Five-hundred-meter Aperture Spherical Radio Telescope หรือ FAST คือกล้องโทรทรรศน์วิทยุจานเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน
ตามชื่อ"Five-hundred-meter Aperture" ซึ่งก็คือขนาดของจานรับสัญญาณวิทยุที่มีขนาดมหึมาด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 500 เมตร ทำให้ FAST เป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุจานเดี่ยวที่มีความสามารถในการตรวจจับรับฟังสัญญาณวิทยุอันแผ่วเบาจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้นที่ดีที่สุดในปัจจุบัน หากไม่นับรวมพวกโครงข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใช้จานรับสัญญาณวิทยุหลายตัวทำงานร่วมกันเป็นโครงข่ายอย่าง SKA
เปรียบเทียบขนาดจานรับสัญญาณระหว่าง FAST และ Arecibo
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 90 จีนเคยเสนอตัวเข้าร่วมโครงการพัฒนาโครงข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใช้จานรับสัญญาณวิทยุหลายตัวทำงานร่วมกันเป็นโครงข่ายเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับสัญญาณวิทยุจากอวกาศที่เรียกว่า Square Kilometre Array หรือ SKA
โดยจีนได้เสนอใช้พื้นที่ทางตอนใต้ของจีนสำหรับเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการ SKA รวมถึงได้มีการศึกษารูปแบบโครงการก่อสร้างกล้องแบบจานเดี่ยวด้วยเช่นกัน
จานรับสัญญาณวิทยุในโครงข่าย SKA ที่ออสเตรเลีย
แต่หลังจากการศึกษาความเป็นไปได้ของพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก จีนก็ถูกตัดออกจากตัวเลือกในการเป็นที่ตั้งโครงการ SKA ในปี 2006 และตัดสินใจเริ่มโครงการเฟสแรกที่แอฟริกาและออสเตรเลีย
ซึ่งเหมาะกับการมองหาสัญญาณวิทยุจากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก และกล้องแบบจานเดี่ยวนี้มีค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดชุดเสาอากาศเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับสัญญาณที่ถูกกว่ากล้องแบบ SKA ที่ต้องอัพเกรดเสาทุกต้นในโครงข่าย
จนในที่สุดก็ได้รับอนุมัติงบประมาณจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปจีน (National Development and Reform Commission หรือ NDRC) ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี 2007 และได้งบประมาณสนับสนุนอีก 3,000 ล้านบาทจากหน่วยงานอื่น ๆ
ทั้งนี้บริเวณรัศมี 5 กิโลเมตรรอบกล้อง FAST จะกลายเป็นพื้นที่ควบคุมการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถส่งสัญญาณวิทยุออกมาที่เรียกว่า Radio Silence Area ซึ่งทำให้ต้องมีการอพยพคนกว่า 8,000 คนออกจากพื้นที่ดังกล่าวและต้องใช้งบประมาณในการย้ายคนอีกกว่าหมื่นล้านบาท
จากที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้กล้อง FAST นั้นจัดเป็นอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณวิทยุจากห้วงอวกาศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดชิ้นหนึ่งในปัจจุบัน (มีความไวในการตรวจจับสัญญาณดีกว่ากล้อง Arecibo 10 เท่า)
ภาพคอนเซปของระบบควบคุมตำแหน่งเสาอากาศของ FAST
ปัจจุบันกล้อง FAST ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่มกราคมปี 2020 ซึ่งนักดาราศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลกสามารถขอใช้งานกล้อง FAST ได้ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา (ถ้าเขาอนุมัติภารกิจที่มีคนติดต่อไป)
ทั้งนี้การสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดยักษ์นี้ขึ้นมาก็ด้วยจุดประสงค์ในการศึกษาด้านดาราศาสตร์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาลของเราให้ได้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งภารกิจของ FAST ก็ได้แก่แ
✓
ตรวจจับหา HI Cloud หรือกลุ่มหมอกแก๊สไฮโดรเจนธรรมชาติซึ่งประกอบด้วยไฮโดรเจนอะตอมเดี่ยว
ตรวจจับสัญญาณวิทยุที่อยู่ห่างไกลและอ่อนมาก ๆ อย่างคลื่นแรงโน้มถ่วง, การลุกจ้าอย่างฉับพลันในช่วงคลื่นวิทยุ (Fast Radio Burst)
** ผลการค้นพบที่ผ่านมาของ FAST **
ตั้งแต่เริ่มการทดสอบใช้งานและหลังจากเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ กล้อง FAST ก็ได้อยู่เบื้องหลังการค้นพบและสังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าซึ่งตัวอย่างผลงานของกล้อง FAST ได้แก่
ตรวจย้อนหาแหล่งกำเนิดของสัญญาณวิทยุปริศนาที่เคยตรวจจับได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุอื่น ซึ่งก็ด้วยอานิสงค์ของความไวในการตรวจจับของ FAST ที่มีมากกว่ากล้องกล้องโทรทรรศน์วิทยุตัวอื่น
เกริ่นนำข่าวมาซะยาว ขอเข้าเนื้อหาข่าวกันต่อ
ย้อนกลับไปจากที่เล่าถึงระบบต่าง ๆ ที่ทำให้กล้อง FAST สามารถติดตามวัตถุบนท้องฟ้าได้เป็นมุมกว้างกว่าปกตินั้น แน่นอนว่าก็ต้องอาศัยการบำรุงรักษาที่ดีและต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ากล้องจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นหายนะแบบเดียวกับกล้อง Arecibo ก็อาจจะเกิดขึ้นกับ FAST ได้
โดยเฉพาะงานดูแลรักษาสายเคเบิลที่ยึดโยงเสาอากาศนั้นจัดว่าเป็นการทำงานในที่สูงซึ่งอันตราย จึงเป็นที่มาในการพัฒนาใช้หุ่นยนต์เพื่อรับหน้าที่ในการตรวจสอบและบำรุงรักษากล้อง FAST นี้
โดยหุ่นซ่อมบำรุงภาคพื้นนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Institute of Automation of the Chinese Academy of Sciences, the National Astronomical Observatory และ Guizhou Radio Astronomy Observatory
หัวหน้าทีมวิศวกรของ FAST ประเมินว่าการเอาหุ่นยนต์เหล่านี้เข้าช่วยงานดูแลและซ่อมบำรุงกล้อง FAST จะสามารถช่วยลดระยะเวลางานซ่อมบำรุงทำให้กล้อง FAST สามารถทำภารกิจในการสำรวจอวกาศเพิ่มได้อีกกว่า 30 วันต่อปีเลยทีเดียว
ภาพถ่ายยามค่ำคืนของกล้อง FAST ในระหว่างงานหยุดซ่อมบำรุงประจำปี
ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของคนงานที่ต้องคอยทำหน้าที่บำรุงรักษา และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสำรวจอวกาศของกล้อง FAST ได้อีกด้วย