30 ก.ค. 2023 เวลา 07:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ

วิธีการหาข้อมูลหุ้น

วันก่อนมีคำถามจากงานbootcampว่า ถ้าเราเป็นนักลงทุนธรรมดาจะหาข้อมูลสู้นักลงทุนที่เป็นfulltimeได้อย่างไร
ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเพราะดูแลหลังบ้านzoomอยู่เลยตอบไปได้ไม่ค่อยดี เลยขอตอบใหม่ทางFBอีกทีแล้วกันครับ
ผมคิดว่าหลักการในการหาข้อมูลหุ้นคือเราต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือข้อมูลสำคัญ อะไรคือข้อมูลปลีกย่อย
ถ้าเราหาข้อมูลสำคัญได้ครบเราจะเห็นภาพใหญ่ชัดว่าบริษัทจะไปในทิศทางไหน อะไรจะเป็นตัวกระทบกำไรบริษัทบ้าง ซึ่งข้อมูลแค่นี้เพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อ-ขายหุ้น
**🌈** ข้อมูลสำคัญคือข้อมูลที่จะบอกว่า
**🟢**บริษัทจะเติบโตได้ยังไง
**🟢**การเติบโตนั้นจะเติบโตแบบค่อยๆโต ก้าวกระโดด
**🟢**หรือเป็นแค่รายได้ที่มาครั้งเดียว
**🌈** ข้อมูลพวกนี้เราสามารถหาอ่านเพื่อทำความเข้าใจได้จาก
**🟢**56-1
**🟢**รายงานประจำปี
เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจกับbusiness modelของบริษัท
1
ซึ่งการเข้าใจbusiness modelของบริษัทผมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการศึกษาพื้นฐาน เพราะเราต้องเอาความเข้าใจbusiness modelไปโยงกับงบการเงินด้วยว่าสอดคล้องกันรึเปล่า
จากนั้นเราอาจหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนความเข้าใจด้วยการลงพื้นที่เพื่อสำรวจกิจการ การลงพื้นที่จะทำให้เราเข้าใจว่าสิ่งที่บริษัทเขียนใน56-1นั้นในหน้างานจริงบริษัทมีวิธีการจัดการยังไง จัดการได้ดีขนาดไหน มีความแตกต่างจากคู่แข่งยังไง
ทีนี้ก็จะมีบางคนสงสัยว่าในบางธุรกิจที่เป็นโรงงานหรือเป็นธุรกิจแบบB2Bเราจะทำความเข้าใจยังไง ต้องไปcompany visitหรือไม่
โดยมากถ้าเป็นธุรกิจแบบB2Bที่ไม่ได้พึ่งพาเครื่องจักร ผมคิดว่าการอ่านข่าวดูภาพรวมอุตสาหกรรมและคู่แข่ง รวมถึงการดูoppdayนั้นให้ข้อมูลเพียงพอ
ส่วนธุรกิจที่เป็นโรงงานนั้นถ้าพูดตามจริงการเห็นโรงงานก็ช่วยให้เราเข้าใจข่าวที่ออกมามากขึ้น แต่เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการทำความเข้าใจโรงงานผ่านIRหรือรอถามในงานoppday
**🌈**ข้อมูลสำหรับบริษัทที่เป็นโรงงานที่ผมสนใจคือ
1.เป็นระบบauto semi-auto หรือใช้แรงงานคน และสัดส่วนของแต่ละอย่างเป็นเท่าไหร่
ที่ผมสนใจเรื่องนี้เพราะบางครั้งบริษัทบอกว่าที่กำไรออกมาดีเพราะมีการปรับปรุงการผลิต ทำให้ผลิตได้มากขึ้นและมีของเสียน้อยลง แต่ตัวโรงงานเป็นการใช้แรงงานคนเป็นหลัก แบบนี้กำไรที่ได้มาก็มีแนวโน้มที่จะไม่เสถียร เพราะมีการพึ่งพาฝีมือแรงงานมาก
2.บริษัทมีการควบคุมคุณภาพงานยังไง
ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าบริษัทคุมคุณภาพงานยังไง มีระบบอะไรที่ช่วยดูแลเรื่องการผลิต มีของที่ผลิตเสียเกินค่าเฉลี่ยของโรงงานอื่นหรือไม่ เราก็จะเข้าใจคุณภาพของกำไรมากขึ้น
ที่เหลือก็เป็นเรื่องกำลังการผลิต การผลิตสินค้าใหม่ คำสั่งซื้อใหม่ แนวโน้มอุตสาหกรรม ซึ่งเราก็สามารถตามได้จากoppdayหรือจากบ.แจ้งกับSET
ในกรณีที่บริษัทมีต้นทุนเป็นcommoและราคาที่ขึ้น-ลงมีผลกับmargin เราอาจต้องเข้าไปค้นหาwebที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ราคาน้ำมัน ราคาเหล็ก ราคาbopet ค่าระวางเรือ
ส่วนข้อมูลปลีกย่อยโดยมากจะเป็นส่วนเสริมให้เราเข้าใจแนวโน้มอุตสาหกรรม ภาพรวมตลาด ความสนใจคนในช่วงนั้นๆ เรื่องนี้โดยมากผมจะเก็บlinkบทความที่น่าสนใจไว้ เผื่อว่าวันหลังมีหุ้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เราก็จะได้เช็คข้อมูลว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ หรือถ้าต่างมันเกิดจากอะไร
หลังจากนี้เป็นส่วนแถมที่ผมคิดว่ามีประโยชน์(อย่างน้อยก็กับตัวผม) ซึ่งเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับfundamentalเท่าไหร่ ใครที่เป็นสายพื้นฐานจะข้ามไปเลยก็ได้ครับ
ในปีหลังๆของการลงทุนผมรู้สึกว่ามีบางบริษัทที่ไม่ค่อยมีข้อมูลเพราะเป็นบริษัทเล็ก oppdayก็ไม่ออก ข่าวก็ไม่ค่อยมี แต่กำไรโตหลายไตรมาสติดต่อกัน และราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เลยมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้เราลดการใช้ข้อมูลได้บ้าง
ที่สำคัญคือเราหาข้อมูลละเอียดไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้น เราต้องคิดเรื่องความถูก-แพง ความคาดหวังของตลาด ดังนั้นสำหรับผม การเอาข้อมูลมาใช้แล้วจัดการกับความเสี่ยง position size แล้วเลือกlow risk entry มีความสำคัญกว่าการได้ข้อมูลเยอะๆจนเกินความจำเป็น (ถ้าเป็นเชิงfundamentalผมก็คิดว่าการที่เรามีmargin of saftey เยอะๆก็ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลได้)
สุดท้ายเลยมาศึกษาเรื่องกราฟกับmoney management ซึ่งผมคิดว่าช่วยลดงานลงได้เยอะ การที่เราเข้าใจความสัมพันธ์ของbusiness model กำไรสุทธิ และราคาหุ้น ทำให้เราสามารถbetในกรณีที่มีข้อมูลหุ้นจำกัด และสามารถกรองหุ้นที่น่าสนใจเข้ามาในwatchlistได้ง่ายขึ้นมาก
วิธีนี้ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นfulltimeหรือหาข้อมูลไม่เก่ง
สำหรับคนที่สนใจวิธีนี้ก็อาจจะเริ่มจากการอ่านหนังสือ how to make money in stocks หนังสือของmark minervini หรืออ่านบทความจากเพจ winner stockได้ครับ
โฆษณา