4 ส.ค. 2023 เวลา 00:37 • ความคิดเห็น
เรื่องของการให้อภัย เราก็มาสำรวจตรวจสอบตัวเราเอง มันมีเหตุผลอันใดทำให้ เราต้องเดือดร้อน ทำไมจิตเราจึงต้องไปเจอะเจอ..คนโน้น คนนี้มาติมาว่า ทำไมคนนั้นคนนี้มาแกล้งเรา มารังแกเรา ..เราก็มาทบทบตัวเราเอง เราเคยมีอารมณ์นึกคิด แบบนี้มั้ย ..สิ่งที่เรามีอารมณ์ มีกายวาจาใจ ..ไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางครั้งก็ไปทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ เราก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่ทุกข์ร้อน พอใครเค้ามาทำกับเราบ้าง ..เราก็ทุกข์ร้อน เคืองโกรธ โมโห . นั่นมันเรื่องราวที่เราคล้องเวรกรรมกันทั้งนั้น ..
คราวนี้ เรารู้ว่า .สิ่งที่เราทำเราไปสัมผัส ไปยึดถือ เอาเข้ามาในจิตในใจ มันเป็นกรรม มันทำให้ทุกข์ ทุกข์ที่เราไปเอามา ..ตาเห็นรูป หูได้นิ่งเสียง (ยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่ดีของเราเอง ยิ่งเก็บบันทึกไว้ชัดเจน ครบถ้วน ในการบันทึกได้ชัดเจน หลักฐานชัดเจนในตัวตนเอง) ส่งไปให้จิต จิตเก็บบันทึก ลงไปที่ธาตุทั้งสี่เกิดขึ้น เราก็เอาธาตุนะโมธาตุพ่อแม่ธาตุทั้งสี่ ที่เราอาศัย ไปกระทำเรื่องราวดี สร้างบุญกุศลบารมี ให้เกิดขึ้น
เช่น นำการไปสวดมนต์ไหว้ พระทำบุญใส่บาตร ตาเราเห็น หูเราได้ยินเสียงของเรา มีวาจาที่สูงๆ พูดในสิ่งที่สูง ไม่ไปเรียกร้องหากรรม เราทำบุญ เอาวัตถุที่เราหามาได้ ที่เหน็ดเหนื่อย แบ่งปันไป เป็นทานเป็นบุญ ด้วยความเต็มใจ ไม่ยึดติดในวัตถุ ปลดเปลื้องอารมณ์ที่ยึดถือนั่น ออกไปกับวัตถุสิ่งของ ปลดเปลื้องอารมณ์ไปทีละเล็กทีละน้อย ให้อานเป็นทานไปกับวัตถุ..ไม่ยึดถือเป็นของเรา ..เราทำไปเพื่อนที่จะให้จิตนั้นขยับขยาย ความโลภโกรธหลงออกไป ..ทำให้มันเกิดเป็นอโหสิกรรม ในสิ่งที่เราเก็บสะสมมาเองในกายในธาตุทั้งสี่
เราทำครั้งเดียวมันไม่ได้ผล เราก็ทำให้มันบ่อยๆ เหมือนเวลาเราเจ็บป่วย ต้องหายา หาหมอ หาอะไรมากมาย มารักษากาย กินยาเม็ดเดียว..มันไม่หายไปได้ ..บางทีก็ต้องใช้ยาหลายขนาน ใช้หมอตรงนั้นตรงนี้ ก็ไม่หายมันเรื้อรัง เราก็ต้องทำบุญทำทานไปเรื่อยๆ
เพราะที่เราเจ็บป่วย มันก็เนื่องจากกรรม ..ที่จิตเรารองรับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน รองรับกรรมอยู่..เราก็ต้องช่วยเหลือจิตของตัวเราเอง ให้ผ่อนคลายทุกข์ออกไป สร้างบุญกุศล ให้เกิดเป็นอโหสิกรรม ..ช่วยเหลือจิตขิงตัวเรา ..แต่ต้องทำด้วยความเต็มใจ .ทำไปเรื่อยๆ เหมือนเรามีกาย ต้องกินข้าวปลาเข้าไปทุกวัน จิตเราก็ต้องการบุญกุศล เราก็ทำบุญกุศล ทำให้เหมือนที่เราต้องกินต้องนอนทุกวัน
โฆษณา