ALASKA FIRST TIME
อลาสก้า - อเมริกา เฟิร์สต์ไทม์ ! XD
เห็นแคมเปญ #ลาออกไปเช็กอิน แล้วรู้สึกอยากมีส่วนร่วม โดยส่วนตัวอาจจะรีวิวไม่ค่อยเก่ง แต่อยากเล่าาาา เปิดเรื่องแรกมา ขอรีวิวทริปแรก ด้วยทริปที่เป็น :
ทริปแรก หลังติดแง็กเพราะโควิด
ทริปแรก ที่ได้เอาเท้าไปแตะพื้นประเทศอเมริกา
ทริปแรก ที่ได้ไปอลาสก้า
ทริปแรก นอกทวีปเอเชียในรอบ 12 ปี
ทริปแรก ของการล่องเรือสำราญ
ทริป 10 วัน เตรียมของแบบคนขี้เกียจ คิดอยู่ว่าควรจะเตรียมเสื้อผ้าไปถ่ายรูปเยอะๆ ดีมั้ย แต่ก็ขี้เกียจจะจัดของอะไรเยอะแยะ ฟิตติ้งนิดหน่อย สรุปจบที่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เช็คอากาศแล้วเอาเสื้อแขนยาวติดไปสัก 2-3 ตัว เสื้อโค้ทตัวนอกสุดหนึ่งตัว พอละ
เราเอากล้องฟิล์มไป Nikon F2 แลนส์ 85 มม F2 กับเลนส์วายด์อีกตัว ของนิคอนเหมือนกันแต่ว่าจำระยะกับ F ไม่ได้ อุปกรณ์อีกอันที่ใช้ก็คือ iPhone 12 pro
Nikon F2 ได้ออกทริปแรกแล้วซะที ซื้อมาดองเพราะติดโควิด
เปิดว้าปแปป
เราเดินทางวันที่ 20 ออกจากกรุงเทพ บินไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ แล้วไปก็ลงที่ Seattle-Tacoma International Airport นั่งรถบัสของทัวร์ออกจากสนามบินไปที่โรงแรม Grand Hyatt Seattle รู้สึกนานมากที่ไม่ได้ไปเที่ยว และยิ่งนานกว่านั้นอีกสำหรับการไปเที่ยวนอกเอเชีย ครั้งสุดท้ายคือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว พอเห็นรอบๆ ตัวมีแต่อเมริกันพูดอังกฤษกันก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน (ฮาาา)
แชะภาพแม่แบบฟิล์มขาวดำที่สนามบินซะหน่อย
หลังจากไปถึงโรงแรมทางทัวร์ก็ทำการเช็คอินให้เรียบร้อย กระเป๋าเดินทางจอดรอเราที่หน้าห้องอยู่ก่อนแล้ว ไม่ต้องลากขึ้นมาเอง รู้สึกดีมากเลย เพราะปกติเราลากเอง แบกเอง รับบทนางแบกทุกทริปมากเวอร์ ถถถถถ รับคีย์การ์ดห้องพักเบอร์ 1418 กับ pocket money นิดหน่อยที่ทางทัวร์จัดไว้ให้ ห้องพักเราไม่ค่อยได้ถ่ายภาพมา เพราะถ่ายเป็นคลิปไปลงใน reels ใน ig มากกว่า วิวห้องก็คือวิวตึกในดาวน์ทาวน์ของซีแอตเติลนั่นแหละ เหมือนในหนังอเมริกันที่เคยดูสมัยเด็กๆ
อพาร์ทเม้นต์รอบๆ ก็คือชวนให้นึกถึงพวกหนังสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นของโทนี แม็กไกว
ไม่ใช่เจ้าถิ่นแต่ขอเช็คอินหน่อยนะครัช
จัดการข้าวของ นั่งพักสักแปปนึง เราก็เดินลงไปข้างล่างเพราะไปแยงจมูกตรวจโควิดเพื่อเอาผลยืนยันว่าปลอดเชื้อที่จะใช้ในการขึ้นเรือในวันพรุ่งนี้ แล้วหลังจากนั้นก็รอแม่กับพี่ชายเพื่อจะออกไปเดินเล่นในดาวน์ทาวน์สักหน่อย เพราะว่าวันนี้ไม่ได้มีอะไรต้องทำเพิ่มเติมแล้ว ว่างจนถึงพรุ่งนี้เช้า
