31 ก.ค. 2023 เวลา 17:29 • ท่องเที่ยว
แม่ฮ่องสอน

1 คน 1กระเป๋า 1มอเตอร์ไซต์ 1,000 กิโลเมตรกับสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีความหมาย

" สิ่งที่ดูเหมือนไม่มีความหมาย " การออกเดินทางในแต่ละครั้ง ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะพาตัวเองไปลำบากทำไม เอาตัวเองไปเสี่ยงทำไม ผมรู้แค่ว่าผมชอบเดินทาง ชอบตอนออกไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ เรียกผมว่า เป็นพวกประสบการณ์นิยมก็ได้นะครับ การเดินออกจากเซฟโซน มุ่งหน้าสู่ความไม่รู้ ก็อาจทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉากับความจำเจ กลับมาชุ่มชื่นกับประสบการณ์ใหม่ๆที่ต้องเผชิญ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท อันไหนที่เราประเมินแล้วพบว่าอันตราย ก็ควรถอยออกมา
ทุกครั้งที่เดินทาง ผมแค่อยากจะปลดปล่อยร่างกายและจิตใจให้เป็นอิสระ อาจจะดูเพ้อฝัน แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ปล่อยให้ร่างกายเดินทาง ปล่อยให้ใจได้ทบทวนตัวเอง ปล่อยให้ความคิดได้จดจ่อกับการขับรถ ผ่านหลังแฮนด์มอเตอร์ไซต์ กับตัวตนที่แท้จริงของเรา
 
ผมตัดสินใจขับมอเตอร์ไซต์และแบกเป้หนึ่งใบ พร้อมถังน้ำมันสำรอง มุ่งหน้าสู่ความไม่แน่นอนของชีวิตทันที จังหวัดที่ผมตัดสินใจไปคือ แม่ฮ่องสอนครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมแค่รู้สึกอยากไป ผมก็ตัดสินใจทันที เป้าหมายแรก " อ.แม่สะเรียง "
1
ทางหลวงหมายเลข 105 แม่สอด-แม่สะเรียง
ทริปนี้ผ่านมานานแล้วนะครับ แต่เนื่องจากได้เขียนบันทึกเอาไว้ ก็เลยเอามาเรียบเรียงใหม่ ให้ได้อ่านกันนะครับ
Day 1
เช้านี้ตื่นเต้นมาก ผมเริ่มต้นออกเดินทาง ตั้งแต่เช้าตรู่ กับเส้นทางในฝันของใครหลายๆคน เส้นทาง 105 แม่สอด-แม่สะเรียง ลืมบอกไปบ้านผมอยู่ อ.แม่สอด 105 เป็นเส้นทางที่ต้องขับไปตามแนวตะเข็บชายแดน เนื่องจากขับ wave อยู่คันเดียว ก็มีเสียวๆอยู่บ้าง ฮ่าๆ แต่ธรรมชาติสองข้างทาง ก็พอทำให้หัวใจมันได้เบิกบานพอสมควร พอขับไปได้สักพัก
จุดหมายแรกที่ผ่านคือ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ผมก็ขอแวะหน่อยเลยละกัน พร้อมกับเบี้ยวค่าเข้าอุทยานเล็กน้อย ฮ่าๆ พอดีงบน้อยครับ ประกอบกับแค่แวะผ่านมาดูเฉยๆ เจ้าหน้าที่ใจดีก็ให้เข้าได้ ^^ อุทยานแห่งชาติแม่เมยมีจุดชมวิวสวยๆอยู่หลายจุดครับ แต่เนื่องจากผมมีเวลาน้อย ผมมุ่งหน้าสู่ " ม่อนครูบาใส " อย่างเดียวครับ สวยมากครับ กับวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า
ม่อนครูบาใส
วิวบริเวณม่อนครูบาใส
ลืมไปว่าไม่ได้กินข้าวเช้าครับ ฮ่าๆๆ ขับเพลินจนลืมกินข้าว ก็เลยงัดขนมปังที่ซื้อมาตุนไว้กินเป็นข้าวเช้า+เที่ยงกับวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ขนมปังมันจะเย็นๆจืดๆ
