28 ก.ค. 2023 เวลา 09:42 • ท่องเที่ยว

Tirta Empul Temple … วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ บาหลี

การเดินทางทุกครั้งในบาหลีจะนำคุณไปยังวัดแห่งใดแห่งหนึ่งเสมอ … การเดินชมภายในวัดมีกฎเรื่องการแต่งกายเป็น เดรสโค๊ด ที่คุณต้องทำตาม คือ ผู้หญิงจะต้องนุ่งโสร่ง ผู้ชายนุ่งโสร่งและโพกหัว หากไม่ทำตามจะทำให้ปีศาจโกรธ
ปูรา ตีตาร์ เอิมปุล (Pura Tirta Empul) สร้างขึ้นในราว ค.ศ. 962 ในสมัยจักรวรรดิวาร์มาเดวา (คริสต์ศตวรรษที่ 10–14) สร้างขึ้นถวายบูชาแด่พระวิษณุเป็นองค์หลัก .. วัดแห่งนี้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Manukaya ใกล้เมือง Tampaksiring ไม่ไกลจาก Ubud ในเขต Gianyar Regency ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของบาหลี
.. คำว่า Tirta Empul เป็นภาษาบาหลี แปลว่า "บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์" โดยคำว่า Tirta มีรากมาจากคำในภาษาสันสกฤตว่า ตีรถะ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์หรือได้รับการเคารพมาก
ทันทีที่เราเข้าไปในวัด จะต้องเดินผ่านประตูหินผ่าซีกขนาดใหญ่แบบบาหลี ที่รู้จักกันในท้องถิ่นว่า คานดิ เบนตาร์ และมาถึงลานด้านนอกของวัด .. บริเวณนี้ของวัดเรียกว่า jaba sisi
ลานด้านหน้า พื้นที่สักการะบูชาก่อนเข้าด้านใน
ที่ส่วนท้ายของลานมี Candi Bentar อีกอันที่สร้างขึ้นในกำแพงที่นำไปสู่ลานกลาง ประตูนี้ได้รับการปกป้องด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ที่แกะสลักอย่างประณีตของ “ทวาราพาละ” หรือผู้พิทักษ์ 2 ตน ..
.. ด้านบนสุดของประตูมีการแกะสลัก กะลา (หน้ากาล) ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากงานแกะสลักกะลาอื่นๆ ที่อื่น เพราะมีเขี้ยวยื่นขึ้นไปและมีมือคู่หนึ่งกางแขนออก
เมื่อเข้าสู่ลานด้านใน หรือบริเวณจาบาเต็งกาซึ่งเป็นพื้นที่หลักของวัด .. น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ผุดขึ้นเป็นสระน้ำใสขนาดใหญ่ภายในวัดและพุ่งผ่านน้ำพุ 30 แห่งสู่สระชำระล้างศักดิ์สิทธิ์สองแห่ง
ชาวบาหลีเคารพบูชาวัดนี้ ด้วยเชื่อว่ากำเนิดมาจากพระอินทร์ เทพฮินดูซึ่งสร้างหลุมบนโลกให้เป็นบ่อตีร์ตา น้ำอันเป็นยาอายุวัฒนะ หรือน้ำอมฤตที่ทรงใช้น้ำนี้ชุบชีวิตทหารของทวยเทพที่ถูก มายาดานาวา ราชาอสูรวางยาพิษ
สถานที่อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ ลานตรงกลางของวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 เชื่อกันว่า น้ำที่ไหลผ่านท่อมากมายนี้ มีพลังวิเศษบำบัดโรคได้ จึงเป็นเหตุให้มีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ดั้นด้นมาถวายเครื่องบูชาแด่เทพประจำสระ แล้วลงอาบชำระตนให้บริสุทธิ์
ผู้นับถือศาสนาฮินดูและชาวบาหลีในท้องถิ่นยืนต่อแถวยาวในสระเพื่อรอจุ่มศีรษะใต้น้ำพุในพิธีกรรมชำระล้างที่เรียกว่า “เมลูกัต” ผู้อาบน้ำเริ่มต้นในสระน้ำทางด้านซ้ายโดยยืนอยู่ในสระจนถึงเอวใต้พวยกาน้ำอันแรก เมื่อพวกเขาทำความสะอาดตัวเองภายใต้พวยกาแรกแล้วพวกเขาก็เข้าร่วมคิวถัดไป
.. กระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าพวกเขาจะได้ชำระล้างตัวเองภายใต้น้ำพุแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม มีพวยกาสองอันที่มีไว้สำหรับชำระล้างคนตายเท่านั้น และห้ามใช้โดยคนเป็นเพื่อประกอบพิธีกรรม เมลูกัต
งานแกะสลักเทพเจ้าและมังกรด้วยหินลาวา ดูขรึมขลัง … เทพทุกองค์ หินทุกก้อน น้ำทุกหยด ต่างเป็นภาคหนึ่งของเทพเจ้าสูงสุดทั้งนั้น ชาวบาหลีจึงทำให้ทุกสิ่งดูศักดิ์สิทธิ์ไปหมด
คืนวันที่พระจันทร์เต็มดวงของเดือนสี่ตามจันทรคติ (เดือนตุลาคม) ชาวบ้านจากหมู่บ้านมานูกายา ไม่ห่างจากวัดนี้มากนัก จะนำหินศักดิ์สิทธิ์จากวัด ปูรา ซากนัน มาทำความสะอาดที่นี่ …
ในทศวรรษที่ 1900 จารึกโบราณเกี่ยวกับศิลาดังกล่าวได้รับการถอดความเป็นครั้งแรก โดยนักโบราณคดีชาวดัตช์ท่านหนึ่ง มีใจความว่า ศิลานี้จำต้องมีการชำระลางให้บริสุทธิ์ ณ บ่อน้ำที ปูรา ตีร์ตา เอิมบุล ในพิธีโอดาลัน … ที่น่าทึ่งก็คือ ชาวบ้านได้ปฏิบัติตามพิธีกรรมดังปรากฏในจารึกมาเกือบพันปี โดยไม่ทราบความหมายในจารึกในหลายศตวรรษที่ผ่านมา
วิหารภายใน Tirta Empul ประกอบด้วยเทวสถานของพระอิศวร พระวิษณุ พระพรหม และอีกแห่งสำหรับพระอินทร์และภูเขาบาตูร์ วัดนี้ถือเป็นหนึ่งในห้าวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลี และถือเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลี
บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นด้วยเงาไม้น้อยใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของศาสนสถานเก่าแก่หลายร้อยปีแห่งนี้ปกคลุมด้วยมอสสีสด .. รวมถึงรูปหินสลักของเทพเจ้ามากมายหลายชิ้น
พื้นที่หลายแห่งในบาหลี มีภูเขาไฟบนเกาะระเบิดหลายครั้ง แต่ละครั้งได้กวาดบ้านเรือนและงานศิลปะเก่าแก่ไปด้วย สิ่งที่ฉันเห็นและถ่ายรูปมา จึงอาจจะเป็นรูปสลักที่ทำขึ้นมาใหม่
ชาวบาหลีมีแต่หินลาวาที่ไม่คงทนต่อการเวลาสักเท่าไหร่ให้ใช้ อีกทั้ง การที่รูปสลักเก่าสูญหายไปกับการพิโรธของภูเขาไฟ ทำให้ช่างฝีมือชาวบาหลีต้องเพียรถ่ายทอดทักษะที่เป็นมรดกที่สำคัญนี้ให้กับคนรุ่นต่อๆมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครมาสร้างงานใหม่ทดแทนงานเก่า เพื่อให้บาหลีเป็น “ดินแดนแห่งเทพเจ้า” ตราบชั่วนิรันดร
สระน้ำคือส่วนสุดท้ายของวิหาร Tirta Empul Holy Water ซึ่งเรียกว่า “เจโรอัน เจโร” อัน หรือลานด้านในที่นักท่องเที่ยวมองข้ามเป็นส่วนใหญ่ .. เป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ซึ่งผู้คนมาสวดมนต์
ส่วนหน้าเป็นน้ำผุด หรือพรายน้ำ (เอิมปุล) ผุดขึ้นมาจากสระปิดภายในวัด ถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปรากรีซัน.. น้ำไหลลงสู่สระชำระล้าง ฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยสาหร่ายสีเขียวและปลาตัวเล็กแหวกว่ายท่ามกลางต้นอ้อ
ด้านหลังน้ำพุ มีเทวสถานฮินดูขนาดใหญ่ ส่วนนี้ของวัดเป็นสิ่งที่ดีในการสำรวจอย่างรวดเร็ว ศาลเจ้าได้รับการตกแต่งอย่างสดใสซึ่งตัดกับเสื้อผ้าสีขาวของชาวบาหลีที่มาที่นี่เพื่อสวดมนต์
