7 ส.ค. 2023 เวลา 15:32 • ท่องเที่ยว
Huashan Mountain

เขาหวาซาน ตำนานแห่งยุทธภพ

วันนี้เป็นเหตุผลของสโลแกนประจำทริปที่ว่า "กินไม่หรู อยู่ธรรมดา แต่ป้าจะไม่เดิน" เนื่องจากวันนี้เราจะไปขึ้นเขาหวาซานกัน หลายคนได้ยินชื่อแล้วอาจจะรู้สึกคุ้นๆ โดยเฉพาะแฟนๆนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่เรียกเขาหัวซาน (หวานซานอ่านต่มเสียงจีนกลาง) เพราะที่นี่คือที่ที่จอมยุทธทั้งหลายจะต้องขึ้นมาประลองวิชาเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้ายุทธภพ หวาซานเป็นเขาที่สูงที่สุดในห้าขุนเขาที่มีชื่อเสียงของจีน วันนี้เราจะไปพิชิตยอดเขาหวาซานกัน ออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันจะได้หลับก็ถึงซะแล้ว
ออกจากสถานีก็หาข้าวเช้าทาน จากประสบการณ์เมื่อวานทำให้รู้ว่า เพ่าหมัวนี่อยู่ท้องมาก กินชามเดียวอิ่มไปถึงเย็น จากข้อมูลที่หามาเข้าบอกว่าอย่าไปซื้อของบนเขาเพราะราคามันจะแพงมาก ก็คงเหมือนภูกระดึงบ้านเรานั่นแหละ ราคาขึ้นตามความสูง เพราะฉะนั้นทั้งน้ำทั้งอาหารซื้อขึ้นไปให้พร้อม จากนั้นก็อีกนั้นแหละ มีอาเจ้มาชวนว่าไปกับเจ้มั้ย เดี๋ยวเจ้ไปส่ง พาไปซื้อตั๋วให้เสร็จสรรพ จะได้ไม่ต้องรอรถเมล์ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วประหยัดเวลาด้วย เจ้เอา 25 หยวนเอง
เห็นคนบนรถเมล์ที่ยังไม่ออกแล้วเราก็ไปขึ้นรถเจ้เลยทันที(รถเจ้เรียกง่ายๆว่าเป็น uber ไม่มีสังกัด นางไม่ใช่แท็กซี่ แต่นางมารับลูกค้าไปส่ง) นางแวะไปที่ห้องแถวเล็กๆที่นึงที่เขียนว่าเป็นบริษัททัวร์อะไรซักอย่างเพื่อซื้อตั๋ว การขึ้นเขาหัวซานมีหลายเส้นทาง แต่เส้นทางหลักๆที่นิยมกันคือ ขึ้นทางยอดเขาตะวันตก West peak แล้วลงทางยอดเขาทางเหนือ North peak หรือไม่งั้นก็สลับกัน เพราะสองทางนี้มี Cable car แต่ถ้าใครจะเดินขึ้นก็ไม่ว่าอะไร ฟิตร่างกายมาให้ดีก็พอ
แต่หลังจากที่ศึกษาข้อมูลทั้งหมดว่าคิดว่าขึ้นทางตะวันตกลงทางเหนือน่าจะดีกว่า อะไรที่เรานั่งได้ เราจะไม่ยืน อะไรที่ยืนได้จะไม่เดิน ง่ายๆว่า ที่ไหนมีกระเช้าเราจะไปที่นั่น ก็เลยบอกเจ้ว่าซื้อตั๋วกระเช้าทั้งไป-กลับเลยนะ ตั๋วทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าผ่านประตู ค่ารถขึ้นเขา ค่ากระเช้าทั้งไปทั้งกลับ สิริรวมประมาณ 450 หยวน จากนั้นนางก็พาไปส่งที่ทางขึ้นเขา พอเข้าไป รู้สึกโชคดีมากที่มากับนาง ไม่งั้นต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วอีก ซึ่งต่ำๆน่าจะต้องมี 20 นาที เราก็เลยเดินไปต่อคิวขึ้นกระเช้ากันเลย
แม้ว่าวันที่มาเที่ยวจะเป็นวันอังคารที่สุดแสนจะธรรมดา แต่คนที่มีเที่ยวก็ยังเยอะมากอยู่ดี ส่วนมากเป็นคนจีน (นี่เค้าไม่ทำการทำงานกันรึไง) หวาซานมียอดเขาทั้งหมด 5 ยอด ได้แก่ West, east, north, south, central ที่สูงที่สุดอยู่ที่ South peak กว่าจะต่อคิวไปจนถึงกระเช้าก็ปาเข้าไปครึ่งชม.ได้ กระเช้า 1 คันนั่งได้ 8 คน พอกระเช้าออกตัวเท่านั้นแหละ อาการกลัวความสูงก็มาทันที กระเช้าชันมาก กะจากสายตาน่าจะมีซัก 70 องศาได้
ด้วยความที่ภูเขามันสูงและชันมาก และ West peak ที่กระเช้าจะขึ้นไปส่งก็สูงเป็นอันดับต้นๆของ 5 ยอดนี้ คือเรานั่งหันหลังให้กระเช้าด้วย แค่มองไปข้างๆก็รู้ว่ามันสูงแค่ไหน กระเช้าเลียดไปกับหน้าผาที่สูงชัน มันสูงมาก ใหญ่มาก แล้วกระเช้าก็ไปอยู่ใกล้ๆ บอกเลยว่าวิวนี้อลังการ สำหรับใครที่กลัวความสูงขอให้ทำใจก่อนไป แต่คุณภาพกระเช้าดีมาก ไม่แกว่ง ค่อนข้างนิ่ง นั่งไปประมาณ 20 นาทีก็ถึงยอดเขาตะวันตก จากนั้นก็เดินจ้า เดินอย่างเดียว
มีบันไดตลอดทาง เดินง่าย เดินไปค่ะ!!