แต่มันก็อร่อยจริงๆครับ ไม่ใช่อะไรครับ....หิว
จากนั้นก็เดินทางต่อเลยครับ มุ่งหน้าสู่ อ.แม่สะเรียง พอไปถึงแม่สะเรียงเท่านั้นแหละครับ อุปสรรคแรกมาแล้ว.....น้ำมันใกล้จะหมดและปั๊มที่แม่สะเรียง ก็กำลังปิดปรับปรุงอยู่ด้วยสิ ผมก็เลยวนเวียนอยู่ในตัวอำเภออยู่สักพัก เพื่อจะหาปั๊มอื่น..หาไม่เจอครับ...ด้วยความที่เรียนฟิสิกส์มา ผมก็ลองคำนวนดูคร่าวๆ น้ำมันน่าจะเหลืออยู่ประมาณ เกือบๆ 2 ลิตร ขี่ไปอำเภอ ขุนยวม ซึ่งอยู่ห่างไป ประมาณ 90 km ถ้าขับแบบความเร็วสม่ำเสมอก็น่าจะพอ ถ้าไม่พอก็จะต้องโบกรถแล้วละครับ ฮ่าๆ
ผมก็เลยตัดสินใจขี่ต่อไปเลยครับ สู่ อ.ขุนยวม ในใจก็ขี่ไป ลุ้นไปว่าจะเจอปั๊มก่อน หรือน้ำมันหมดก่อน โชคดีพอถึงขุนยวมปุ๊บ เจอปั๊มพอดีครับ ฮ่าๆ โล่ง ตอนนั้นก็เกือบเย็นแล้วครับ ต้องหาที่กางเต้นท์สำหรับคืนนี้แล้ว เนื่องจากแบกเต้นท์ แบกกระเป๋ามาเอง ที่นอนของเราก็คงต้องเป็นอุทยานครับ
เปิดแผนที่ เห้ย! เจอ อ.ปางอุ๋ง ผมคิดว่า อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง ต้องอยู่ อ.ปางอุ๋ง แน่ๆ ด้วยความที่อยากไปมาก ขี่ยาวๆเลยครับ พอไปถึงมีป้ายเขียนว่า "อ.ปางอุ๋ง จ.เชียงใหม่" ผมงานเข้าละครับ หลงทางแน่นอน ทะลุเชียงใหม่มาไกลซะด้วย ตอนนั้นคิดในใจ เอาไงดีวะ วันแรกก็เจอเรื่องละ
จากขุนยวม --> บ้านปางอุ๋ง จ.เชียงใหม่ --> อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์
เปิดแผนที่ดูอีกรอบ ถ้าขับย้อนมาทางเดิมประมาณ 30 กิโลเมตร จะเจอกับอุทยานแห่งชาติแม่สุรินทร์ ฟ้าก็ใกล้มืดแล้ว ตอนนั้นน่าจะ 6 โมงเย็นได้ ใจผมเริ่มกลัวเพราะสองข้างทางมีแต่ป่า ถ้าใครเคยไปทุ่งดอกบัวตอง เป็นเส้นทางเดียวกันครับ แต่ตอนนั้นไม่เห็นอะไรเลย ในใจอยากไปให้ถึงอุทยานเร็วๆ สุดท้ายก็มาถึงครับ มืดพอดี ก็เลยขออนุญาตเจ้าหน้าที่กางเต้นท์
เดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่มืดๆ
ผม "พี่ครับขอกางเต้นท์นอนหน่อยนะครับ พอดีเดินทางเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซต์ครับ "
พี่เจ้าหน้าที่ "ได้ๆ นอนเต้นที่กางแล้วตรงนั้นได้เลย"
เจ้าหน้าที่ก็ยกเต้นท์ของอุทยานให้นอน เพราะ ตอนกลางคืนฝนมันจะตกหนักครับ วันนี้ทั้งอุทยานมีกันอยู่ 3 คน ผม เจ้าหน้าที่อีก 2
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์
จัดแจงของสักพัก เจ้าหน้าที่ผู้ใจดีก็มาชวนกินข้าวครับ พี่เจ้าหน้าที่แกทำกับข้าวเอง วันนั้นมีแขกของเจ้าหน้าที่มาแจมด้วย เป็นคุณครูอยู่แถวนั้น จำได้แม่นวันนั้นมี ต้มยำเห็ด หน่อไม้ต้ม น้ำพริกน้ำปู๋ พร้อมกับ เหล้าขาว อีก 2 ขวด ฮ่าๆ ผม พี่เจ้าหน้าที่ 2 คน พี่คุณครู รวม 4 คน นั่งกินข้าวใต้แสงเทียน เพราะ ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ
พี่เจ้าหน้าที่ " น้องมาจากไหนเนี่ย "
