4 ส.ค. 2023 เวลา 08:25 • ท่องเที่ยว
โตเกียว

TOKYO เมษายน | 4 วัน 3 คืน (เที่ยว)น้อย แต่ (อิ่มใจ) มาก PART 2

สวัสดีครับ กลับมาต่อกันในพาร์ทที่ 2 พาร์ทที่แล้วเราจบวันแรกกันไปด้วยการเดินเล่นสวนอูเอโนะ แล้วหาอะไรกินสองสามร้าน จากนั้นก็นอนหลับพักผ่อนไป
พาร์ทที่ 2 นี้เราเริ่มกันในเช้าวันที่ 15 เมษายน 2566 ตามแผนที่ผมวางไว้วันนี้เราจะไปทะเลสาบคะวะงุชิ (Lake Kawaguchi) เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ แต่ปรากฏว่า...ฝนตกครับ!!!!! แผนของเราต้องเลื่อนไปวันพรุ่งนี้แทน สำหรับวันนี้เราจึงไปซื้อร่มแล้วเดินเล่นในเมืองแทนครับ
โตเกียวในวันที่ฝนตก
ฝนตกก็ได้อารมณ์รูปภาพไปอีกแบบ
เดินกันยังไม่ได้เท่าไหร่ ก็รู้สึกหิวขึ้นมา อากาศเย็นๆ อยากทานอะไรร้อนๆ บทสรุปได้เป็นร้านปิ้งย่าง Yansando 焼肉陽山道 上野駅前店 ราคาแรงหน่อย แต่อร่อยมากๆๆๆๆๆ ครับ คลายหนาวไปได้เยอะเลย
Yansando 焼肉陽山道 上野駅前店
คิดแล้วก็อยากกลับไปกินอีกครับ
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินเล่นกันต่อไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณ Imperial Palace เลยครับ
Imperial Palace
บรรยากาศขมุกขมัวหน่อยนะครับ ดูเศร้าๆ เหงาๆ ดี
วันนี้ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยไม่ได้ทำอะไรมาก เข้าห้างแล้วก็ชอปปิ้ง สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจผมในการชอปปิ้งครั้งนี้คือสินค้ามือสองของญี่ปุ่นครับ มีหลายร้านมากๆ (ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปแต่ละร้านที่เข้า) แล้วสภาพสินค้าดูดีเหมือนใหม่เลย ราคาก็ดูกว่ามือหนึ่งพอสมควร เพลินเลยครับ เดินเข้าร้านนนี้ออกร้านนั้น รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดซะแล้ว
ก่อนจบวันมากินชาบูร้อนๆ ที่ร้าน Nabezo ชาบูชื่อดังที่มีสาขาที่ไทยด้วย 5555
ลายเนื้อสวยๆ ละลายในปาก (แต่ทานเยอะละเลี่ยนใช้ได้)
ทานเสร็จก็กลับโรงแรมพักผ่อนครับ วันนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก รีบนอนเอาแรง เพื่อตื่นเช้าในวันถัดไป
วันที่ 16 เมษายน 2566 วันนี้เรารีบตื่นกันแต่เช้า เพราะมีกำหนดการขึ้นรถไป Kawaguchiko ตั้งแต่ 07:30 น เราเดินทางด้วยรถ Highway bus ตั๋วไป-กลับราคา 4,400 เยน ขึ้นที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal ไปลง Kawaguchiko Station ครับ
วิวระหว่างทางครับ ถ่ายจากในรถเลย