เดินตามเส้นทางที่กำหนด ณ จุดนี้มันไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้จริงๆ มันต้องเห็นภาพเท่านั้นอ่ะ วิวบนยอดเขามันสุดยอดจริงๆ แม้ว่าวันที่ขึ้นไปจะมีหมอกบ้างแต่มันก็ทำให้สวยไปอีกแบบ ที่เค้าไปเดินที่สันเขาแล้วต้องเกาะโซ่นั่นก็ไปมาแล้ว ใครที่ชอบเที่ยวภูเขาของให้ไปซักครั้งในชีวิต และที่สำคัญคือต้องไปให้ถึง South peak บนนั้นจะมีป้ายหินแกะสลักประมาณว่า สูงสุดเขาหวาซาน สูง 2154.90 เมตร ถ้าจะให้ดีก็คือขึ้นไปให้สุดทุกยอดเขา แต่รอบนี้ที่ไปเก็บหมดทุกยอดยกเว้นยอดเขาตะวันออก
ตามนิยายเค้าขึ้นมาประลองยุทธ์กันบนเขานี้ หินก้อนนี้เลยแกะสลักว่า "ประลองยุทธ์ ณ เขาหวาซาน"
คือตอนนั้นขึ้นไปถึง South peak แล้วก็มองเห็นยอดเขาอีก 4 ยอด เราขึ้นมาจากทางตะวันตก ก็เก็บไปแล้ว 1 ยอด ขึ้น South peak ก็เก็บไปแล้วอีก 1 ยอด แล้วขาลงต้องไปทาง North peak ก็จะเก็บแล้วอีก 1 ยอด ก็จะเหลือ Central กับ East มองไปมองมาก็เลยเลือกไป central แล้วเดินต่อไป North แต่จริงๆสุดท้ายเดินกลับมาที่ East peak ด้วยนะ แต่ไม่ได้ขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ ขอให้ดูรูปประกอบเอา ถ้าใครไปขอให้เผื่อเวลาขาลงเริ่มจากการต่อแถวขึ้น Cable car ไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
บอกแล้วว่ามีบันไดตลอดเส้นทาง แต่บางตอนก็ชันจนแทบจะเป็นบันไดลิงอยู่แล้ว
เพราะกระเช้าฝั่งนี้เป็นกระเช้าเล็กนั่งได้ 6 คน ขาลงก็ยังกลัวอยู่ดี แต่ไม่สูง ไม่ชันเท่าขามา ประมาณ 10 กว่านาทีก็ถึงด้านล่าง จากนั้นก็ต้องนั่งรถบัสลงเขาไปอีก สรุปแล้วไปไม่ทันเที่ยวรถไฟขากลับที่ซื้อไว้ ปรากฏว่าคนขายตั๋วให้เปลี่ยนเที่ยวด้วยจ้า ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ อะไรจะดีขนาดนี้ ถ้าเป็นเมืองไทยคือต้องซื้อตั๋วใหม่อย่างเดียวเลยป่ะ
กลับเข้ามาถึงในเมือง กินหม้อไฟหมาล่าอย่างจุใจ กลับถึงที่พักแทบจะหลับในทันที ต้องบังคับตัวเองขึ้นมาอาบน้ำ เป็นอันหมดวันที่เหนื่อยที่สุดของทริปนี้ ใครอยากมาขึ้นเขาแล้วไม่เหนื่อยมาก ขอให้ฟิตร่างกายมาอย่างดี ตอนเดินๆอยู่เจอสองสาวนักเดินเขา คือนางเดินขึ้นเขาตั้งแต่ 8 โมง ตอนเจอนางคือประมาณ บ่าย 3 นางเพิ่งผ่านไปได้ยอดเขาเดียว นับถือนางมาก ถ้าเดินเองหมดน่าจะต้องใช้เวลาซัก 3 วันถึงจะเก็บครบ และอาจจะปวดขาตายในวันที่ 3
และนี่คือบันไดทางขึ้นตั้งแต่ก้าวแรก สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งกระเช้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา