31 ก.ค. 2023 เวลา 12:59 • ประวัติศาสตร์

25 ศาสดา(นบี)ในศาสนาอิสลาม องค์ที่15

ศาสดา ผู้สื่อสาร ด้วยวาทะศิลป์ แต่ไร้อำนาจตัดสินใจ
15 ศาสดา(นบี)ฮารูน หรืออารอน (ขอสันติจงมีแด่ท่าน)
ในที่สุดนบีมูซา ก็ได้กลับมาอียิปต์เพื่อทำภาระกิจที่พระเจ้า
ได้มอบหมาย คือเผยแผ่ศาสนาแก่ฟาโรห์และช่วยชาว
อิสราเอลให้พ้นทุกข์ จากการถูกกดขี่
ที่ได้แจ้งกับ ฮารูนพี่ชายของท่านว่า พระเจ้าได้แต่งตั้ง
ให้ฮารูนเป็น นบีที่จะเป็นผู้พูดต่อผู้คนแทนท่านในการเทศนา
สั่งสอนโดยทั่วไป แล้วทั้งสองก็ไปหาฟาโรห์ จนได้เข้าเฝ้า
มีการล้ำเลิกบุญคุณที่ฟาโรห์เคยชุบเลี้ยง นบีมูซา
และมูซานั้นทำผิดคดีฆ่าคนตาย
นบีมูซา ยอมรับและโต้แย้งว่า ฟาโรว์ได้ฆ่าคนอิสราเอล
ไปมากมายทั้งๆที่เด็กเหล่านนั้นไม่ความผิด
นบีมูซาได้บอกว่าท่านได้รับแต่งตั้งจากพระเจ้าให้มา
บอกแก่ท่านว่าพระเจ้ามีองค์เดียวที่สร้างทุกสรรพสิ่ง
และเป็นพระเจ้าของท่านด้วย
ฟาโรว์บอกว่า มีพระเจ้าอื่นอีกหรือนอกจากตัว
เขานั่นแหละที่พระเจ้า ฟาโรห์แสดงพลังอำนาจ
การเป็นเจ้าชีวิตสั่งใครเป็นใครตายก็ได้ แต่นบีมูซา
โต้แย้งด้วยตรรกะ มาจบที่ฟาโรห์บอกว่า ถ้าพระเจ้า
ท่านมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์จริงก็แสดงปาฏิหาริย์ให้ดูหน่อย
นบีมูซาก็โยนไม้เท้าแล้วมันก็กลายเป็นงู และแล้วล้วงมือ
ไปในเสื้อ เอามือออกมามีประกายสว่างไสว ชูให้ดูท่ามกลาง
ข้าราชพริพาล
ฟาโรห์ ว่ามันแค่เล่นกล คนในอียิปต์ก็ทำได้ วันถัดมา
จึงให้นักมายากล และนบีมูซามาเจอกัน เมื่อนักมายากล
โยนเชือกไปก็กลายเป็น แต่เมื่อนบีมูซา
โยนไม้เท้าไปหลายเป็นงูใหญ่จริง
ที่ไม่ใช่กลบังตาแลกินงู ตัวเล็กๆเหล่านั้น นักมายากล
ก้มคารวะ นบีมูซาและยอมรับพระเจ้าศาสนาของนบีมูซา
ฟาโรว์ ขู่ฆ่าที่ ไปนับถือพระเจ้าอื่นนอกจากเขา
แต่นักมายกลต่างยอมตาย แม้จะต้องทรมานด้วยการตัดแขนขา
อย่างละข้างตากแดดก็ตาม
ฟาโรว์รู้ได้ว่าบัลลังก์ ของพระองค์สั่นคลอนต้องการฆ่า
มูซา แต่มีญาติของท่านห้ามไว้เพราะ ไม่สมเหตุผลของการ
เป็นกษัตริย์ที่ท่าน สั่งให้แสดงให้ดู และ มูซาก็ทำตามที่ท่านสั่ง
ไม่ได้กระด้างกระเดื่องอะไร นอกจากความเชื่อที่ต่างกัน
ท่านนบีมูซาได้บอกว่าจะมีภัยพิบัติประสบแก่อียิปต์
หากยังคงกดขี่ชาวอิสราเอลต่อไป
อย่างแรกภัยแล้ง เริ่มทำให้พืชผลเสียหาย
ตามด้วยผู้คนล้มตายแม้แต่คนในวังฟาโรห์
ฝูงตั๊กแตน เข้าถล่มเมือง ตามด้วยเหา กบ
และสุดท้ายคือแม่น้ำเปลี่ยนเป็นสีเลือด
ใช้ดื่มหรือล้างอะไรไม่ได้
ทุกครั้ง ที่มีภัยแต่ละอย่างฟาโรว์และชาวคิฟตีก็มาขอ
ให้นบีมูซาขอต่อพระเจ้า
ให้เภทภัยผ่านไปพวกเขาจะศรัทธา แต่ทุกครั้งที่เขา
พ้นทุกข์เขาก็ไม่ศรัทธาตามสัญญา
นบีมูซา นบีฮารูนสองพี่น้องเป็นความหวัง
ของชาวอิสราเอลขึ้นมาทันที
ทุกคนมาร่วมทำพิธีศาสนาที่บ้านท่าน และเป็นทิศในการสวดมนต์
แต่เป้าของทางการที่เพิ่มความเข้มงวด กดขี่ทารุณมากขึ้น
ต่อชาว อิสราเอล และชาวคิฟติ อีกเล็กน้อยที่ศรัทธา
ถึงขั้น ต้องตัดสินใจว่า จะอยู่อียิปต์ต่อหรืออพยพทั้งหมด
ไปด้วยความหวังว่าพระเจ้าจะช่วยเหลือ
ฟาโรห์ก็จัดเตรียมกองทัพ จำนวนมหึมา ที่จะจัดการกับ