รถจะมาลงที่ Kawaguchiko Station เลยครับ ด้านหลังสถานีจะเป็นฉากภูเขาไฟฟูจิอลังการมากครับ รัวกล้องไม่หยุดเลย ขอสารภาพตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นฟูจิ ก่อนหน้านี้ผมมาญี่ปุ่นก็หลายครั้ง แต่ไม่ได้สนใจภูเขาไฟลูกนี้เลยครับ เพราะคิดว่าก็แค่ภูเขาไฟ คนก็เที่ยวเยอะ จอแจ ไม่น่าไปเท่าไหร่ แต่พอมาเห็นของจริง อึ้งเลยครับ ยิ่งใหญ่มาก เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงอยากมาเห็น จากเฉยๆ กลายเป็นชอบ และอยากมาเยี่ยมชมอีกบ่อยๆ ด้วยครับ
ฉากหลัง Kawaguchiko Station ใครจะไปอดใจไม่ลั่นชัตเตอร์ไหว
จากสถานีเราสามารถเดินไปยังจุดต่างๆ ได้ครับ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จะมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อมากมาย แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็เยอะพอสมควรครับ อาจจะต้องมีรอต่อคิวกันบ้าง
บรรยากาศรอบๆ เมือง
ดอกไม้สดใสมากครับ
บังเอิญเดินไปเจอ เลยต้องขอโฟสถ่ายสักหน่อยครับ สวยจริง
แวะทานอาหารกันก่อนครับ ผมสุ่มเอาจากแถวๆนั้นเลย
อร่อยกว่าที่คิดนะครับ เจ้าของร้านเป็นคุณพี่ผู้หญิงมีอายุหน่อยๆ ท่าทางใจดีครับ
หลังจากเดินชมเมืองไปสักพัก เราก็มาขึ้นรถไฟเพื่อไป Chureito Pagoda ครับ
บรรยากาศรอบๆ สถานี และระหว่างทางครับ
บรรยากาศรอบๆ สถานี และระหว่างทางครับ
มาถึงสถานีปลายทางเราต้องเดินอีกสักเล็กน้อยจากสถานีไปที่ทางขึ้นภูเขาครับ Chureito Pagoda ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกไกลพอสมควร เหนื่อยเอาเรื่องครับ
วิวระหว่างทางขึ้นเขาครับ
ที่ปลายยอดจะเป็นจุดชมวิว ที่ได้ภาพฮอตฮิตแบบนี้ครับ (คนเยอะมากๆ ครับ ได้ใช้เวลาแปปเดียว)
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานครับ ขึ้นไปถึงยอดถ่ายสองสามรูป แล้วก็ลงมาเดินกลับสถานี แล้วก็กลับโตเกียวกันครับ ถึงโตเกียวก็ใกล้ค่ำพอดี เราหาอะไรกินง่ายๆ อีกสักหน่อย เดินซื้อของฝากเพิ่ม แล้วก็กลับโรงแรมนอนครับ
ร้านทงคัตสึที่ให้เรากดสั่งที่ตู้ แล้วเข้าไปรับอาหารในร้าน เป็นเมนูง่ายๆ กินแบบเร็วๆ
ตื่นเช้ามาในวันที่ 17 เมษายน 2566 เรารีบไปสนามบินนาริตะด้วยรถไฟ Skyliner แล้วบินกลับไทยด้วยสายการบิน Malaysia Airlines เหมือนตอนขามา รายละเอียดเครื่องบินเหมือนกันเด๊ะๆ เลยครับ
จบกันไปแล้วนะครับกับทริปโตเกียว 4 วัน 3 คืน ดูๆ เหมือนผมไม่ค่อยได้ไปไหน แต่เอาเข้าจริงรู้สึกเต็มอิ่มมากๆ เลยครับ ไม่ต้องไปหลายที่ แต่ไปใช้เวลาในที่ที่นึงจนเราพอใจ รู้สึกเหมือนได้ลงไปสัมผัสบรรยากาศจริงๆ ส่วนตัวผมชอบสไตล์นี้นะครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกๆ ท่านได้เพลิดเพลินไม่มากก็น้อย แล้วโปรดติดตามบทความต่อๆไปด้วยนะครับ รับรองมีอีกหลายทริปแน่นอน ผมคิดไว้แล้ว (ฮา~~~)
โฆษณา