Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แบกเป๋าแบกเป้ By PunPun
•
ติดตาม
5 ส.ค. 2023 เวลา 17:00 • ท่องเที่ยว
ปูลัวปีนัง
ประสบการณ์การเดินทางเที่ยวแบบ Backpacker ครั้งแรกของเราที่มาเลเซีย-สิงคโปร์ Ep.1
สวัสดี เราชื่อปัน อายุ 23 นี่ก็เป็นโพสต์แรกของเราเลยนะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ
เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวแบบ Backpacker ครั้งแรกในชีวิต เป็นทริปวันเกิดซะด้วย เราสะพายเป้ลงไปยังใต้สุดของแหลมมลายู (ภาคใต้ของไทย🇹🇭-มาเลเซีย🇲🇾-สิงคโปร์🇸🇬) 8 วัน 7 คืน บนรถไฟ และ รถบัส ด้วยงบที่รวมทุกอย่างแล้วเงินหมื่นต้นๆ เท่านั้น เป็นไปได้มั้ย ไปดู
DAY 0 (17 JUL 2023)
เราออกจากบ้านที่กาญจนบุรีตอน ประมาณ 8 โมง มาขึ้นรถมินิบัสไปที่กทม. เที่ยว 8 โมงครึ่ง เดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง ถึงสถานีหมอชิต ราคา 130 บาท
สถานีขนส่งกาญจนบุรี
เมื่อถึงหมอชิตก็ให้ลงไปที่โซน Metro Mall สาขา MRT หมอชิต เพื่อไปแลกเงิน ที่ร้าน Superich ซึ่งเราแลกเงินไปทั้งสิ้น 3500 บาท ได้มาเป็นเงิน 460 ริงกิต (เรทวันนั้นอยู่ที่ 7.6 บาท ต่อ 1 ริงกิต)
*แลกเป็นริงกิตก่อนเพราะใช้ที่มาเลก่อน แล้วค่อยแลกเป็น SGD ก่อนไปสิงคโปร์*
แต่ว่ายังไม่ออกเดินทางทันทีเพราะว่ารถไฟที่เราจองไปคือวันที่ 18 ดังนั้นปันจะต้องไปค้างที่คอนโดที่รังสิตก่อนคืนหนึ่งแล้วค่อยออกเดินทาง
เงินริงกิตมาเลเซีย
DAY 1 (18 JUL 2023)
วันนี้ก็เป็นวันออกเดินทางกันจริงๆแล้ว 🤩 ซึ่ง DAY 1 นี่คือนับจากกรุงเทพถึงปีนังเลย ซึ่งเป็นจุดหมายแรกของทริป เรามารอกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ตั้งแต่บ่าย เพื่อมารอขึ้นรถตอน 14:50 ข้างในสถานีคือใหญ่มากนะ รถไฟสายใต้จะอยู่ที่ชานชลา 7, 8 (ถ้ามาจาก MRT หรือสายสีแดงต้องเดินมาสุดอีกฝั่งเลยอ่ะ ประมาณ 500 เมตร) แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ เลยไม่มีบรรยากาศในสถานี
พอถึงเวลาประมาณ 20 นาที ก่อนรถออกเจ้าหน้าที่ก็จะมาเรียกให้ขึ้นรถ เอาจริงๆนะแอบรู้สึกเหมือนเรียกขึ้นเครื่องบินไงไม่รู้ 5555 เพราะเจ้าหน้าที่จะขอดูตั๋วหน้าทางขึ้นว่าเราได้จองเที่ยวนี้มั้ย และเราก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟต์ขึ้นไปที่ชานชลา (อารมณ์บันไดวัดใจที่สุวรรณภูมิยังงั้นแหละ อาจเป็นโมเมนต์ที่เศร้านิดๆ สำหรับบางคน เพราะญาติจะมาส่งเราแค่ที่ตรงนี้)
ตัวขบวนรถไฟ (ขบวนด่วนพิเศษ 31 ทักษิณารัถย์)
ขึ้นมาชั้นบนซึ่งเป็นชั้นชานชลา รถแรกที่เราจะขึ้นก็คือรถไฟ เป็นรถไฟขบวนด่วนพิเศษ ชื่อ ทักษิณารัถย์ หมายเลข 31 ออกเดินทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตอน 14:50 และจะไปถึงตอน 07:25 ของวันรุ่งขึ้น ใช้เวลาทั้งสิ้น 16:30 ชั่วโมงโดยประมาณ
เพื่อนร่วมทริป Backpacker ของเราในครั้งนี้ 😀
ภายในตัวขบวนรถคือโอ่อ่าดีมาก นี่ขนาดที่นั่งชั้นสองยังดูหรูดูแพงอยู่นะ แถมกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเครื่องบินเลย
