"You Forgot, Brother" ของ Vitaly Aksyonov เพลงรัสเซียเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน สะท้อนความเจ็บปวดของประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่บนความขัดแย้งในดินแดน และเป็นเหยื่อแห่งสงคราม ทั้งที่สืบสายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เดียวกันมา
ปี 2460 เมื่อราชวงศ์โรมานอฟหมดอำนาจ กลุ่มชาตินิยมยูเครนจึงขอแยกตัวออกไปเป็นประเทศ โดยมีเยอรมนีหนุนหลัง แต่พอเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 พร้อมการก่อตั้งสหภาพโซเวียต ยูเครนจึงถูกรวมเข้าอยู่ในโซเวียต
ในปี 2534 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ยูเครนต้องการเอกราชกลับคืนมา แต่ติดปัญหาที่คลังอาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียตยังอยู่ในเขตพื้นที่ยูเครนจำนวนมาก จึงเป็นข้ออ้างของรัสเซียด้านความมั่นคง
เกิดการเจรจาและทำข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 2537 เรียกว่า "บันทึกบูดาเปสต์" ยูเครนซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีอาวุธนิวเคลียร์มากเป็นอันดับสามของโลก ยอมปลดอาวุธ เพื่อแลกกับ “เอกราช”
จุดเปลี่ยนปี 2556 เมื่อสหภาพยุโรป เสนอเงื่อนไขให้ยูเครน เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของ EU ให้ชาวยูเครนเคลื่อนย้ายไปทำงานทั่วยุโรปได้อย่างอิสระ และให้โอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจโดยยกเว้นกำแพงภาษี ซึ่งเรื่องนี้ฝั่งรัสเซียไม่เห็นด้วยเพราะรัสเซียมีกลุ่มเศรษฐกิจของตัวเองอยู่ (EAEU) และต้องการให้ยูเครนอยู่ใน EAEU ต่อไป
เหตุการณ์ในปี 2557 วิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดีของยูเครนขณะนั้น เลือกจงรักภักดีกับรัสเซีย โดยการระงับข้อตกลงกับ EU สร้างความโกรธแค้นให้ชาวยูเครน จนต้องลี้ภัยไปอยู่รัสเซีย และเป็นเหตุให้รัสเซียเข้ายึดดินแดนไครเมีย โดยอ้างการชนะโหวตจากประชาชนที่เลือกย้ายไปอยู่กับรัสเซีย ด้วยคะแนนโหวต 96.77%
และต่อมารัสเซียยังได้สร้างสะพานข้ามช่องแคบเคิร์ช เชื่อมต่อดินแดนระหว่างไครเมีย กับประเทศรัสเซียอีกด้วย
ด้านแคว้นดอนบาส ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน มีคนเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่มาก เมื่อเห็นไครเมียไปอยู่กับรัสเซียได้ จึงเกิดกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดน เพื่อขอแยกไปตั้งเป็นประเทศตัวเอง ซึ่งรัสเซียก็เป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
จุดแตกหักสำคัญเกิดขึ้นเมื่อยูเครน โดยประธานาธิบดี เซเลนสกี จะพายูเครน เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของ NATO ซึ่งพยายามลดทอนอำนาจรัสเซียตั้งแต่สมัยเป็นสหภาพโซเวียต จึงเป็นเหตุขัดแย้งจนยูเครนกลายเป็นสนามรบในสงครามตัวแทน ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์จากพันธมิตร NATO
ประธานาธิบดี ปูติน พยายามผลักดันเรื่องเล่าเกี่ยวกับยูเครน ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และเชิงจิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในโลกของรัสเซียที่ว่า ชาวรัสเซียและยูเครนล้วนสืบเชื้อสายมาจากชาวรัสเซียโบราณ ทั้งชาวสลาฟและเผ่าอื่นๆ ดังนั้น รัสเซีย - ยูเครน เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
สงครามที่อ้างว่าเพื่อ “ป้องกันสันติภาพ” ครั้งนี้จึงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่า "หยิกเล็บเจ็บเนื้อ"
ที่มา :