6 ส.ค. 2023 เวลา 20:37 • ประวัติศาสตร์

25ศาสดาในศาสนาอิสลาม

ศาสดา( นบี)สองพี่น้อง ถอดใจ กับชาวอิสราเอล
ความเชื่อและศรัทธาแบบจริงใจเป็นสิ่งที่สร้างยาก
ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ แม้สายลือดของเขาจะมีเรื่อง
ศาสนาของพระเจ้า ที่ชัดเจน ที่บรรพบุรุษ คือ นบียะกู๊บ
(ขอสันติจงมีแด่ท่าน)หรืออิสราเอล ได้สั่งเสียไว้
กลายเป็นตำนานในคนรุ่น400ปีถัดมา ที่มีคนเคร่งครัดจริงจัง
อยู่เล็กน้อย ในหมู่คนที่อพยพมา พวกเขาไม่ได้อพยพ
มาเพื่อรักษาศาสนา ความศรัทธา ให้คงอยู่ไว้แต่อพยพ
เพื่อเอาตัวรอดจากการปกครองที่กดขี่ยาวนาน จนทุกคน
ในสายเลือดอิสราเอลอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ไม่ได้อีกแล้ว
แล้วพระเจ้าก็ได้ส่งสองพี่น้องคือ นบีฮารูนและมูซา
ที่มีทั้ง การประนีประนอม ชี้แจงจัดระเบียบ การอพยพ
และคนที่แก้ปัญหาเด็ดขาด ที่ต้องพาคนเหล่านี้รอดไป
ยังดินแดนที่พระเจ้าบอกจะมอบให้ เป็นแกนนำ
มันเป็นการสวน อารยธรรมการเป็นอยู่ของผู้คนชนบท
หรือแม้แต่อาณาจักรในยุคนั้น ที่สร้างเมืองจากการมี
แผ่นดินก่อนแล้วค่อยๆสร้างเมืองสังคม สะสมผู้คน
ครอบครัว เป็นหมู่บ้านเป็นเมือง กว่าจะได้หลักร้อย
ไปหลักแสน เป็นร้อยปี ที่เปลี่ยนผู้ปกครองไปหลายคน
แต่นบีมูซาและฮารูนพาคน ราว ครึ่งล้านหอบข้าวของเดินเท้า
อพยพกันมาแบบเลื่อนลอย ในความเป็นจริงที่ชาวอิสราเอล
ส่วนใหญ่ที่ขาดศรัทธา ต่างรู้กัน เพราะพวกเขามีพื้นความรู้
ที่ดีจากดินแดนที่มีอารยธรรมมาก่อนทั้งนั้นแม้จะเป็นทาส
ก่อนอพยพมาก็ตาม
อุดมการณ์และศรัทธา เป็นภาระของ
สองพี่น้องนี้เท่านั้น ที่อ้างว่าพระเจ้าจะรับผิดชอบพวกเขา
แม้พวกเขาทั้งหมดจะเห็นทะเลแยก และรอดชีวิตมากับตา
และเห็นความตายของกองทัพมหึมานั้น จมน้ำตายกันหมด
ถ้าพระเจ้ามีจริง ก็ทำให้เขาหลงในความคิดที่ยึดตัวตน
มากกว่าจะเกิดความนอบน้อม ศิโรราบ และไม่ยึดตัวตน
แล้วอยู่ใน ศรัทธาทางนำของพระเจ้า และมั่นใจ
ในอุดมการณ์ ในสัญญาที่พระเจ้าจะมอบแผ่นดิน
ให้แก่ประชากรที่เดินมา มากมายเหล่านี้ ตั้งแต่บรรพบุรุษ
อิสราเอล
พวกเขารอนแรมผ่านเมือง ชายทะเล เห็นหมู่บ้านแถบนั้น
ทำพิธีบวงสรวง บูชารูปปั้นวัวกันเฉลิมฉลองรื่นเริง
พวกเขาบางคน บอกนบีมูซาว่า ปั้นพระเจ้า ให้พวกเราได้
สักการะกราบไหว้ ยึดเหนี่ยวมีตัวตน
อย่างที่พวกชาวทะเลแถบนั้นมีกัน ให้หน่อย
นบีมูซา บอกว่าจะขอพระเจ้าให้ในสิ่งที่ดีกว่า
แล้ววันหนึ่งในเขตภูเขาในซีนายที่อพยพกันมาพัก
พระเจ้าได้ บอกนบีมูซาให้ขึ้นไปรับ บัญญัติจากพระเจ้า
ถึงขนาดที่พระเจ้าได้ยกภูเขา ซีนายทั้งลูกขึ้นสูง
เพื่อแสดงปาฏิหาริย์ ให้ชาวอิสราเอลเห็นและสัญญา
ว่าจะไม่นับถือ สิ่งอื่นใด นอกจากพระเจ้าองค์เดียว
ที่โมเสส และบรรพบุรุษชาวอิสราเอลได้ สั่งเสียไว้
ชาวอิสราเอลต่างสัญญากันว่า จะรอคอย ธรรมบัญญัติ
ที่พระเจ้าจะประทานมาให้ เป็นหลักฐานจากพระองค์ชัดเจน
นบีมูซา สั่งนบีฮารูน พี่ชายว่า ให้ท่านดูแลชาวอิสราเอล
ที่ปักหลักรออยู่ด้านล่าง อย่าให้เขาแตกแยกในสังคม
และโดยเฉพาะเรื่องความเชื่อ ก็อย่าให้เกิดภาคีใดมาร่วม
ในศรัทธา การนับถือพระเจ้าองค์เดียวในใจ 30 วันจะกลับมา
แล้วนบีมูซาก็ขึ้นเขา ซีนาย(ฏูร) เพื่อไปพบพระเจ้าและเริ่มถือ
ศิลอด สวดมนต์ ในทุกวันอย่างเคร่งครัดเพื่อชำระร่างกาย
แต่ วันที่30 ท่านหยุดถือศิลอด ที่ทนกับกลิ่นปากตัวเองไม่ได้
(คนถือศิลอดนานๆ จะมีสารบางอย่างออกมา จากภายใน
ที่ทำให้มีกลิ่นออกมาทางปาก)
เมื่อกินอาหารกลิ่นนี้จะหายไป พระเจ้าได้ถามว่าทำไมจึงถือไม่ครบ
ท่านได้บอกเหตุผล แต่ไม่ใช่เหตุผล ที่พระเจ้าสั่งให้หยุด
จึงให้ถือต่ออีก 10 วัน กลายเป็นติดอยู่บนเขา 40
วันที่ต้องอยู่ต่อ
30 วัน ผ่านไปนบีมูซาไม่ลงมา ซามีรีย์
หนึ่งในแกนนำชาวอิสราเอลได้รวมผู้คน กล่าวว่า
ครบกำหนดแล้ว มูซา ไม่ลงมา อาจไม่กลับมาแล้ว
เสียเวลารอ ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่เห็นด้วย
เขาจึงเสนอให้ เอาทองคำ ที่ชาวอิสรเอลติดมา
บริจาคร่วมกันมา หล่อ รูปพระเจ้าสัการะยึดเหนี่ยว
บวงสรวงกัน
ที่เขาออกแบบควบคุมการปั้นหล่อเอง เสร็จอย่าง
รวดเร็ว ในช่วงสิบวัน กลายเป็นวัวทองคำ ที่มีเสียง
เมื่อมีลมพัดมา เป็นนวัตกรรม ที่ตื่นตาตื่นใจแก่ชาว
อิสราเอลผู้อพยพ ที่ยึดเหนี่ยวทางใจ
ก่อกองไฟบวงสรวง เฉลิมฉลอง เทพเจ้าของพวกเขา
รื่นเริง มันคือบาปใหญ่สูงสุด ที่ นบียะกู๊บ ได้สั่งเสียแก่
ชาวอิสราเอล อันเป็นสายเลือดที่พระเจ้าเลือกจะประทาน
แผ่นดินและทางนำแห่งศาสนา ในการตั้งอาณาจักรแห่งพระเจ้า
ที่สัญญาแก่ นบีอิบรอฮีมไว้
40 วันครบกำหนด ท่านนบีมูซานำบัญญัติ 10
ประการที่พระเจ้าจารึกในแผ่นหิน มาให้เพื่อเป็นหลัก
การแรกชัดเจน ในการสร้างสังคมแห่งประชากร
อยู่ร่วมกัน แม้จะยังเร่ร่อนไร้แผ่นดิน อันเป็น
ข้อปฏิบัติ สั้นๆในการสร้างสังคม ที่มันจะตาม
มาด้วยกฎหมาย ที่ทุกคนยอมรับในพื้นฐาน
สังคม แห่งการมีพระเจ้าร่วมกัน
แต่ภาพที่ท่านกลับมา พร้อมแผ่นหินที่หนักอึ้ง
จากพระเจ้า ที่ประทานให้แก่ชาวอิสราเอลนั้น
ท่านรู้สึกจบสิ้นแล้ว และขว้างแผ่นหินนั้นลงกับพื้น
จนแตกเป็นท่อนๆ ปราดเข้าไปดึงเครา พี่ชายท่าน
และจิกผม ตะโกนถามว่า
ทำไมพี่ปล่อยให้พวกเขาทำผิด ใหญ่หลวงได้ขนาดนี้
ทั้งๆที่ได้กำชับในเรื่องนี้ไว้แม่นมั่น
ท่านนบีฮารูน ขอร้องน้องชายอย่าทำร้ายท่าน
แล้วบอกว่าท่านได้ห้ามทุกอย่างแล้ว
ท่านแค่พูดได้ชี้เหตุผลตรรกะได้
แต่ไม่มีกำลังห้ามปรามใครได้
และถ้าเกินจากนี้ก็จะเกิดการแตกแยกกันเอง
ในประชากรมากมายที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนควบคุมไม่ได้
ก่อนที่ท่านจะลงมา
นบีมูซา ทำลายวัวทองคำ
ซามีรีย์หนีออกไปจากกลุ่มผู้อพยพมีคนที่
ไม่ร่วมด้วยที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ราว70 คนเท่านั้น
ความผิดครั้งนี้ มหันต์นัก ถึงขนาดที่พระเจ้าลงโทษ
ให้พวกเขา ฆ่ากันเอง ในหมู่พวกที่หลงผิด ที่สำนึกตัวได้
เหตุการณ์ผ่านไป ผู้คนฆ่ากันไปราว 3000 คน
ชาวอิสราเอล ได้ร้องทุกข์ว่า ให้พระเจ้าให้อภัย
พวกเขา มีคนทำผิดนั้น มากมาย ถ้าต้องฆ่าทิ้ง
นบีมูซา จึงรวบคนขึ้นเขาซีนายไปขอ อภัยต่อพระเจ้า
กับคน70 คนที่ไม่ได้ทำความผิด
ที่มี เด็กคนหนึ่งคือ ยูชะ หรือโยชัว บุตรของ นูน
มีนบีฮารูน และญาตินบีมูซา อีกคนหนึ่ง ใน70คน
ที่ทุกคนต้องถือศิลชำระตัวอย่างเคร่งครัด พระเจ้า
ได้ให้อภัย แม้จะเกิดความผิดพลาดบางอย่าง ที่คนเหล่านั้น
ขอเกินขอบเขต ที่ต้องการเห็นพระเจ้าด้วยตา
แล้วพวกเขาก็เดินทางต่อ โดย พระเจ้าให้ทำกล่องใส่
บัญญัติแผ่นหินที่แตกหัก แล้วแบกนำขบวนไปด้วย
มีเต้นท์ เก็บเฉพาะเสมือนโบถส์เคลื่อนที่
ที่ต้องมีคนมาทำพิธี จุดไฟ เครื่องหอมถวายพระเจ้า
ประจำ เรียกว่า โดมแห่งเวลา เป็นที่ยึดเหนี่ยวเทศนา
ประชุม ของการอพยพ โดยมีตระกูลเลวี ต้นสายของ
ท่านนบีมูซาเป็นผู้ดูแล โดมแห่งกาลเวลาและหีบธรรมบัญญัติ
จนพวกเขามาถึง จุดที่เป็นแผ่นดิน คานาอัน
อีกครั้ง ที่มีชนเผ่าปาเลสไตน์ หลายเผ่ารวมกันอยู่
ที่ใกล้เป้าหมาย แผ่นดิน อักศอร์ ในเยรูซาเล็ม
ชาวอิสราเอลมาร้องเรียนว่า พวกเขาเบื่ออาหาร
สองอย่างที่พระเจ้าประทานมาให้ในการเดินทางนี้
อยากกินถั่ว หัวหอม แตงกวา ฯลฯบ้าง ท่านนบีมูซาได้เตือน
พวกเขาว่า จะแลกสิ่งที่ดีกว่ากับสิ่งไม่ดีหรือ
ท่านจึงบอกว่า ให้ทุกคนเตรียมตัว เข้ายึดแผ่นดิน
ปาเลสไตน์จากชนเผ่านี้ ที่พวกเขาจะต้อง
ร่วมใจร่วมมือกันเข้าไปลงมือทำ แล้วพระเจ้า
จะให้ชัยชนะ ครอบครองแผ่นแห่งพันธสัญญา
แต่พวกเขาบอกว่า ในเมืองนี้มีคนตัวใหญ่และป่าเถื่อน
พวกเขาจะไม่มีวันเข้าไปเป็นอันขาด
หรือไม่ มูซากับพระเจ้า ของท่านเข้าไปสู้รบ
ขับไล่คนเหล่านี้ออกไปก่อน พวกเขาจะนั้งรออยู่ที่นี่
และจะเข้าไปเมื่อไม่มีคนเหล่านั้น
ท่านนบีมูซา ได้มาถึงที่สุดแห่งความอดทนจบสิ้น
จึงบอกกับพระเจ้าว่า ท่านไม่สามารถ นำทางคนเหล่านี้
ได้อีก นอกจากท่านนบีฮารูน และพี่น้องของท่านเท่านั้น
ที่ท่านรับรองได้ ในศรัทธา ที่มีจำนวนนิดหน่อยในจำนวน
ประชากรมากมายที่อพยพกันมา
แล้วพระเจ้า ก็ให้ชาวอิสราเอล เดินวนหลงไปมา
ในทะเลทรายนั้น 40 ปี หาทางออกไม่เจอ
เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่มาสร้างอาณาจักรในแผ่นดินสัญญา
คนรุ่นเก่าก็ค่อยๆล้มหายตายจากไปเองตามกาลเวลา
ท่านนบีมูซาและฮารูนใช้เวลาเทศนาสั่งสอน
ชาวอิสราเอล และสร้างลูกศิษย์ ถ่ายทอดวิชา
ความรู้ ในด้านต่างๆและศาสนา แก่ เด็กหนุ่ม
ที่ชื่อ ยูชะ(โจชัว) บุตรของ นูน ที่จะมอบภาระกิจ
พาคนอิสราเอล เข้าไปสร้างเมือง ในดินแดนแห่ง
พันธสัญญา คือ เยรูซาเล็ม ที่จะสร้างวิหารของพระเจ้า
อย่างจริงจัง เพื่อสถิตหีบพระบัญญัติ ที่เป็นรัฐธรรมนูญ
และขวัญกำลังใจของชาวอิสราเอล รุ่นต่อไป
โฆษณา