ภายในขบวนหรือโบกี้มีตู้โดยสาร 7 ตู้ รวมตู้เสบียงท้ายขบวน แต่ละตู้จะเป็นที่นั่งทั้งหมด 40 ที่นั่ง จำนวน 5 ตู้ ตั้งแต่โบกี้ที่ 2-6 ส่วนโบกี้ที่ 1 ร่าจะเป็นชั้นหนึ่งซึ่งราคาจะแพงกว่า เรานั่งโบกี้ที่ 2 ที่นั่ง 35 เวลาพนง.ปูเตียง ที่นั่งของเราก็จะได้เตียงบน
*ที่นั่งเลขคี่ นอนเตียงบน ที่นั่งเลขคู่ นอนเตียงล่าง*
บรรยากาศข้างทางตั้งแต่กรุงเทพ-หาดใหญ่
รถออกตรงเวลาเป๊ะเลย คือ 14:50 แต่จะมีล่าช้าบ้างบริเวณช่วงนครปฐม เพราะว่ามีการก่อสร้างรถไฟรางคู่อยู่ รถอาจต้องหลีกต้องชลอบ้าง แต่โดยรวมก็คือไม่ได้ช้าจนน่าเกลียดมาก แล้วอีกที่ช่วงเข้าภาคใต้ แถวจังหวัดชุมพรลงมา จะจอดนานอยู่บ้างเพื่อหลีกให้รถเที่ยวขาขึ้นกทม. อาจทำให้ล่าช้าไปอีก
แต่จนแล้วจนรอดเราก็มาถึงหาดใหญ่ในเวลา 07:20 ของอีกวัน (19) ถือว่าโชคดี เพราะว่ามาถึงก่อนเวลาตั้ง 5 นาที แต่ก็ชิวไม่ได้ ต้องรีบวิ่งไปซื้อตั๋วเที่ยว 07:40 เพื่อไปปาดังฯ ซื้อที่เคาท์เตอร์ขายตั๋วตรงประตูทางเข้าสถานี
*รีวิวบรรยากาศรถไฟแบบเต็ม เดี๋ยวรีวิวอีกโพสต์นะ*
สถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา
หลังจากที่เราซื้อตั๋วแล้วเราก็ไปชานชลาที่ 5 ซึ่งรถไฟจะจอดที่ชานชลานี้ โดยเราจะต้องรอทางรอดของตัวสถานีรถไฟ เรามาถึงตัวรถไฟที่จะไปปาดังเบซาร์ตอนประมาณ 7 โมงครึ่ง
ตั๋วรถไฟไปปาดังฯ & บรรยากากาศข้างทาง
พอถึงเวลา 7:40 รถไฟก็ออกจากตัวสถานีหาดใหญ่มุ่งหน้าลงใต้ไปที่สถานีปลายทางปาดังเบซาร์ (ฝั่งมาเลเซีย) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที มาถึงปาดังฯ ตอน 8 โมงครึ่ง
เมื่อลงจากตัวขบวนรถ เราก็เดินเข้ามาในฝั่งของตัวอาคาร เพื่อทำการจ๊อบพาสปอร์ตทั้งฝั่งไทยและมาเลเซีย ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็เสร็จแล้ว ตม.ไม่ได้ถามอะไรเลย และแล้วก็ได้เข้าสู่ประเทศมาเลเซียอย่างเต็มตัว
*มาเลเซีย นับเป็นประเทศที่ 9 ของเรา (รวมไทยด้วย) ที่ได้เอาเท้าเหยีบแผ่นดินเขา ซึ่งเป็นประเทศล่าสุดต่อจากประเทศกาตาร์ และ อเมริกา 🇺🇸🇶🇦*
ผังอาคารสถานีปาดังฯ (ชั้นล่างที่เป็นชั้นตม.)
เสร็จจากตม. ก็ขึ้นมาชั้นสอง ซื้อตั๋วรถไฟไปปีนัง ราคา 11.4RM (90 บาท) และซื้อซิมของมาเลให้เสร็จ รถไฟที่จะไปปีนัง เที่ยวที่เราได้คือ 10:35 (ยึดเวลาของมาเลเซียแล้วนะ) เมื่อรถไฟมาเราก็ขึ้นรถไฟไปปีนังกัน
ยินดีต้อนรับสู่มาเลเซีย!!! 🇲🇾
รถไฟที่ไปปีนัง เป็นรถไฟแบบรางไฟฟ้า (ETS) วิ่งจากปาดังเบซาร์ไปที่ปีนัง (สถานีบัตเตอร์เวิรธ์) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง รถออก 10:35 ไปถึงปลายทางเที่ยงครึ่ง บรรยากาศภายในรถเหมือน BTS บ้านเรา แต่วิ่งออกต่างจังหวัด ความเร็วรถประมาณ 80 Km/h
**ต้องขาไป KL ถึงจะได้ความเร็วที่สูงกว่าเดิม แต่ความเร็วเท่าไหร่นั้นดู Ep.ต่อไปเด้อ**
รถไฟฟ้า ETS ของมาเลเซีย
ถึงสถานีบัตเตอร์เวิรธ์แล้ว เราต้องนั่งเฟอรี่ข้ามฝั่งไปที่เกาะ (เมืองจอร์จทาว์น) ค่าตั๋วฝั่งขาไป 1.2 ริงกิต หรือ 10 บาท แต่ขา-กลับไม่เก็บ
