7 ส.ค. 2023 เวลา 10:32 • ท่องเที่ยว
Ghibli Park

'Ghibli park' แห่งเมืองนาโงย่า ความหวังครั้งสุดท้ายของฮายาโอะ มิยาซากิ

เค้าว่ากันว่านาโงย่าเป็นเมืองนอกสายตานักท่องเที่ยวไทย ทัั้งที่ก็มีเส้นทางการบินมาลงที่นี่โดยตรง อาจเพราะคนยังไม่รู้จะมาเที่ยวอะไรที่เมืองนี้
แต่พอมีข่าวจิบลิซึ่งเป็นค่ายอนิเมชั่นที่เคยคว้างรางวัลออสการ์จะมาเปิดที่นี่ เมืองนาโงย่าก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จิบลิมีแฟนๆ อยู่ทั่วโลก แน่นอนว่าประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ล่าสุดจิบลิก็ขนเอาความน่าสนใจบางส่วนมาเปิดนิทรรศการให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัส ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี คนเยอะทุกวัน
แต่นั่นก็ยังถือเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่ถ้าอยากได้แบบจัดเต็มก็ต้องไปที่ Ghibli Park เท่านั้น
สิ่งที่ยากที่สุดในการไป Ghibli Park ไม่ใช่เรื่องการเดินทางไป ถึงแม้ว่ามันจะอยู่นอกเมืองและค่อนข้างไกลก็ตาม แต่มันคือการ 'จองตั๋ว' ต่างหาก
1
Ghibli Park เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อเดือน พ.ย. 2022 ฉะนั้นตอนนี้เลยยังไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ว่าตอนนี้ข้างในมันเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งนี้เราเลยจะจองตั๋วแล้วไปสำรวจภายใน Ghibli Park กัน
ตามสไตล์ญี่ปุ่นที่ต้องซื้อตั๋วระบุวันที่จะไปไว้ก่อน ไม่สามารถไปซื้อหน้างานได้ พอเข้าเว็บไปดูพบว่าวันที่ตั้งใจจะไปนั้นบัตร Sold out ไปแล้ว ฝันสลายเลย
 
ผมก็เลยลองจัดคิวในทริปใหม่ แทรกแผนเดินทางเพื่อหาว่าจะมีวันไหนที่ว่างไปเยือนนาโงย่าได้อีกไหม ก็เจอว่าจะมีวันนึงที่พอจะว่างอยู่
นั่นคือหลังจากที่ไปดูคอนเสิร์ต Fuji Rock Festival ที่นีงาตะเสร็จ ตามแผนเดิมจะเดินทางไป Super Mario World ที่โอซาก้าต่อ แต่ถ้าผมออกจากคอนเสิร์ตเร็วหน่อย ก็จะมีวันว่างเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวัน ซึ่งก็คือวันที่ 31 ก.ค. พอลองไปเช็คตั๋วดูปรากฎว่ายังมีบัตรอยู่ ก็เลยต้องรีบกดเลย เพราะกลัวว่าช้าเดี๋ยวบัตรจะหมด และแล้วผมก็ได้บัตร Ghibli Park มาครองในที่สุด
เสริมนิดนึงว่าตั๋วกดจองจากในไทยได้เลย ตอนแรกกดไม่ได้ เหมือนว่าเป็นเรื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่สุดท้ายก็กดได้เฉยเลย (เดาว่าเบราเซอร์บางตัวอาจจะไม่รองรับและทำให้รวน)
2
สำหรับรอบจะมีให้เลือกรอบเช้ากับบ่าย โดยตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เพิ่งจะเปิดแค่เฟสแรกเท่านั้น ซึ่งที่เราจะซื้อตั๋วเข้าไปเที่ยวกันในรอบนี้นั้นมีชื่อว่า 'Ghibli Grand Warehouse' และในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีกสองโซน ซึ่งก็คือ Hill of the Youth และ Dondoko Forest
การเดินทางไม่ยาก ต่อรถไฟ 3 ต่อ จากสถานี Nagoya แล้วก็ถึงเลย แต่ระยะทางค่อนข้างไกลอยู่ ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ
สถานีรถไฟต่อที่สามที่จะพาเราไป Ghibli Park
ทางออกสถานีที่ตั้งของ Ghibli Park สีสันสดใส
พอถึงแล้วก็โชว์ e-ticket ให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็ขอให้โชว์ ID card หรือพาสปอร์ต เพื่อยืนยันว่าเราคือคนเดียวกับชื่อที่ระบุในตั๋ว ยืนยันเสร็จก็เข้าได้เลย โดยเค้าจะแจกตั๋วหนังให้หนึ่งใบก่อน สำหรับใช้ชมอนิเมชั่นเรื่องสั้นในโรงหนังของที่นี่
หน้าทางเข้า Ghibli Park ซึ่งเดิมเป็นที่จัดงาน Expo ของภูมิภาคนี้
ตั๋วสำหรับชมอนิเมชั่น ใช้เสร็จแล้วเก็บกลับเป็นที่ระลึกได้
พอเข้าไปก็ตกใจว่าคนต่อคิวเยอะมาก นึกว่าจองเป็นรอบแล้วคนที่มาจะพอดีๆกับสถานที่ พอไปถามเจ้าหน้าที่ดูก็ได้ความว่าสรุปที่ต่อแถวยาวคือโซน central exhibition ซึ่งผมเดินทางมาค่อนข้างไกลแล้ว ให้ต่อแถวยืนรอนานๆ อีกอาจจะไม่ไหว เลยตัดสินใจจะไปเดินดูโซนอื่นๆ ก่อน
คนต่อคิวรอเข้า Central Exhibition
เดินๆ ไปก็เจอเค้าเปิดให้เข้าโรงหนังพอดี ก็เลยถือโอกาสเข้าไปนั่งพักในโรงหนังด้วยเลย อนิเมชั่นที่ฉายนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะทำขึ้นมาเพื่อ Ghibli Park โดยเฉพาะ
อนิเมชั่นที่ได้ดูคือเรื่องซ้ายมือ รวมๆแล้วมีความเป็นจิบลิสูงเลย
ลายเส้นดูสวยแปลกตาเลย และก็ไม่มีบทพูดด้วย เน้นดูภาพแล้วเข้าใจเลย เดาว่าอาจจะเพื่อให้เด็กเล็กสามารถดูเข้าใจได้ แป๊ปๆ หนังก็ฉายจบ เราก็ได้เวลาไปสำรวจโซนอื่นต่อ
โซนต่างๆจะมีทั้งโซนที่ถ่ายรูปได้ และห้ามถ่ายรูป ซึ่งจะมีป้ายบอกไว้ หรือถามพนักงานก็ได้ จะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ ตลอด
โซนแรกที่ขอพูดถึงซึ่งสามารถถ่ายรูปได้คือโซนที่รวมอนิเมชั่นของ Ghibli ในฟอร์แมตต่างๆ แยกเรื่องเอามาโชว์เป็นห้องต่างหาก
2
อย่างเช่น เรื่องสุสานหิ่งห้อย เค้าก็จะรวมดีวีดีของภาษาต่างๆ รวมไปถึงมีม้วนวิดีโอมาจัดแสดงด้วย ผมเองก็เพิ่งเคยจะเห็นม้วนวิดีโอของจิบลิครั้งแรกที่นี่แหละ แผ่นเสียงอะไรแบบนี้ก็มีด้วย เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจมาก
2
รวมผลงานค่ายจิบลิในฟอร์แมตต่างๆ แต่เท่าที่ดูไม่เจอภาษาไทยนะ
Totoro คอยต้อนรับอยู่หลังบาร์ ไปนั่งโพสต์ท่าถ่ายรูปได้
ผลงานใหม่ของค่ายจิบลิ เดี๋ยวสักพักใหญ่ๆ น่าจะมีเข้าฉายในไทย
อีกจุดที่น่าสนใจคือ Special Exhibition ที่มีธีมเกี่ยวกับอาหารที่ปรากฎในอนิเมชั่นเรื่องต่างๆ ของ Ghibli
มีตู้กาชาปองของจิบลิให้หยอดด้วย
เริ่มต้นด้วยการจำลองเมนูอาหารจากเรื่องต่างๆ จากที่เคยเห็นเฉพาะในหนัง แต่ได้มาเห็นเป็นจานๆ อยู่ตรงหน้านี่ค่อนข้างว้าวเลย
4
เสร็จจากอาหารจำลองก็ต่อด้วยการโชว์แผ่นร่างของฉากทานข้าวก่อนจะมาเป็นอนิเมชั่น เราจะได้เห็นฉากทำอาหารหรือฉากกินอาหารในอนิเมชั่นของจิบลิ ตั้งแต่เป็นหน้ากระดาษเปล่าๆ ค่อยๆ ร่าง ค่อยๆ ลงลายเส้น ไปเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นอนิเมชั่นที่ขยับได้แบบที่เราเคยดูกัน
ปิดท้ายด้วยครัวที่จำลองมาจากอนิเมชั่นของจิบลิอีกเช่นกัน เราเข้าไปหยิบจับของต่างๆ และเล่นกับครัวนี้ได้
พอพ้นออกมาจากโซน Special Exhibiton ก็เดินสำรวจโซนอื่นๆ ก็ไปเจอโซนนึงซึ่งเดินเข้าไปแล้วยังงงๆ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนเดินไปเรื่อยๆ ถึงค่อยสังเกตุว่าของต่างๆ ที่โชว์มันมีขนาดใหญ่ยักษ์มาก แบบถ่ายไฟฉายนี่ขนาดสูงเท่าเอวเลย
ทันในนั้นก็นึกได้ว่าหรือนี่คือโซนที่พาเราเดินทางเข้าไปในโลกของ Arriety ซึ่งเป็นเรื่องราวของมนุษย์ตัวจิ๋วที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเดียวกับที่เราอยู่นี่แหละ ในเรื่องเราจะได้เห็นการเดินทางผจญภัยของมนุษย์จิ๋วท่ามกลางสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของมนุษย์
ผมเลยชอบโซนนี้มาก เพราะมันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย่อไซส์ไปสำรวจโลกที่อะไรๆ ก็ใหญ่ไปหมด
โซน Arriety เป็นอีกโซนที่คนถ่ายรูปเยอะ
รอบบ่ายที่ไปจะอยู่ได้ถึงห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาปิดทำการของที่นี่พอดี หลังจากเดินดูโซนต่างๆ จนครบ สักสี่โมงก็เลยวนมา Central Exhibition อีกที คนน้อยลงไปเยอะ
พอเข้าไปถึงรู้ว่าทำไมแถวยาว เพราะมันเป็นการจำลองฉากจากเรื่องต่างๆ มาให้ถ่ายรูปได้ และฉากแรกคือผีไร้หน้ากับรถไฟจาก Spirited Away คนเลยรอคิวถ่ายที่จุดนี้จนคอขวด ทั้งทีข้างในยังโล่งๆ (อันนี้คือตอนช่วงสี่โมงที่ใกล้จะปิดละ)
1
ส่วนผมยอมตัดใจ พอถึงคิวผมที่เข้าโซนได้ เลยเดินไปฉากอื่นๆ แทน ซึ่งบางจุดก็มีคิวบ้าง แต่น้อยกว่าทางเข้าเยอะ
ภายใน Central Exhibition ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีต่อคิวถ่ายรูป แล้วแต่ความนิยมของเรื่องนั้นๆ
เดินไปได้นิดนึง เจอเจ้าหน้าที่เรียก ก็แอบตกใจ สรุปว่าเจ้าหน้าที่เรียกผม ขอให้ช่วยถ่ายรูปให้กับนักท่องเที่ยวคนนึง (นักท่องเที่ยวคงขอให้เจ้าหน้าที่ถ่ายให้ แต่คงผิดกฏ ก็เลยมาขอผมอีกที)
ผมก็ไปถ่ายให้ และทำ MOU กันว่าอย่างนี้เรามาสลับกันถ่ายให้มั๊ย เพราะผมก็มาคนเดียวเหมือนกัน ดีลสำเร็จ เลยไปขอบคุณพนักงานที่ชี้ทางสว่างให้
1
คุยได้ความว่าเป็นคนจีนและเป็นแฟน Ghibli ตัวจริง เห็นฉากจำลองและจำเรื่องราวในอนิเมชั่นได้หมดเลย
พอเดินครบ ก็จะมาจบที่ร้านของที่ระลึก ของจัดเต็มมาก ของน่ารักไปหมด ไม่ได้ถ่ายรูปมาเหมือนกัน เพราะเค้าห้าม
ร้านขายของที่ระลึก มีของเยอะมาก
สรุปเลยคือเหมาะมากถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Ghibli แค่ได้เห็นฉากและตัวละครต่างๆ หลุดออกมาจากจอมาให้เห็นตรงหน้าก็คุ้มแล้ว
1
มีเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่โตโยต้าว่าเค้าได้เจอลุงคนนึงที่โตโยต้าสำนักงานใหญ่เป็นเดือนๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้จากเพื่อนร่วมงานแคว่าเป็นคนที่ขอมาศึกษาดูงานระบบของโตโยต้า
รุ่นพี่คนนี้ก็มารู้ทีหลังว่าคนคนนั้นก็คือ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ได้ยินว่าฮายาโอะนั้นประทับใจระบบการทำงานของโตโยต้าเอามากๆ เลยขอมาอยู่ที่สำนักงานใหญ่เป็นกรณีเป็นพิเศษ
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือสำนักงานใหญ่โตโยต้านั้นอยู่ที่เมืองโตโยต้า ซึ่งอยู่ใกล้เมืองนาโงย่าแบบแทบจะติดกันเลย
เป็นไปได้ไหมว่าเพราะในช่วงหลังๆ นี้ฮายาโอะมาใช้เวลาอยู่แถวนี้ ก็เลยอยากจะสร้างโลกของจิบลิในพื้นที่แถบนี้ที่ตนเองชื่นชอบ และทุ่มเทถ่ายทอดความเป็นจิบลิออกมาให้ยิ่งใหญ่ ให้สมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะวางมือไป และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไม Ghibli Park ถึงมาตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา