7 ส.ค. 2023 เวลา 07:54 • นิยาย เรื่องสั้น

นิยายจีนอ่านฟรีของจันทร์ส่องแสง

ตำหนักร้อยดาวหากมีดาวร้อยพันส่องสว่างกลับหามองเห็นไม่ ภายใต้ดวงตาเย็นชานั้น ไม่ได้มีสิ่งใดให้ลังเลที่จะถอยห่างออกไป
“องค์ชาย”ร่างใหญ่ถอยห่างนอนขดตัวชิดข้างฝา ไร้คำพูดตอบกลับ
พรุ่งนี้จะมีหน้าไปคุยกับใครในเมื่อคืนนี้ไร้การร่วมหออย่างที่ควรจะเป็นอย่างดีคงต้องปิดปากเงียบ หรือหากจะร้ายหน่อยก็คงถูกตราหน้า
หว่านหนิงนอนนิ่งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว จะอย่างไรเล่าในเมื่อบุรุษผู้นี้ ไร้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูตลอดชีวิต แทบจะไม่ยิ้มหัว มีเพียงตัวเองที่จมอยู่กับตัวเองก็เท่านั้นจะให้มีปฏิกิริยารักใคร่ชอบพอใครตอบกลับคงไม่มีทางหว่านหนิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดึงผ้าผืนใหญ่ห่มคลุมร่างกายของตัวเอง อากาศหนาวจัด อีกคนยังนอนขดตัวไม่แม้จะเฉียดใกล้ร่างบอบบางของหว่านหนิงให้ระคายเคือง
ค่ำคืนเหน็บหนาวผ่านไปอย่างกล้ำกลืน หว่านหนิงตื่นเช้าขึ้นมา องค์ชายห้าก็นั่งในท่าเตรียมพร้อมอาบน้ำออกมานั่งรอไร้สาวใช้หรือขันทีช่วยแต่งกาย หว่านหนิงหยิบ เสื้อคลุมและหมวก ไปยืนตรงหน้าสายตาหมางเมินจนเกือบจะเป็นเย็นชาแต่งเข้ามาในตำหนักร้อยดาว แต่เหมือนร้างไร้ซึ่งดาวมีเพียงความมืดมิด ประตูหน้าต่างถูกปิดตายฝุ่นสีเทาเกาะอยู่ไปทั่วบริเวณเหมือนไม่เคยได้มีใครเข้ามาปัดกวาด ไร้ซึ่งสาวใช้
หว่านหนิงจำต้องไปแต่งตัวให้อย่างเสียไม่ได้ก็ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเขาแล้วหน้าที่ดูแลเขาไม่อาจละเลย
“องค์ชาย จะเสวยเลยไหม”เมื่อสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ท่าทีเขายังนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด หากใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาราวกับเทพมาจุติอย่างที่เป็นอยู่จะนับว่า คนคนนี้เหมือนกับซากศพที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดใดเป็นแน่ ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดริมฝีปากซีดจาง หยิบหมวกจากมือของหว่านหนิงมาสวม
“สาวใช้ไม่เคยนำอาหารมาที่นี่ ข้าจำต้องไปหาที่กินเอง เจ้าเข้ามาในตำหนักวันแรกอาจยังไม่รู้ เช่นนั้นห้องเครื่องคงพอจะมีอะไรให้เจ้าได้พออิ่มท้อง”คำพูดเรียบเฉยไม่ได้แสดงความเห็นใจเพียงแต่แนะนำตามมารยาทหรือก็จะไม่อยากให้หว่านหนิงคาดหวังอะไร
ตำหนักใหญ่เป็นรองเพียงตำหนักของฮ่องเต้แต่ไร้ซึ่งสาวใช้และขันที นางกำนัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วยังไร้ซึ่งเครื่องเสวยอีกหรือนี่ หว่านหนิงตกนรกหรือไรจึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในเมื่อเป็นบัญชาฝ่าบาทเสด็จพ่อขององค์ชายห้าลี่หยางเหมือนจะโยนบาปเคราะห์ให้กับหว่านหนิงหรืออาจเป็นบัญชาสวรรค์ ก็ในเมื่อเป็นลูกสาวคนโตในตระกูลขุนนาง แต่ตอนนี้ไร้ยศฐา เพราะบิดาทำผิดมีโทษถึงประหารแต่ด้วยมารดา เป็นถึงองค์หญิงจึงถูกละเว้นโทษตาย
การแต่งงานครั้งนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหว่านหนิงก็ยังคงใช้ชีวิตปกติเมื่อบิดาได้จากไป การแต่งงานครั้งนี้กับองค์ชายที่ถูกรังเกียจ ไร้คนรักใคร่ห่วงใยอีกทั้งยังไม่มีใครคบหาสมาคม บรรดาองค์ชายทั้งหลายก็ต่างหลีกหนีให้ไกล จึงขัดเสียไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ก้าวขายาวๆ ออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อย ทุกวันตอนเช้าต้องออกไปถวายงานกับฝ่าบาท คอยชงชาผสมนำอุ่น ยกเครื่องเสวยทั้งๆ ที่เป็นองค์ชาย องค์ชายคนอื่นในวังหลวงร่ำเรียนเที่ยวเล่นสนุกสนานแต่ เขาต้องทำงานเยี่ยงขันทีไร้ศักดิ์คนหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่ต่างจากขันทีชั้นผู้น้อยสีของอาภรณ์โดยมากล้วนหาสีสดใสได้ไม่กลับมีเพียงสีทึมทึบยิ่งเพิ่มความหม่นหมองให้กลับใบหน้า