จริงๆใน Maps มันบอกว่าเราสามารถนั่งรถบัสไปที่เกาะก็ได้ ซึ่งก็พยายามหารถไปเกาะเพราะอยากจะถ่ายรูปวิว สะพานปีนัง ที่ยาวที่สุดกว่า 13.5 กิโลเมตร แต่ก็ไม่มีสุดท้ายต้องตัดใจนั่งเฟอรี่ 😢
เรือเฟอร์รี่ บัตเตอร์เวิรธ์-จอร์จทาว์น
เมื่อมาถึงจอร์จทาวน์แล้วเราก็ได้ขึ้นรถบัสไปที่พักของเรา คือโรงแรม Wassup Youth Hostel อยู่ใจกลางจอร์จทาวน์ ข้างๆห้าง Komtar และเราก็ทำการเช็คอินกัน ด้วยความที่เรามาเช็คอินก่อนกำหนด มาถึงที่โรงแรมตอนบ่าย 2 ครึ่ง ได้โรงแรมให้เช็คอินตอนบ่าย 3 ทำให้ต้องจ่ายค่าเช็คอินล่วงเวลา แต่แค่ 2 ริงกิต (15 บาท)
บรรยากาศในห้องที่พัก
เราได้ห้องพักที่ 117 ฝั่งวิวถนน แต่สภาพห้องก็เป็นอย่างที่เห็น ก็ตามราคาที่ได้จองเอาไว้ แล้วพักกันที่นี่แค่คืนเดียวเดี๋ยววันต่อมาก็เช็คเอาท์ออก
พอออกจากโรงแรมช่วงประมาณ 4 โมง แล้วก็ได้มาหาข้าวกินกันแถวสตรีทฟู๊ดชื่อดัง หรือ Julia St. แต่ด้วยความที่อาจจะมาเร็วเกิน หลายร้านยังปิดอยู่ มีอยู่ไม่กี่ร้านที่เปิดก็เลยมาลองกินบะหมี่ใส่ซีอิ๊วดำ ซึ่งที่นี่เรียกว่า Char Koay Teaw ราคา 7.50 ริงกิตหรือประมาณ 55 บาท แต่ให้มาเยอะมากๆ ก็ถือว่าโอเค เพราะค่าคงที่ที่นี่ก็ค่อนข้างจะถูกหรืออาจจะพอๆกับกรุงเทพบ้านเรา
บะหมี่ Char Koay Teaw
กินเสร็จแล้วก็เดินแถวนั้นก็ไปถ่ายรูป แน่นอนว่าปีนังขึ้นชื่อเรื่องของ Street Art ดังนั้น เราก็ไปถ่ายรูป Street Art ต่างๆที่เป็นไฮไลท์หลักๆของปีนัง ถ่ายได้ ถ่ายดี ถ่ายเพลิน จนถึงเวลาเกือบ 6 โมงครึ่ง เราก็เดินไปที่ชุมชนริมเล (Chew Jetty) เป็นหมู่บ้านชาวประมง ไปถ่ายรูปริมทะเลและรูปวาดของ Chew Jetty แต่กว่าจะถึงก็ถ่ายได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง เพราะหลังจากนั้น เขาก็ประกาศให้ปิดชุมชน ตอน 1 ทุ่มทำให้เราต้องรีบกลับออกมา
ถนนปีนัง Street Art และ Chew Jetty
หลังจากออกมาจากหมู่บ้านแล้วเราก็ไปที่สตรีทฟู๊ดอีกรอบหนึ่ง แต่ปรากฏว่าร้านที่มาเปิดก็ยังไม่คึกคัก มีร้านมาเปิดไม่กี่ร้านเท่านั้น ทำให้เราต้องกลับห้องไปอย่างน่าเสียดาย คงเข้าใจว่าถ้าร้านเปิดเยอะ คนมากินเยอะ อาจจะต้องรอวันหยุดถึงจะเป็นแบบนั้นได้
จบ Day 1 ไปเป็นที่เรียบร้อย มาติดตามต่อกันที่ Day 2 ในโพสต์ต่อไป
💸 ค่าใช้จ่ายทั้งหมดใน Day 1 💸
✓
ค่าตั๋วรถไฟกรุงเทพ-หาดใหญ่ คนละ 1003 บาท (เตียงบน)
✓
ค่าอาหารบนรถ ราคา 350 บาท (มีไรมั้งไว้ดูตอนโพสต์รีวิวรถไฟ)
✓
ค่าตั๋วรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ฯ คนละ 50 บาท
✓
ค่าซิม 35 RM (~280 บาท)
✓
ค่ารถไฟปาดังเบซาร์-ปีนัง (บัตเตอร์เวิรธ์) คนละ ประมาณ 11.4RM (~90 บาท)
✓
ค่าเฟอร์รี่ 1.2RM (~10บาท) **ขากลับฟรี**
✓
ค่าบะหมี่ 7.5RM (~55บาท)
★
ค่าที่พัก คืนละ 360 บาท/คน/คืน (พักคืนเดียว)
รวมทั้งหมด 2198 บาท
ลาออกไปเช็กอิน
ท่องเที่ยว
มาเลเซีย
บันทึก
3
7
3
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย