยากาศดีมากกกก
และนี่ก็เป็นย่าน Old Town ครับ บรรยากาศจะแตกต่างจากย่าน New Town คือมันจะเป็นถนนทางเดินแคบๆ ตึกก็จะติดๆกัน ให้ความรู้สึกถึงสมัยก่อนเหมือนกันนะครับ
เดินจากตรงสะพานผ่าน Old Town มาเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที ก็จะถึงแล้ว ร้าน Swiss Chuchi ที่ที่เราจะฝากท้องมื้อเย็นกันครับ
ร้านนี้เป็นร้านแนะนำของใครหลายคนเลยครับ เมนูที่มาแล้วห้ามพลาดเลยก็คือ Cheese Foundue นั้นเอง คือเค้าจะเสริ์ฟมาพร้อมขนมปังที่หั่นมาแบบพอดีคำ วิธีการกินก็คือรอให้ชีสเดือดปุดๆก่อน แล้วเราก็เอาขนมปังจุ่มไปในชีสแล้วเอาขึ้นมากินได้เลย คนชอบชีสต้องชอบแน่ๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 33 CHF ครับ ส่วนอีก 2 จานที่เราสั่งก็คือ Roesti และไส้กรอกราดซอสหัวหอม มื้อนี้หมดไปทั้งสิ้นประมาณ 100 กว่าฟรังก์ครับ
กินเสร็จก็ประมาณทุ่มกว่าแล้ว แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกเลยครับ จริงๆยังสามารถเที่ยวได้ต่อนะ แต่เราเริ่มเหนื่อยล้ากันแล้ว เราเลยนั่งรถรางสาย 4 เพื่อเดินทางกลับที่พักแถว Zurich HB ครับ ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว
บอกเลยว่าเป็นวันแรกที่เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ถ้าใครมีแผนจะมาสวิสและพอมีเวลาก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวเมืองนี้ได้ครับ หรือถ้าใครมีคำถามอยากรู้อะไรเพิ่มก็ถามเข้ามาได้เลยนะครับ
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
