1 ส.ค. 2023 เวลา 16:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ลงทุนอย่างไรในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

ความคิดเห็นและการวิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นทะยานอย่างเร็วเป็นพิเศษในระยะเวลากว่า 40 ปี ตัวชี้วัดวัฏจักรเศรษฐกิจและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบต่อตลาดส่งออกของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ที่เป็นประเทศหลักในการค้าของสหรัฐอเมริกา
การวิเคราะห์ในตลาดส่งออกของสหรัฐอเมริกา:
พบว่าประเทศจีนมีการพลิกกลับมาขยายตัวอย่างมหาศาลโดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 4.5% หลังจากเปิดตัวลดลงถึง -24% ในเดือนก่อนหน้านี้ โดยสินค้าที่มีความสำคัญในการส่งออกไปยังจีนมีค่าเพิ่มขึ้น 29.1% ที่กำไรเพิ่มขึ้น 17.2% และฮ่องกงมีการขยายตัวเติบโต 17.6% เนื่องจากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่เพิ่มขึ้นถึง 133.9% ในปีนี้
ในทางตรงกันข้าม สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีอัตราการส่งออกที่หดตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยสหรัฐอเมริกาหดตัวลงถึง -5.0% และยุโรปหดตัวอยู่ที่ -6.4% ก่อนที่จะขยายตัวขึ้นเป็น 9% ในเดือนก่อน
การวิเคราะห์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย:
พบว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลง อัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ 5.00% ซึ่งมีความใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังอยู่ที่ระดับ 4.75 - 5.00% หากดูดอกเบี้ยตลาดหลักที่ผู้บริโภคเสียใจอย่างใกล้ชิดในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราเงินเฟ้อในอนาคตอาจสูงขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยที่คงที่หรือปรับลดลง
ด้วยการเชื่อมโยงกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯคาดว่าอาจปรับขึ้นไปที่ระดับ 5.00 - 5.25% และจะหยุดวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่นั้นหลังจากที่ราคากลับมาสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
เมื่อพิจารณาเศรษฐกิจและโอกาสในการลงทุน ควรคำนึงถึงตัวชี้วัดวัฏจักรเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และสนับสนุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มี โอกาสกลับมาคึกคัก เช่น สินทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลก
กลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ที่น่าสนใจอาจรวมถึงกลุ่มสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ในระดับที่น่าสนใจและราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ดี การลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจควรพิจารณาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพื่อดูแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยหากอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาลงในอนาคต สินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนสูงอาจมีความน่าสนใจในการลงทุน
นอกจากนี้ กลุ่มสินทรัพย์ที่สามารถพิจารณาได้คือ:
1. สินทรัพย์ที่มีโอกาสกลับมาคึกคักหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ในกลุ่มนี้ควรเน้นกลุ่มที่รายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงตามเทรนด์ Digital Transformation เช่น กลุ่ม Cloud Computing และ Cybersecurity
2. สินทรัพย์ที่เป็น Recession Fighter คือ หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) ที่มีอัตราการเติบโตสม่ำเสมอตามเมกะเทรนด์สังคมผู้สูงอายุและเป็นกลุ่มผู้ผลิตนวัตกรรมการแพทย์ เช่น Biotechnology และ Digital Health
3. สินทรัพย์ในตลาดที่มีโอกาสเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกและมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มหุ้นจีนที่กำลังฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอัตราการเติบโตสูง
บทสรุป:
เมื่อพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสกลับมาคึกคัก ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์และแผนการลงทุนของแต่ละบุคคลเมื่อพิจารณาด้านเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงสภาพความเสี่ยงของตลาดส่งออกโดยสามารถดูแล้วระบุกลุ่มสินทรัพย์ที่น่าสนใจได้ ซึ่งอาจประกอบด้วยสินทรัพย์ที่มีภาวะอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในมูลค่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว
โฆษณา