4 ส.ค. 2023 เวลา 15:59 • ท่องเที่ยว
หอโหวด 101

หอโหวด แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางเมืองร้อยเกิน

หนึ่งในหอชมเมืองที่ประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว ด้วยรูปทรงที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ่งบอกถึงความเป็นจังหวัดร้อยเอ็ดผ่านงานสถาปัตยกรรม หอชมเมือง ที่สร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องดนตรีประจำจังหวัด
หอชมเมืองรูปโหวด
สร้างด้วยความความสูง ๑๐๑ เมตร ตามชื่อของจังหวัด เทียบเท่าความสูงของตึก 35 ชั้น ถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในจังหวัด เพราะหากขับรถเข้าเมือง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถมองเห็นหอโหวดตั้งตระหง่านอยู่บริเวณใจกลางเมืองเสมอ
วิวเมืองมุมสูง สังเกตว่าฟุตบาทจะเขียนเป็นตัวเลข 101 และใจกลางเมืองเอาสายไฟลงดินหมดแล้ว
หอโหวด ตั้งอยู่บนสวนสุขภาพใจกลางเมือง “สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” สวนร่มรื่นซึ่งสามารถมาเดินเล่น ปิคนิค หรือแม้กระทั่งเล่นสเก็ตบอร์ด นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามคือ บึงพลาญชัย บึงขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่เหมาะแก่การนั่งชิวฮีลใจ
นำบาร์โค้ดไปแสกนแล้วก็ขึ้นลิฟต์ได้เลย
สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้บริเวณชั้น 2 โดยจะมีลิฟต์พาเราขึ้นไปยังชั้น 31 ซึ่งเป็นชั้นที่กรุผนังด้วยกระจกเต็มแผ่น สามารถมองวิวเมืองได้แบบ 360 องศา ไฮไลท์ของชั้นนี้จะเป็นการดูวิวผ่านกล้องส่องทางไกล
วิวมุมสูง ฝั่งสำนักงานราชการ
ถัดมาที่ชั้น 32 เมื่อเราเดือนขึ้นบันไดมาจะเจอกับซุ้มดอกไม้สีเขียว ซึ่งถือว่าเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของชั้นนี้ นอกจากนั้น ไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ คือบันไดระหว่างทางขึ้นชั้น 33 เป็นบันไดริมกระจกประดับไปด้วยรูปปั้นกระรอกในอริยบถต่างๆ โดยยืนอยู่บนกิ่งของต้นอินทนิล และหากมองขึ้นด้านบน จะเห็นโคมไฟคริสตัลรูปดอกอินทนิลสีม่วงรับกับผนังที่วาดไว้เช่นกัน
บันไดทางขึ้นชั้น 33 ตอนกลางวัน
อุโมงซุ้มดอกไม้
สังเกตได้ว่า ภายในหอโหวด จะแสดงความเป็นเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของจังหวัดผ่านงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอย่างเต็มที่ อย่างเช่น รูปปั้นกระรอกสวมใส่ผ้าสาเกตุ กำลังยืนเป่าโหวดบนกิ่งอินทนิล ซึ่งกระรอกคือสัตว์ประจำจังหวัด ผ้าลายสาเกตก็เป็นผ้าประจำจังหวัดเช่นกัน รวมถึงดอกอินทนิลซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ถือว่าเป็นการผสมผสานทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัว
ภาพระหว่างบันไดขึ้นชั้น 33 ตอนเย็น
ชั้น 33 เป็นชั้นซึ่งมีให้เช่าการจัดนิทรรศการ วันที่เราไปมีการจัด นิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สังฆปริญายก ๙๖ พรรษา
นิทรรศการจะเปรี่ยนตลอด
ไฮไลท์อยู่ที่ชั้น 34 ซึ่งมี Sky walk มองวิวใต้ฝ่าเท้า ส่วนบรรยากาศด้านบนจะเป็นเพียงชั้นเดียวที่เปิดโล่ง มีแต่โครงเหล็กกั้น เราจะได้สัมผัสบรรยากาศด้านบนด้วยสายตา รับรู้ถึงลมที่พัดมาปะทะกับร่างกาย
Sky walk สั้นนิดเดียว ก็เสียวได้
ส่วนชั้นสุดท้าย คือหอพระ เป็นชั้นสูงสุดเป็นประดิษฐาน “พระพุทธมิ่งเมืองมงคล” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง รวมถึงประดิษฐาน “พระบรมสารีริกธาตุ” ให้มาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ชั้น 35
หลังจากชมนั้นเราจะมาลงลิฟต์กันที่ชั้น 29 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ Co-Working Space โดยจะเดินผ่านชั้น 30 ซึ่งเป็นร้านกาแฟและร้านอาหาร
มีปลั๊กไฟ สามารถมานั่งทำงานได้
โดยลิฟต์จะพาเรามาลงที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นโซนขายของฝาก มีทั้งอาหาร ผ้าไหม เครื่องประดับ รวมถึงร้านกาแฟ
ซื้อของฝากนั่งชิวร้านกาแฟ
เราแนะนำให้มาดูพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น เพราะคนไม่เยอะต่างจากตอนกลางวันที่มีคณะทัวร์มาทัศนศึกษาจำนวนมาก
ตอนเย็นมันดีจริงๆนะ
📌 ค่าเข้าเด็ก นักเรียนนักศึกษา 40 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท ผู้สูงอาย อายุเกิน 70 ปีเข้าฟรี
📌 เปิด 9.00 - 19.00 นาฬิกา สามารถเข้าชมได้ 10.00 - 19.00 นาฬิกา
📌 พนักงานเยอะมาก หากอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถถามได้ตลอด
📌 มีบัตรรายปี ราคา 490 บาท สามารถเข้ากี่ครั้งก็ได้ใน 1 ปี
🏘️ : 101 ถนนข้าวหอมมะลิ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000
☎️ : 043-514-101หรือ 095-2244-101
โฆษณา