6 ส.ค. 2023 เวลา 08:12 • ประวัติศาสตร์

วาระสุดท้ายใน “ปอมเปอี (Pompeii)”

“ปอมเปอี (Pompeii)” คือเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันคือแคว้นคัมปาเนีย (Campania) ประเทศอิตาลี
1
จากหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าปอมเปอีนั้นเป็นเมืองที่รุ่งเรือง และอยู่ใต้การปกครองของโรมันเมื่อช่วงเวลาราว 200 ปีก่อนคริสตกาล
เมืองแห่งนี้มีงานศิลปะและสิ่งก่อสร้างที่งดงาม หากแต่ในไม่ช้า วาระสุดท้ายของปอมเปอีก็มาถึง
ปอมเปอี (Pompeii)
ในปีค.ศ.1748 (พ.ศ.2291) ทีมนักวิจัยได้ค้นพบซากเมืองปอมเปอีซึ่งถูกฝังอยู่ใต้เถ้าถ่านเป็นเวลานับพันปี สร้างความฮือฮาในวงการประวัติศาสตร์ และการค้นพบนี้ยังนับเป็นรากฐานสำคัญสำหรับวงการโบราณคดีสมัยใหม่
สำหรับเรื่องราวของปอมเปอีนั้น เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของเนเปิลส์ และมีผู้อาศัยอยู่ในเมืองราว 2,000 คน
จากหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าปอมเปอีนั้นเป็นเมืองที่สร้างมาอย่างดี มีทั้งทางเดินที่กว้างใหญ่ มีโรงอาบน้ำ มีสนามแข่งม้า มีแม้กระทั่งโรงละครกลางแจ้ง แสดงให้เห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่คึกคักและรุ่งเรืองทีเดียว
2
แต่ปอมเปอีนั้นตั้งอยู่ห่างจาก “ภูเขาไฟวิสุเวียส (Mount Vesuvius)” เพียงแค่แปดกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งภูเขาไฟวิสุเวียสก็เป็นภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่าอันตรายที่สุดแห่งหนึ่ง
ภูเขาไฟวิสุเวียส (Mount Vesuvius)
วันที่ 24 (หรือ 25) สิงหาคม ค.ศ.79 (พ.ศ.622) เวลาราวตีหนึ่ง ผู้คนได้สังเกตเห็นควันสีดำลอยออกมาจากปล่องภูเขาไฟวิสุเวียส ในขณะที่พื้นดินก็มีอาการสั่นไหว
ในไม่ช้า ปอมเปอีก็ถูกปกคลุมใต้เศษซากและขี้เถ้า พร้อมกับชีวิตชาวเมืองอีกจำนวนมาก ซึ่งเรื่องราวของปอมเปอีนั้น ผมเคยเขียนเป็นซีรีส์ไว้แล้ว สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้นะครับ
แต่สำหรับบทความนี้ จะเล่าถึงวินาทีท้ายๆ ของผู้คนในเมือง
ในบรรดาเหยื่อนับร้อยที่ต้องสังเวยชีวิตไปพร้อมกับปอมเปอี ก็มีนักเขียนชาวโรมันชื่อดังที่เป็นที่รู้จักในนามของ “พลินีผู้อาวุโส (Pliny the Elder)” ซึ่งหลานของเขา “พลินีผู้เยาว์ (Pliny the Younger)” ซึ่งอยู่กับผู้เป็นลุงในวันที่เกิดเหตุ ได้จดบันทึกถึงวินาทีท้ายๆ ของปอมเปอีไว้
1
พลินีผู้อาวุโส (Pliny the Elder)
จากบันทึกของพลินีผู้เยาว์ ได้กล่าวว่าพลินีผู้อาวุโสซึ่งเป็นลุงของตนนั้น เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นควันสีดำลอยออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
แทนที่พลินีผู้อาวุโสจะรีบหนีไป เขากลับช่วยมิตรสหายและชาวบ้านในเมืองอพยพออกจากเมืองจนถึงวินาทีสุดท้าย
ควันดำนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และเถ้าถ่านก็ลอยละลิ่วลงปกคลุมเมือง อุณหภูมิในเมืองก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ในไม่ช้า พายุลูกเห็บซึ่งก็คือหินภูเขาไฟก็ได้ก่อตัว กินเวลาราว 10-20 นาที คร่าชีวิตผู้คนในเมืองเป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่เวลาตีหนึ่งถึงหกโมงเช้าวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.79 (พ.ศ.622) ผู้คนในเมืองที่หนีไม่ทันต่างก็เสียชีวิต และเมืองปอมเปอีก็เหลือแต่เศษซาก
พลินีผู้เยาว์นั้นรอดชีวิตมาได้ ส่วนพลินีผู้อาวุโสก็ได้หายไปพร้อมกับเถ้าถ่าน
หากไม่มีบันทึกของพลินีผู้เยาว์ นักประวัติศาสตร์ก็อาจจะไม่สามารถทราบได้ว่าในวินาทีท้ายๆ นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในทุกวันนี้ ปอมเปอีก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลก และประวัติศาสตร์ของปอมเปอีก็ยังคงอยู่ต่อไป
โฆษณา