ผม "มาจากแม่สอดครับ"
พี่เจ้าหน้าที่ "ขับมอเตอร์ไซต์มาเองเก่งเน้อ"
คุณครู "น้องเรียนที่ไหนเนี่ย"
ผม "ผมเรียน มน. ครับ"
คุณครู "พี่ก็เรียน มน. ศึกษาศาตร์ รู้จักอาจารย์.....คนนั้นไหม"
ผม "ผมน่าจะไม่ทันนะครับ ฮ่าๆ"
พี่เจ้าหน้าที่ "เอาเหล้าขาวสักเป๊ก มั๊ย"
ผม "ไม่เป็นไรครับพี่ ฮ่าๆ ><"
พอตกดึกแล้วผมก็ขออนุญาติพี่เขามานอนครับ พี่เขาก็นั่งกินกันต่อ ก่อนกลับ พี่บอกว่า
" คืนนี้ไม่ต้องกลัวอะไรนะ ถ้าต้องการอะไรก็มาเคาะเรียกได้ อีกเดี๋ยวพี่จะออกลาดตระเวนละ "
ผม " ขอบคุณครับพี่"
ระยะทางรวมวันนี้ 390 กิโลเมตร
Day 2
พอต่างถิ่นก็ตื่นเช้าเป็นปกติครับ จัดแจงเก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ไปบอกลาพี่เจ้าหน้าที่ ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ฮ่าๆ พี่แกก็บอกให้โชคดี
ผมแวะดูน้ำตกแม่สุรินทร์สักพัก ก่อนเดินทางต่อ เป็นน้ำตกที่ไหลลงหน้าผาที่สวยงามมากครับ พร้อมกับอากาศยามเช้าที่สดชื่น ถ้าใครไปเที่ยวทุ่งดอกบัวตอง อย่าลืมแวะน้ำตกแม่สุรินทร์นะครับ
น้ำตกแม่สุรินทร์ จ.แม่ฮ่องสอน
ป้ายผู้พิชิต
แล้วเดินทางต่อครับ ปลายทางต่อมาคือ ทุ่งดอกบัวตอง ซึ่งเป็นทางผ่านของ อุทยาน แต่วันที่ผมไป ดอกบัวตองยังไม่บานครับ พร้อมกับหมอกหนาทึบ อันเนื่องจากฝนตกเทลงมาตลอดคืน
จุดชมวิวทุ่งดอกบัวตอง
นาขั้นบันได ระหว่างทาง
เดินทางกันต่อครับ คราวนี้ผมเดินทางยาวๆ สู่ อ.แม่ฮ่องสอน สองข้างทางสวยงามมาก และโค้งก็เยอะด้วยเช่นกัน วันนี้อากาศดีมาก เพราะ ฝนตกเมื่อคืน วันนี้ผมรู้สึกปลอดโปร่งมาก เลยหยิบหูฟังมาเปิดเพลงฟัง " หนุ่มพเนจร " ของพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ไปด้วย เข้ากับสถานการณ์ของเราตอนนี้เป็นอย่างดี หาจังหวะที่รถไม่ค่อยมี ตะโกนร้องเพลงไปด้วย
" เอ้า บิน บิน บิน บินไป บินไป บินไป เหมือนใจนี้ เสียงดนตรีบรรเลงเหมือนใจดิ้น แม้จะเจ็บปวดช้ำน้ำตาริน ปีกยังบิน ตายังจ้องมองทาง "
มันเป็นความรู้สึกที่ได้ ปลดปล่อย โล่ง ฟินมาก ฮ่าๆ
เผลอแปบเดียวครับ เดินทางสู่ อ.แม่ฮ่องสอน เรียบร้อย ผมคิดว่าเป็นเมื่องที่ เงียบสงบมากครับ แล้วรายล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งผมประทับใจมาก
ถ้ามาถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว ต้องไปสักการะ วัดพระธาตุดอยกองมูครับ อันมีชื่อเสียงของ อ.แม่ฮ่องสอนครับ
อ.แม่ฮ่องสอน
สวยงามมากครับ เคยเห็นแต่ในทีวี หรือในอินเตอร์เน็ต แต่พอมาเจอและสัมผัสด้วยตนเอง มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ผมใช้เวลาอย่างเต็มที่ จากนั้นก็เดินทางต่อเลยครับ Let's go
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ - ปางอุ๋ง
ปลายทางต่อไปคือ ไปนอนที่ อ่างเก็บน้ำปางอุ๋งครับ คราวนี้ถูกแน่นอน