เมื่อคุณออกจาก Tirta Empul คุณจะผ่านสระน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาคราฟ ส่วนนี้ของวัดมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้านจากส่วนอื่นๆ ของอาคาร ทำให้มีบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย ปลาคาร์ฟตัวอ้วนว่ายอย่างเอื่อยเฉื่อยในบ่อเพื่อรออาหารมื้อต่อไป
ตำนานแห่งการสร้าง
การสร้าง Tirta Empul สร้างจากต้นฉบับที่ชื่อว่า Usana Bali เกี่ยวข้องกับตำนานของการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างกษัตริย์ที่ทรงพลังแต่ชั่วร้ายที่ชื่อว่า มายาเดอนาวา (Mayadenawa) ราชาอสูร กับพระอินทร์ (Bhatara Indra) ราชาอสูรไม่เชื่อในพระเจ้าและห้ามไม่ให้คนของพระองค์นมัสการพระเจ้า
พระองค์ก็เป็นอันตรายเช่นกัน ด้วยเหตุที่พระองค์มีพลังวิญญาณ แต่มัวเมาในพลังมากเกินไป และใช้มันเพื่อมนต์ดำอย่างไม่ระมัดระวัง
นักบวชชื่อ Sang Kulputih เมื่อเห็นความโกลาหลจึงอธิษฐานต่อ พระอินทร์ เพื่อกำจัดราชาอสูรที่ชั่วร้าย .. พระอินทร์ นำกองทัพมาโจมตี Mayadenawa
มายาเดนาวา และกองทหารหนีไปทางเหนือของหมู่บ้านซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ทัมปักเซอร์ริง .. ในตอนกลางคืน เมื่อกองทัพของพระอินทร์ หลับสนิท ราชาอสูรแอบเข้าไปในค่ายขององค์เทพ และสร้างน้ำพุที่สวยงามแต่มีพิษซึ่งกองทัพจะดื่มเมื่อตื่นขึ้น (เมื่อมายาเดนาวา คืบคลานเข้าไปในค่าย เขาเดินเหยียบด้านข้างเพื่อไม่ให้ทิ้งรอยเท้าไว้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน "Tampak Siring" ซึ่งแปลว่า "รอยเท้าเอียง")
ในตอนเช้า พระอินทร์ ตื่นขึ้นมาพบว่าคนของพระองค์ถูกวางยาพิษจนตาย .. ในตอนนั้น ด้วยอำนาจในฐานะพระเจ้า พระอินทร์จึงใช้ไม้เท้าแทงลงไปบนพื้น เพื่อสร้างบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ ฉีดน้ำใส่กองทัพที่ตายแล้ว และเหล่าทหารก็ฟื้นคืนชีพ แหล่งน้ำที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการบำบัดและเป็นแหล่งชีวิตนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Tirta Empul
เมื่อรู้ว่าแผนของเขาล้มเหลว ราชาอสูร จึงพยายามแปลงร่างตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทุกประเภท แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากพระอินทร์ยังคงไล่ล่าพระองค์ต่อไป .. ในที่สุดเมื่อเปลี่ยนร่างเป็นก้อนหิน พระอินทร์ก็ยิงธนูทะลุก้อนนั้น และสังหารราชาอสูรผู้ชั่วร้ายในที่สุด
.. เชื่อกันว่าเลือดของ ราชาอสูร ที่ไหลออกมาจากก้อนหินก่อตัวเป็นแม่น้ำ Petanu และเป็นเวลากว่าพันปีแล้วที่แม่น้ำถูกสาปทำให้ข้าวเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่มีเลือดคละคลุ้ง ชาวฮินดูในบาหลีระลึกถึงการเสียชีวิตของ มายาเดนาวา ทุกๆ 210 วันในปฏิทินดั้งเดิมของชาวบาหลี ซึ่งเป็นวันที่คุณธรรมมีชัยเหนือความชั่วร้ายในพิธีกรรมและพิธีที่เรียกว่า Galungan
โฆษณา