อิสราเอล เพื่อความมั่นคง ก่อนสายไปกว่านี้
เมื่อนบีมูซา รับข่าวการเลือกอพยพ
ผู้ศรัทธาและชาวอิสราเอลทั้งหมดออกจากเมือง
จึงเป็นทางเลือก ในคำ่วันที่รู้ข่าว ก็ตัดสินใจอพยพชาวอิสราเอล
ทั้งหมดออกจากอียิปต์ กับจำนวนคนมหาศาล ทั้งคนแก่เด็ก
สมบัติสัตว์เลี้ยง ราว 6แสนคนออกเดินทางทันที
จนหัวแถวมาตันตรงทะเลแดง (สันนิษฐานว่า มีสองเส้นทาง ที่จะ
ข้ามทะเลแดงคนละจุดกัน แล้วแต่จะเชื่อกันครับ) ท้ายแถวทยอยมาออกกัน
ที่ชายหาด ฟาโรห์ ได้ยกทัพตามมาอย่างเร่งด่วน ด้วยกองทัพ
ที่มากกว่าชาวอิสราเอล เกือบสามเท่า
ทุกคนต่างร้องถามนบีมูซาว่า ท่านพาเรามาเจอทางตันแบบหรือ
ที่พระเจ้าของท่านบอก นบีมูซาบอกว่าใช่ แล้วเอาไม้เท้าฟาดลง
ไปในน้ำทะเล ทะเลก็แยกออก ชาวอิสราเอลและผู้ศรัทธาที่อพยพมา
ก็พากันข้ามไปจนคนสุดท้าย ที่กองทัพฟาโรห์มาถึง อีกฝั่งพอดี
ทะเลยังแยกอยู่
ฟาโรว์นำทัพลงทะเลตาม ไปในขณะที่น้ำยังตั้งเป็นหน้าผาสูง
เมื่อกองทัพทั้งหมด ลงมาในทะเลด้วยความรีบเร่งจะไปให้สุดอีกฝั่ง
น้ำทะเลก็เคลื่อนเข้ามาปิด ทั้งหมดจมน้ำตายหมด
(อัลกุรอานที่ลงมาในยุคหลังได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า พระเจ้าจะรัก
ษาร่างของฟาโรห์ องค์นี้ไว้เป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง ในยุคอิสลามนั้น
ยังไม่มีการค้นพบมัมมี่)
เมื่อข้ามฝั่งมาได้รอนแรมไปน้ำเริ่มหมด พวกเขาเริ่มร้องขอน้ำ โดยบอก
ว่า มูซา บอกพระเจ้าของท่าน ให้ประทานน้ำแก่พวกเราหน่อย
ท่านก็ใช้ไม้เท้า ตีที่หิน น้ำก็แตกออกเป็น 12 สายให้ทุกตระกูลได้
แบ่งกันกิน
การพาคนเร่ร่อนไปหาแผ่นดิน เพื่อลงหลักปักฐาน
แบบไม่รู้จุดหมาย ในทะเลทรายที่ร้อนระอุ พวกเขา
บ่นกันในความเหนื่อยยากนี้ พระเจ้าได้ให้เมฆมาบัง
แสงแดดให้ในการเดินทาง พวกเขาเริ่มหิวเสบียงเริ่มหมด
จึงบอกว่า มูซา พวกเราหิว บอกพระเจ้าของท่านประทาน
อาหารแก่พวกเราด้วยเถิด พระเจ้าก็ให้มี บางอย่างคล้าย
รังนกนางแอ่น ที่รสหวาน ที่เรียกว่า อันมัน ตกลงมาทุกเช้า
และ ฝูงนกคุ้ม บินต่ำพอที่พวกเขาจะจับมากินได้ ทุกวันให้จับนก
และ อันมัน แต่พอดีกิน ห้ามกักตุน พวกเขาก็ฝ่าฝืน
ที่ต้องมาจัดการปัญหาภายใน ในนิสัยแต่ละครอบครัว
ที่ศรัทธาไม่เท่ากันในสังคม ผู้อพยพ แม้จะไม่ขาดเสบียง
ในการเดินทาง ที่นบีฮารูนต้องคอยตักเตือน ชี้ให้เห็น
ความกรุณาของพระเจ้า ที่ช่วยเหลือให้พวกเขารอดชีวิต
ตลอดเส้นทาง
หลายคนคิดว่า การอยู่ในอียิปต์นั้นดีกว่า แม้ชีวิต
จะเป็นทาสแต่ก็ไม่เลื่อนลอย อย่างการมาอยู่ในทะเลทราย
ที่ยังไม่มีแผ่นดินของตัวเอง
การเดินทางหาแผ่นดิน ด้วยการพาคนที่หอบสมบัติมากมายมานี้
มีอันตรายรอบด้าน จากการปล้น หรือความไ่ม่ไว้วางใจ
ให้ผ่านเมือง เพราะอาจปล้นหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน หรือยึดเมืองได้
การเจรจาต่อรอง กับภายนอกและการ ดูแลคนภายใน
เป็นภาระที่นบีฮารูนต้องดูแล เพราะนบีมูซานั้นจะ
ไม่อดทน กับผู้คนในสังคมที่มีปัญหา แยกย่อยไปมากมาย
ที่ต้องจัดระเบียบ ในการอพยพ
นบีมูซา เป็นผู้ตัดสินใจในข้อเรียกร้องต่างๆ
และเป็นผู้กำหนดเป้าหมายในการอพยพ ที่เด็ดขาด
โฆษณา