ระหว่างฟินกับการเดินทาง ก็ไปเจอกับ พระตำหนักปางตอง ครับ ไม่รอช้าแวะเลยครับ อ๋อ เป็นส่วนพื้นที่ของโครงการพระราชดำริ มีสวนสัตว์ให้ดูเพลินๆครับ ซึ่งวันที่ผมไป เจ้าหน้าที่กำลังจะปรับปรุงพื้นที่ครับเพื่อต้อนรับฤดูท่องเที่ยว ถ้าใครแวะมาเชิญชวนครับ
พระตำหนักปางตอง
ต่อกันเลยครับ เดินทางสู่ อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง แต่สายตาก็พลันไปเจอกับหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อ หมู่บ้านรักไทย เคยได้ยินชื่อในอินเตอร์เน็ต ขอแวะหน่อยละกัน
ตัวหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านของคนจีนครับ บรรยากาศใช่เลย ตรงกลางหมู่บ้านเป็นอ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ สวยงามมาก ผมอยากจะนอนที่นี่เลย แต่ไม่มีตังครับ ฮ่าๆๆๆ
บ้านรักไท
พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละครับ พี่เขาเรียกให้มาชิมชา ชิมได้ตามใจชอบเลยครับ
ซึ่งชาหอมมาก รสชาติดีบวกกับบรรยากาศ บอกได้คำเดียวครับ ฟิน
อยากจะซื้อกลับนะครับ แต่ผมมีงบแค่ค่าน้ำมันกับค่าอาหารเท่านั้นแหละครับ
ก็ขอโทษพี่เขา พี่ก็บอกไม่เป็นไร ผมก็ลากลับครับ ขอพื้นที่ตรงนี้ประชาสัมพันธ์ครับว่าชารสชาติดีมากครับ แวะไปกันเยอะๆนะครับ ^^ กับหมู่บ้านรักไทย
ได้เวลาหาที่พักครับ เพราะฝนเริ่ม โปรยปรายลงมาแล้ว กับที่นี่ครับ อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง พอไปถึงปุ๊บ ก็เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ครับ
" พี่ผมขอกางเต้นท์สักคืนได้มั๊ยครับ"
"เอาเลยน้อง"
"ผมกางตรงไหนได้บ้างครับ"
" เลือกได้ตามใจเลยน้อง "
พี่เจ้าหน้าที่ให้กางฟรีนะครับ เพราะวันที่ผมไปเป็น low season ไม่มีใครสักคนเลยคน
อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง
ผมก็แวะมาที่สถานที่กางเต้นท์ในป่าสน แต่ดูจากสภาพอากาศแล้ว ไม่น่านอนได้ ก็เลยขอพี่เขานอนตรงซุ้ม ตรงอ่างเก็บน้ำครับ
ที่นอนคืนนี้
จัดแจงกางเต้นท์ เก็บข้าวเก็บของ เรียบร้อยก็มืดพอดี พอเริ่มมืดแล้ว บรรยากาศมันก็เริ่มวังเวง และเหงามากครับ คือ มันไม่มีอะไรทำจริงๆ ผมใช้เวลานั่งมองแสงสว่างๆค่อยๆมืดลงๆ นั่งมองดูหงส์ สองตัวว่ายน้ำ เหงาและเงียบมาก ผมใช้เวลาตรงนี้เริ่มสำรวจตัวเอง กับการเดินทางที่ผ่านมา ถ้านับจากวันแรก เรามาถึงตรงจุดนี้ได้อย่างไร เราจะไปไหน และเราจะทำอะไรต่อ บางทีการที่เรานั่งเงียบแบบนี้ ก็ทำให้เราได้ทบทวนชีวิตของตัวเองมากขึ้นนะครับ ได้เวลาเข้านอนครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
ระยะทางรวมวันนี้ 503 กิโลเมตร
นอนไม่ได้ครับ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
พอนอนไปได้ซักพัก มีความรู้สึกเหมือนแขนเปียก เฮ้ย!! งานเข้า ลมมาเป็นพายุเลยครับ เนื่องจากผมนอนบนซุ้ม และไม่ได้ตรึงเต้นท์ไว้ เต้นท์ปลิ้วครับ ถ้าผมไม่อยู่ข้างใน เต้นท์น่าจะปลิวตกน้ำไปแล้วครับ เอาไงดี แบบนี้นอนไม่ได้แน่
ต้องลุกออกมาพร้อมกับสายฝนที่ปะทะหน้า หนาวมาก ลมแรงมาก เราต้องหาเชือกเอาไว้ยึดเต้นท์ ค้นไปค้นมาเจอ จัดแจงยึดเต้นท์ไว้กับเสาซุ้ม โห เปียกครับ กว่าจะยึดเสร็จ ต้องสู้กับลม ยื้อกันไปยื้อกันมา ชีวิตมันออกรสชาติเหลือเกิน ฝันดีครับกับการนอนแบบชื้นๆ นอนไม่หลับครับ ฮ่าๆ
Day 3
รุ่งเช้าไม่รู้เป็นอะไร ถ้าต่างถิ่นมักจะตื่นเช้าเสมอ กับบรรยากาศอ่างเก็บน้ำของปางอุ๋ง สวยงามมากครับ ผมคือยืนอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่เลยครับ สุดยอดมาก
บรรยากาศตอนเช้า
จัดแจงเก็บข้าวของ ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ แล้วออกเดินทางเลยครับ ข้าวค่อยไปหาข้างหน้าละกัน เตรียมมาม่าคัพไปนะ แต่ไม่ได้กิน ก็เลยซื้อมาแบกเล่นๆ ฮ่าๆ
เดินทางต่อครับ ยาวๆๆ ตะโกนร้องเพลงไปตามทาง เล่นโค้งไปเพลินๆ ลืมกินข้าวเช้าครับ ก็กะว่าจะไปหาอะไรกินที่ อ.ปางมะผ้า ฝนก็โปรยปรายมาพอชุ่มชื่น เป้าหมายวันนี้อยู่ที่ อ.ปาย ครับ
ปางอุ๋ง - ปาย
แวะดูจุดชมวิว จุดที่สูงที่สุดของถนน ปาย - ปางมะผ้า ลมพัดมาเย็นๆพร้อมกับฝนนิด
ดอยกิ่วลม จุดชมวิว อ.ปางมะผ้า
เที่ยงนิดๆ สู่ อ.ปางมะผ้า ผ่านร้านข้าวแกง หิวมากเลยครับ
ผม " ป้า หิวมากเลยครับ ซื้อข้าวหน่อยครับป้า"
ป้า " สั่งเลย อร่อยทุกอย่าง "
ผมก็จัดชุดใหญ่เลยครับ ก็ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เวลาหิวๆ คือ อะไรก็มันก็อร่อย ว่าไหมครับ จัดเต็มครับ พร้อมกาแฟสักกระป๋อง แก้ง่วงครับ ฮ่าๆๆ
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ก็ยิงยาวเพลินๆสู่ ปายครับ ^^
สะพานประวัติศาสตร์ปาย
ณ อำเภอปาย สิ่งที่สำคัญเลยเวลามาปาย คือ ถนนคนเดินปาย ผมเปิดแผนที่หา ถนนคนเดิน ไม่เจอครับ ( ลืมบอกไปว่า แผนที่ผมเป็นกระดาษที่ซื้อมา 50 บาทครับ ไม่ใช่ google map นะครับ) ผมขี่รถวนรอบเมืองปาย อยู่ 2-3 รอบ จนกว่าจะเจอ ฝนก็ตกลงมาแล้ว เตรียมเสื้อกันฝน ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายภาพเลยครับ
เดินเล่นถนนคนเดิน แวะหาซื้อ สติกเกอร์ แปะรถเท่ๆสักหน่อย ถนนเงียบมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะผมมา ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว และจะเจอฝรั่งเยอะพอสมควร สอบถามดูก็รู้ว่า ฝรั่งขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวมาจากเชียงใหม่ เยี่ยมเลย
จากนั้นเราก็แวะเที่ยว สะพานประวัติศาสตร์ปาย ครับ จะเจอคนแต่งตัวเป็น แจ็ค สแปโร อยู่แถวๆนั้น ก่อนออกจากปาย สายตาเหลือบไปมองเห็น คำว่า กองเเลน ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เลยเดินแบกเป้ขึ้นไป อ่อ กองแลน มันเป็นคล้ายๆ แกรนแคนยอน