มีเรื่องตื่นเต้นนิดนึงก็คือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของแม่เราหายไป คือจริงๆ มันควรจะไปจอดหน้าห้องเหมือนของเรา แต่มันไม่อยู่ ก็เลยถามพนักงานโรงแรม ถามสต๊าฟของทัวร์ เขาก็บอกว่าไม่มีปัญหา สบายใจได้ เดี๋ยวจะตามกลับมาให้ ไม่ต้องห่วง อะ เราก็เลยออกไปเดินเล่นกัน
พาน้อน F2 ไปเที่ยวหน่อย
เดินเล่นกันได้นิดหน่อย ตอนแรกกะว่าจะไป Starbucks สาขาแรกที่หน้าตลาดปลา แต่ว่ามันปิดแล้วตอนนั้น เห็นแดดจ้าๆ ในภาพจริงๆ ตอนนั้นมันหกโมง ทุ่มนึงเข้าไปแล้ว ต้องเท้าความนิดนึงว่าเมื่อตอนมัธยมปลายเราได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศเบลเยี่ยมหนึ่งปี ตอนนั้นก็คือรอบๆ ตัวเป็นต่างชาติผิวขาวผมทองตาฟ้ากันซะเยอะ และอากาศก็เย็นๆ พระอาทิตย์ตกช้า อะไรประมาณนี้เหมือนกันเลย แต่เรารู้สึกตั้งแต่เหยียบออกมานอกเครื่องบินเลยว่า ฝรั่งเหมือนกัน แต่บรรยากาศต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลยจริงๆ
ภาพฟิล์มที่ Seattle
ขึ้นเรือกันนน
เช้าวันถัดมา ขึ้นเรือกันนน 🛳️🛳️🛳️
ตอนขึ้นเรือก็คือจะมีการตรวจข้อมูลเหมือนขึ้นเครื่องบินเลย ตรวจอาวุธโลหะ ตรวจเอกสารรับรองการไม่ติดเชื้อโควิด 19 สแกนกระเป๋า ตรวจพาสปอร์ต ซึ่งจะของเราจะมีการตรวจวีซ่าสองส่วนคือวีซ่าอเมริกาและแคนนาดา เพราะว่าขากลับมาจะต้องไปแวะลงที่วิกตอเรีย แคนาดาด้วย กระเป๋าใบใหญ่ของเราก็คือจะโหลดขึ้นไปก่อน ไปโผล่ที่หน้าห้อง ถือติดตัวไปเฉพาะ carry on เหมือนตอนขึ้นเครื่องบิน
หลังจากขึ้นเครื่องบินก็ต้องไปรับฟังการอธิบายทางหนีฉุกเฉินหากเกิดอุบัติเหตุ แล้วก็รับคีย์การ์ดสำหรับเข้าห้องพัก คีย์การ์ดห้องสามารถนำไปรับแก้วที่ระลึก และ welcome drink ที่บาร์ในเรือได้ ส่วนแก้วที่ระลึกก็สามารถนำไปกดน้ำตามเครื่องกดน้ำอัตโนมัติหรือใส่เครื่องดื่มที่บาร์ต่างๆ บนเรือได้ตามแพ็กเกจห้องพัก
แพ็กเกจของเราคือแพ็กเกจรองท็อป ก็คือเครื่องดื่มฟรีทุกอย่าง ยกเว้นแอลกอฮอล ซึ่งเราไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลอยู่แล้ว แต่ว่าบนเรือจะมีสตาร์บัั๊คส์อยู่สามร้าน ซึ่งฟรีทุกอย่างเลย ฟิน ~
ห้องพักค่อยไป แวะกินของฟรีก่อน
ที่ๆ เราไปบ่อยก็จะเป็นสตาร์บั๊คส์ที่ชั้นสี่ เมนูกาแฟทุกอย่างฟรีหมด soft drink ก็ฟรี ร้าน Cafe Promenade ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นคาเฟ่เล็กๆ มีบิสกิต เค้กนิดหน่อย กาแฟสด แล้วก็ชาแบบ tea bag ซึ่งเราเลือกไปเติมน้ำร้อนเองได้ หรือจะหอบกลับไปกินที่อื่นก็ได้ เรากินชาเยอะมาก กินกาแฟเยอะมาก ก็คือกินแทนน้ำไปเลย ทั้งสตาร์บั๊คส์แล้วก็คาเฟ่โพรเมอเนดก็คือสามารถขอนมทางเลือกได้ นมโอ๊ต นมอัลม่อน นมถั่วเหลือง มีหมดเลย แล้วก็ทุกเคาน์เตอร์ที่มีนมจะมีตัวเลือก whole / half / low fat milk ให้ด้วย ดีมากๆ
ข้างๆ cafe promenade จะมีร้านพิซซ่า ฟรีเหมือนกัน แล้วก็จะมีตู้กดน้ำ soft frink ที่มี coke / sprite / dr. pepper ฯลฯ ให้กดเองได้ตลอด
ห้องอาหารเช้าที่ท้ายเรือ
ตอนเช้าเราจะมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้น 14 ท้ายเรือ เป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติ อาหารดีม๊ากกกก มีเนื้อด้วย เนื้อสเต็กแบบ เ เ ร ร์ เลิฟมาก beef lover อย่างฉันก็คือลอย ฉ่ำปากมาก จริงๆ ห้องอาหารนี้ก็คือกินได้ทั้งวันเลย เพราะเปิดตลอด มีสตาร์บั๊คส์ในนี้ด้วย แล้วก็มีกาแฟสดให้กดเหมือนกัน มีชา มีโกโก้ ดีงาม ไป 10 วันคือกินไม่หมดเพราะเยอะไปหมด แล้วก็มีเปลี่ยนเมนูด้วยบางวัน
เราจะนั่งให้ติดหน้าต่างตลอด ไม่ก็ไปนั่งนอกห้องที่ระเบียงท้ายเรือเลย จะได้ดูวิวไปด้วย เพราะว่าวิวเปลี่ยนไปตลอด ไม่เบื่อเลย ตลกดีนะ น้ำเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันอะ เริ่ดมาก
ลงท่าเรือ Juneau มาดูน้ำตกกับธารน้ำแข็งที่ Mendenhall Glacier
มาดูน้ำตกกับธารน้ำแข็งที่ Mendenhall Glacier
Mendenhall Glacier เดินเข้ามาประมาณ 3 กิโลกว่าๆ น้ำตกสวยมากกกก มีคลิปในไอจี ธรรมชาติสุดๆ ตอนเราไปฝนตกนิดหน่อย แล้วก็ไม่ใช่หน้าหนาวเพราะงั้นน้ำตกก็เลยไม่เป็นน้ำแข็ง เหมือนมาสานฝันแม่แหละ แม่เคยมาเมื่อปี 45 แม่อยากมากับลูก วันนี้ลูกได้มาละ แต่ว่ากราเซียละลายไปเยอะ ร้องไห้เด้อ 😂
ละลายไปเยอะขนาดไหนก็ดูรูปเอา โลกร้อนมันน่ากลัวนะ
ไม่เป็นไรเนอะ ได้มาละ 😂 ยังดีที่เหลือให้ดู
แวะกินแซลม่อนอลาสก้ากับปูอลาสก้าแปปนึง ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ น้ำจิ้มซีฟู้ดไกด์ทัวร์เตรียมไปให้
Red Dog Saloon บาร์เก่าแก่ของเมือง Juneau
Patsy Ann ตำนานสุนัขผู้ทักทายแห่งจูโน อลาสก้า
หลังดูกราเซียกับน้ำตกก็เดินกลับเข้ามาในเมือง เข้าบาร์ Red Dog Saloon บาร์เก่าแก่ของเมือง Juneau ซะหน่อย ที่ท่าเรือมีรูปปั้นของน้อง Patsy Ann สุนัขเพศเมียพันธุ์อิงลิชบูลเทอเรียร์ แพตซี่แอนน์มีชื่อเสียงเพราะเป็นสุนัยที่มีอาการหัวหนวกตั้งแต่เกิด แต่เมื่อมีเรือมาเทียบท่าที่จูโนแพตซี่แอนน์ก็จะรู้ล่วงหน้าก่อนตลอดตั้งแต่ก่อนที่คนที่ท่าเรือจะมองเห็นว่ามีเรือมาซะอีก พอเรือเทียบท่าแพตซี่แอนน์ก็จะออกไปต้อนรับตลอด จนนายกเทศมนตรีขนาดนามว่า “ผู้ทักทายอย่างเป็นทางการของจูโน อลาสก้า