หว่านหนิงแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินเสียงท้องร้องโคลกคลาก พาตัวเองเดินออกไปข้างนอก นางกำนัลสองคนนั่งหมอบอยู่ที่ประตูทางเข้าตำหนัก
“นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาให้เราสองคนมาคอยรับใช้”หว่านหนิงยิ้มน้อยๆ
“ดีเลยข้ากำลังหิว”สองคนมองหน้ากันไปมา เหมือนกำลังจะชั่งใจว่าจะพูดกับหว่านหนิงว่าอย่างไรดี
“ฮองเฮา มีบัญชาแต่ไหนแต่ไรตำหนักร้อยดาวไม่ให้ใครยกเครื่องเสวย นายหญิงเพิ่งมาคงไม่รู้”พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ในเมื่อเขาเพิ่งจะพูดไป หว่านหนิงเดินออกจากตำหนักมุ่งตรงยังห้องเครื่อง
...ตำหนักฮ่องเต้...ที่กว้างใหญ่
ลี่หยางนั่งร่างอักษรอยู่บนโต๊ะสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ใดใด
“ตามธรรมเนียมรุ่งเช้าหลังจากแต่งงานต้องพาชายาเข้ายกน้ำชาให้ฮองเฮาวันนี้เจ้าไม่ต้องมาชงชาให้ข้าเหมือนเช่นทุกวัน”ฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมันคือประโยคบอกเล่า
“ไม่จำเป็น พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ลี่หยางไม่ได้มีความสำคัญเพียงนั้น อีกอย่างเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของฮองเฮา”หมายความอย่างนั้นจริงๆ
ฮ่องเต้วัยกลางคนเพียงแต่พยักหน้าขึ้นลงแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีกก้มหน้าก้มตาอ่านฎีกาปล่อยให้ ลี่หยางนั่งร่างราชสานส์สำหรับใช้ในงานต่างๆ ตรงหน้า ที่กองเป็นภูเขา
หว่านหนิงรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดเมื่อออกมาจากห้องหับที่ฝุ่นจับเขรอะขนาดนั้น เห็นที่ต้องออกแรงกันหน่อยกว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ใจคิดในเมื่อเตรียมใจเตรียมกายมาแล้วจะกลัวสื่งใดกันเล่า
“เจ้าสองคน ชื่ออะไรบ้าง”เอ่ยปากชวนสาวใช้คุยรู้จักกันไว้แม้ไม่คิดที่จะสนิทกับพวกนางแต่ว่าในยามนี้ เหมือนตัวคนเดียวโดยแท้ องค์ชายห้าผู้เป็นสามีก็เฉยชา เสียจนน่าใจหาย
“ข้าน้อยอิงไถ”พูดขึ้นดังๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ข้าน้อยกุ้ยอิง”กุ้ยอิงกับส่งเสียงเบาหวิว
“ดี อย่างงั้นข้าเรียกพวกเจ้าเสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ย นำข้าไปที่ห้องเครื่องเถิด”ทั้งสองหันมองหน้ากัน
“ข้าน้อยมิกล้าเราสองคนเป็นเพียงสาวใช้จะเดินนำนายหญิงได้อย่างไร”ย่อตัวลงข้างหน้า หว่านหนิงยิ้ม เพียงทดสอบพวกนางว่าจะถูกสั่งมาให้ปฏิบัติกับหว่านหนิงเช่นไร ในเมื่อที่คาดหวังไว้แต่เดิมแย่กว่านี้ คิดว่าพวกนางคงไม่ได้เคารพย้ำเกรง เพราะองค์ชายห้าไม่ได้มีอำนาจในการปกครองใคร
สายตาของหว่านหนิงสะดุดเข้ากับ ร่างสูงโปร่ง ในอาภรณ์สะอาดสะอ้านฟูและป้ายหยกบ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เสี่ยวกุ้ยกับเสี่ยวไถ ประสานมือข้างเอวย่อตัวลงทันที
“ถวายพระพรองค์รัชทายาท” หว่านหนิง ย่อตัวลงช้าๆ ใบหน้างดงามงามราวกับสตรีช้อนตามองใบหน้าของหว่านหนิง ความเสียดายบังเกิดขึ้นในใจ ไยต้องเป็นองค์ชายห้าผู้นั้นด้วย
“เจ้าเองหรือ ชายาพี่ห้า”
“หม่อมฉัน จงหว่านหนิงถวายพระพร ไท่จือ”โบกมือช้าๆ ให้ลุกขึ้น
“เสียดาย”หว่านหนิงยิ้มมุมปาก
โฆษณา