ผู้พิชิต 1864 โค้ง
กองแลน อ.ปาย
ก็เพลินดีครับ กับการแบกเป้ขึ้นมา เล่นเอาหอบ ฮ่าๆๆ จากนั้นวางแผนต่อละครับ ว่าจะไปนอนที่ไหนดีคืนนี้ ก็ตัดสินใจไปนอนหอพักเพื่อนที่เชียงใหม่ครับ สบายหน่อย เราลุยมา 2 วันแล้ว ฮ่าๆ ยิงยาวไปเชียงใหม่เลยครับ
กับถนน 1095 เชียงใหม่ - ปาย
ถนน 1095 เชียงใหม่ - ปาย
ก่อนจะถึงเชียงใหม่ เจอด่านตำรวจ เราก็ไม่กังวลอะไร ใบขับขี่เราก็มี ทะเบียนก็ไม่ได้ขาด
คุณตำรวจ "ไปไหนครับ แบกอะไรมาเต็มเลย"
ผม "ไปเชียงใหม่ครับ พอดีผมขับมอเตอร์ไซต์เที่ยว"
คุณตำรวจ "ขอดูใบขับขี่หน่อยครับ"
ผม "ครับ"
คุณตำรวจ "เอารถจอดข้างทาง แล้วเปิดใต้เบาะให้ดูหน่อย"
ผมผมคิดในใจ " ตรูทำผิดอะไรวะ มอเตอร์ข้างหน้ายังผ่านไปได้เลย หน้าตาตรูแปลกเหรอ ตรูไม่ได้พออาวุธ พกอะไรเลย "
พอคุณตำรวจเช็คแล้วก็ไม่เจออะไร ก็ปล่อยผ่านครับ
ถึงเชียงใหม่ ก็เย็นพอดีครับ ขี่รถแวะหาเพื่อน ขอนอนกับเพื่อนสัก 2 คืน ให้มันหายเหนื่อย ก่อนเดินทางกลับบ้าน ที่เชียงใหม่ผมไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหนเลยครับ เพราะผมมาเที่ยวบ่อยมาก ทริปนี้มาพักให้หายเหนื่อยเฉยๆ
ระยะทางรวมวันนี้ 748 กิโลเมตร
Day 6
จากนั้น 2 วัน ก็ถึงเวลากลับบ้านครับ ผมรู้สึกอิ่มแล้วกับทริปนี้ และเริ่มคิดถึงบ้านแล้วคราวนี้ยิงยาวครับ เชียงใหม่ - แม่สอด ดูจากแผนที่ต้องผ่าน ลำพูน-->แพร่-->ลำปาง-->ตาก-->แม่สอด สบายเป็น ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ขับยาวๆครับ
แต่มันก็งานเข้าช่วงสุดท้ายพอดี หลงทางอีกแล้ว ฮ่าๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองหลงทางก็ตอนเห็นป้ายเขียนว่า จ.อุตรดิตถ์ อ้าวลำปาง หายไปไหน เลยแยกห้าเชียงตอนไหนเนี่ย งานเข้าแล้วตรู กลับบ้านอ้อมไกลเลย
แวะข้างทาง เปิดดูแผนที่ใหม่ หาเส้นทาง ก็เจอเส้นทางต้องตัดผ่าน แพร่-->สุโขทัย แล้วใช้เส้นทาง สุโขทัย --> ตาก กลับบ้าน ก็ยาวเลยครับ ขับอ้อมจากเส้นทางเดิม กว่าร้อยกิโล TT
สุดท้ายก็เดินทางถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ เจอทั้งฝน ทั้งแดด ทั้งลม ทั้งหนาว ทุกรสชาติของชีวิต กับประสบการณ์ของชีวิต ว่าชีวิตนี้มันมีอะไรอีกมากมายให้สัมผัส ให้รับรู้ ทั้งความสุข ความเซ็ง ความเหงา ความสวยงาม ความกลัว ความสนุก ความหิว
ต่างๆมากมาย ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตนเองครับ
ทุกวันนี้เวลาผมกลับไปฟังเพลง หนุ่มพเนจร ผมก็ยังคิดถึงอารมณ์ ห้วงเวลาที่ผมตะโกนร้องเพลงได้อยู่เลย เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากครับ
เส้นทางออกทริปทั้งหมด
สิ้นสุดครับการเดินทางของผมแล้วนะครับ กับ 6 วันรวมระยะทางแล้ว 1,183 กิโลเมตร
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ ^^
นักฟิสิกส์ (ชอบเที่ยว)
โฆษณา