รูปปั้น Patsy Ann ที่หันหน้าออกไปทางทะเลเฝ้ารอเรือลำถัดไปที่จะมาเทียบท่า
เมื่อแพตซี่แอนน์ตายลงชาวเมืองก็นำร่างน้องใส่โลงแล้วก็ฝังไว้ไม่ไกลจากรูปปั่นของน้องที่ตั้งอยู่ตรงท่าเรือ รูปปั้นของแพตซี่แอนน์ถูกสร้างให้นั่งหันหน้าออกสู่ทะเลเพื่อรอต้อนรับเรือลำถัดไปที่จะแล่นเข้ามาเทียบท่าเรือเมืองจูโน เพื่อที่ผู้คนที่มาเยือนเมืองจูโนจะได้รับการต้อนรับจากน้องอย่างที่เป็นมาตลอดตั้งแต่ปี 1930
ภาพฟิล์มจากกล้อง Nikon F2 ท่าเรือ Juneau, Alaska
นั่งรถไฟ White Pass ที่เมือง Skagway
ถัดจาก Juneau อีก 2-3 วันเราก็มาเทียบท่าที่ เมือง Skagway เพื่อมานั่งรถไฟ White Pass Scenic Railway เป็นรถไฟที่สมัยก่อนขนส่งผู้คนและถ่านหินผ่านอลาสก้า-แคนาดา แต่สมัยนี้เป็นรถไฟท่องเที่ยวนั่งชมวิวธรรมชาติ ที่มาของชื่อ White Pass มาจากการที่ในฤดูหนาวทั้งสองข้างทางจะปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน แต่เราไปตอนปลายฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เป็นวิวทิวสนเขียวชะอุ่มกับดอกไม้ริมทางแทน เดี๋ยวไปดูภาพกัน บอกได้แค่สวยมากๆ นั่งนานๆ กว่านี้ก็ไหว
ภาพฟิล์มจากกล้อง Nikon F2
ภาพจาก iPhone 12 pro ยังกับจะไปฮอกวอตส์
อากาศเย็นๆ นั่งชมวิวชิวๆ โผล่ไปถ่ายที่ทางเชื่อมขบวนบ้าง แต่ยืนได้สักพักเท่านั้นแหละ เพราะหนาว ถถถถถ
มีช่วงผ่านตรงที่เขาขุดเอาพวกหินพวกอะไร ก็คือไม่เห็นไรเลยแม่ หมอกล้วน
อากาศหนาวๆ ก็ต้องกินไอติมสิ
เมื่อยก็นั่งพักหน่อย
วิวกราเซียจากท้ายเรือ และวิวทะเลจากบนเรือ กล้อง Nikon F2
หลังจากแวะสองเมืองแล้วก็อยู่บนเรือกันต่อ ตอนแรกเราคิดว่าบนเรือจะน่าเบื่อนะ เอาไปเอามากลายเป็นว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะมากนะ รถบั๊บ คลาสโยคะ ฟิตเนส ห้องอาหารต่างๆ สระว่ายน้ำ บาร์ โรงละครที่มีโชว์วนๆ ไปเรื่อยๆ บาร์แสดงดนตรีสด เซิร์ฟบอร์ด ผาจำลอง ฯลฯ และเหนือสิ่งอื่นใด วิวนอกเรือก็คือสวยมากๆ ธรรมชาติที่สวยงามมันไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลยจริงๆ ถ่ายยังไงก็สวย
เป็นบุญกล้องมาก ใครที่มีกล้องราคาแพงๆ อย่าลืมเอาไปถ่ายภาพวิวที่คุ้มราคากล้องราคาเลนส์ด้วยนะ เราจะไม่เสียใจเลยจริงๆ
หนังกลางแปลงหรือจะสู้หนังกลางสระ ดูไปเลย กลางวันยันกลางคืน เรื่องสุดท้ายตอนห้าทุ่ม
เราไปปีนผาจำลองครั้งแรก พี่เราไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดครั้งแรก ส่วนแม่ก็ไปทัวร์ฟิตเนส
แวะเหยียบแผ่นดินแคนาดาซะหน่อย
ก่อนกลับไปที่ซีแอทเทิล ก็แวะเทียบท่าที่วิกตอเรีย แคนาดา ไปชมสวน The Butchart Garden สวนดอกไม้ยักษ์อายุ 100 กว่าปี กับสวนแมลง ลืมชื่อละ แล้วก็เดินเล่นในเมืองนิดหน่อย
ตั๋วเข้าชม The Butchart Garden
ใหญ่มากกก อลังงงง
เราถ่ายมาไม่หมด หมายถึงรูปนะ เพราะเราเน้นถ่ายคลิปไปตัดเป็น reels มากกว่า แต่ว่าสวยมากๆ ที่นี่คือสวนดอกไม้อายุมากกว่า 100 ปี มีพืชพันธุ์นานาชนิด มีการจัดสวนแบบต่างๆ ทั้งแบบตะวันตกและตะวันออก สวนญี่ปุ่นก็มี สวยมากๆ
หมายเหตุว่าถนนที่รถขับเข้าไปที่สวนก็อายุร้อยกว่าปีเหมือนกัน ยังแข็งแรงดี โดยที่นักท่องเที่ยวก็มาเป็นหมื่นเป็นแสนคนทั้งปี เห็นแล้วก็นึกถึงถนนที่ประเทศแถวๆ นี้
หมูป่า กับหมูดำคุโรบูตะ
ก่อนกลับขึ้นเรือก็เดินเล้นในเมืองซะหน่อย แดดกำลังดี หนาวมาหลายวัน
ห้องอาหารแบบเป็นคอร์สก็มีนะ
ห้องอาหารแบบเป็นคอร์สก็มีเหมือนกัน ซึ่งเราไปกินแค่สองสามครั้ง เราน่าจะชอบบุฟเฟ่ต์ที่ท้ายเรือมากกว่าแหละ แต่เราก็อยากรู้ว่าห้องอาหารแบบนี้มันจะอร่อยแบบไหนอะไรยังไง ก็จะมีเมนูของแต่ละวัน เราถ่ายมาไม่หมดทุกเมนูที่กิน แล้วที่ถ่ายมาก็ลบทิ้งไปเยอะเหมือนกัน แต่เราประทับใจกุ้งล็อบสเตอร์มากกกกกก มันอร่อย เราไม่ใช่แฟนอาหารทะเล ไม่เคยกินล็อบสเตอร์เลยเพราะกลัวจะรู้สึกแบบ ก็กู้งอะ อะไรงี้ แต่คือออ มันอร่อยมากกกกก แสงออกปาก เนื้อไม่ต้องพูดถึง อร่อยอยู่ละ วัว แกะ อร่อย ไม่คาว ดีเริ่ด
สั่งเครื่องดื่มค็อกเทล / ม็อกเทลจาก Bionic Bar ก็ได้ด้วยนะ
มีประมูลงานศิลปะบนเรือ แวะเข้าไปดูหน่อย
หลักๆ เอยใดของทริปนี้ เราดีใจที่ได้ไปเที่ยวอเมริกาครั้งแรก ได้ไปทริปอลาสก้าที่แม่เคยไปเมื่อตอนเรา 7 ขวบ แต่หลักๆ เราดีใจที่มีโอกาสได้ไปในช่วงนี้ เพราะแม่มีความสุขที่สุดละ เพิ่งรักษามะเร็งหาย และเพิ่งผ่านช่วงอีหยังวะเพราะโควิดมา และแม่ก็ฝันอยากจะไปทั้งครอบครัวมานานแล้ว ก็สมใจแม่ แม่อายุเยอะมากแล้วจะเที่ยวไปได้อีกกี่ปีก็ไม่รู้ คือเป็นการกตเวทีโดยการไปเที่ยวกับแม่อะ งงมั้ย ถถถถถถถ
ก็ ทริปแรกของลาออกไปเช็คอินของเราก็ประมาณนี่นะคับ ใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆ คุณอดทนมาก ถถถถถ เราเขียนไม่ค่อยเก่ง แต่ก็อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะชอบ ยังไงเรื่องต่อไปถ้ารื้อความจำได้ก็อยากจะเขียนอีก จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นนะ
รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมการเขียน Blog ในเวลานี้ที่โซเชียลนิยมหันไปถ่าย Vlog กันหมดแล้ว
เจอกันใหม่ทริปหน้านะ สุดท้ายอยากจะบอกว่า ถ้าเราอยากไปไหน แล้วไม่มีใครไปด้วย
ท่องไว้เลย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเอง”
- 65
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
