2 ส.ค. 2023 เวลา 07:50 • บันเทิง

“ASAP Baby… Hurry up! Don’t be lazy.”

แค่เปิดเพลงมาก็ติดหูแล้ว พอได้ดูเอ็มวีก็ต้องใจละลายไปอีกกก เมื่อ ADOR ได้ปล่อยเพลงใหม่ของนิวจีนส์ (NewJeans) อัลบั้ม Get Up อีกครั้ง แอดเกรย์ไม่รู้จะตื่นเต้นกับอะไรก่อนเลย ระหว่างค่ายที่พร้อมลงทุนกับเอ็มวีทุกตัวในมินิอัลบั้มตัวที่สองหรือทฤษฎีเบื้องหลังเพลง ASAP ชวนขนลุก
เนื้อหาเพลงของทั้งอัลบั้มคือการหลุดเข้าไปในเทพนิยายเรื่องต่าง ๆ อย่างเพลง Cool With You เป็นกามเทพคิวปิดแห่งปกรณัมกรีก ส่วนเพลง ASAP ก็เป็นนวนิยายคลาสสิคเรื่องอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ หรือ Alice in Wonderland ปี 1865 ซึ่งเขียนโดย ชาร์ลส์ ลุทวิตจ์ ดอดจ์สัน (Charles Lutwidge Dodgson) นักเขียน กวีและนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษหรือที่รู้จักในนามปากกา ลิวอิส แคร์โรลล์ (Lewis Carroll) ต่อมาในปี 2020 บทประพันธ์ถูกนำมาดัดแปลงลงจอแก้วโดย ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ผู้กำกับภาพยนตร์สายดาร์กหลาย ๆ เรื่อง
พร้อมแล้วก็ไปสำรวจวันเดอร์แลนด์กันเลย!
ข้อสังเกตแรกคือ กระต่ายสีขาว
ถึงแม้สัญลักษณ์ของการเป็นบันนีส์คือกระต่าย แต่ ASAP หยิบยกกระต่ายสีขาวในสวนหลังบ้านตระกูลลิดเดิ้ลซึ่งพาอลิซไปสู่การผจญภัยในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์อย่างวันเดอร์แลนด์ เดิมทีอลิซเป็นเด็กสาวธรรมดาในครอบครัวชนชั้นกลางยุควิคตอเรียกลาง หากยกตามทฤษฎีนักเขียน Lewis Carroll เขาอุปมากระต่ายขาวคือสัญลักษณ์ความเร่งรีบ เครียด และตื่นกลัวถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย
ข้อสังเกตที่สองคือ เสียงนาฬิกานับถอยหลัง
Tic Toc Tic Tic Toc…
เมื่ออลิซ ลิดเดิ้ลเข้ามาในดินแดนมหัศจรรย์ เธอได้รับภารกิจในการช่วยเหลือ Wonderland ซึ่งเป็นโลกที่เธอชอบท่องผจญภัยตั้งแต่เด็กจากราชินีโพแดง เจ้ากระต่ายสีขาวมีนาฬิกาล็อกเกตติดตัวเสมอและมักพูดว่า “สายแล้ว ! สายแล้ว ! มีนัดสำคัญ” นัดสำคัญที่ว่าคือ นัดดื่มชาเวลาหกโมงเย็นกับคนทำหมวกบ้า (Mad Hatter) นั่นเอง
ข้อสังเกตสุดท้ายคือ สาว ๆ นิวจีนส์นอนหลับข้างกัน
อย่างที่ Lewis ได้เฉลยว่าการผจญภัยทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
อลิซสามารถท่องโลกในจินตนาการเฉพาะตอนหลับใหลเท่านั้น ในเอ็มวี พวกเราจะเห็นฉากที่พวกเธอนอนหลับในบ้านต้นไม้สลับกับภาพที่สาว ๆ วิ่งเล่นกันในทุ่งหญ้าสีเขียว แต่งตัวเป็นนางฟ้าตัวน้อยซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง
สำหรับเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ที่แอดเกรย์นำมาฝากคือ อาการผิดปกติทางสมองชื่อ Alice in Wonderland Syndrome หรือ AWS ค้นพบโดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ John Todd ในปี 1955 เขาตั้งชื่อตามนวนิยายคลาสสิกของ Lewis
John อธิบายว่าภาวะนี้ (Episode) มักเกิดขึ้นในเด็กที่ทำให้มองเห็นตัวเองมีลักษณะผิดปกติ เช่น ตัวใหญ่หรือเล็กกว่าปกติ สิ่งของรอบตัวมีขนาดแตกต่างจากเดิม ไม่สามารถควบคุมการขยับแขนขาได้ รับรู้เสียงและเวลาผิดปกติ เป็นต้น ในที่นี้ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัดว่าอาการ AWS เกิดจากอะไร มีเพียงข้อสันนิษฐานว่ากระแสไฟฟ้าในสมองทำงานผิดปกติจึงทำให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนที่ประมวลภาพสิ่งแวดล้อมผิดปกติไปด้วย
ในการวิจัยของ John พบว่า 33% ของผู้ป่วย AWS จะมีอาการติดเชื้อร่วมด้วย การปวดไมเกรนมีส่วนกระตุ้นเพียง 6% เท่านั้น สาเหตุอื่นที่เป็นไปได้ก็จะมี ภาวะความเครียด ลมชัก ยาแก้ไอ เนื้องอกในสมอง รวมไปถึงการใช้ยาที่ก่อให้เกิดภาพลวงตา เป็นต้น
จบไปแล้วกับทฤษฎีอลิซในดินแดนมหัศจรรย์กับเพลง ASAP หากใครมีทฤษฎีเจ๋ง ๆ ก็สามารถแชร์กันเข้ามาในคอมเมนต์ได้เลย !
#ASAP #NewJeans #AliceInWonderland #Psychology #DigitalOG
โฆษณา