10 ส.ค. 2023 เวลา 06:19 • ท่องเที่ยว
พรอว็องส์

ปักหมุด จุดวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ 💜

  • Lavender de Provence (ประเทศฝรั่งเศสตอนใต้)
เราอาจเคยได้ยินคนพูดเปรียบเปรยคนที่มองโลกในแง่ดี โลกสวย คิดบวก ว่า
🏃‍♀️💜 "ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ "💜🏃🏻
อาจเป็นเพราะภาพทุ่งลาเวนเดอร์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สวยงาม เกินจริง ชวนฝัน ทำให้คิดไปแบบนั้น แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เราเห็นอาจไม่สวยงามได้ง่ายๆ ขนาดนั้น (คุณผู้หญิงทุกคนรู้ดีเรื่องการทำสวย)
💜 ทุ่งลาเวนเดอร์อาจจะสวยงามก็จริง แต่ก็ไม่ได้สวยแบบนั้นตลอดปี พวกเขาจะสวยที่สุดช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอก lavender กำลังออกดอกสีม่วงสดใสเต็มทุ่ง และเนินเขาอีกหลายแห่งที่ไกลลิบลับสุดลูกหูลูกตา (ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึง)
💜 หากไปเยี่ยมชมเร็วกว่านั้นคือ ช่วงพฤษภาคม ก็จะเห็นทุ่งลาเวนเดอร์สีเขียวๆ ปนสีม่วง หรือไปหลังการเก็บเกี่ยวซึ่งเริ่มปลายเดือนกรกฏาคมถึงสิงหาคม ก็จะเห็นทุ่งลาเวนเดอร์ต้นกุดๆ โกร๋นๆ สีน้ำตาลปนเขียว (โลกเริ่มไม่สวยงามแล้วใช่มั้ยคะ^^)
🌞 หากไปถ่ายรูปช่วงแสงเช้าหรือพระอาทิตย์ตก ก็จะได้รูปสวยงามกว่าตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ แล้วถ้าอยากได้แสงช่วงเย็น เราจะไปกี่โมงกันดี หน้าร้อนของ Provence ช่วง 2 ทุ่ม แดดยังจ้าราวกับบ่าย 2 -3 อาจต้องลองไปสัก 3-4ทุ่ม (ไหวมั้ย) ดังนั้นจังหวะเวลาจึงสำคัญ (นอกจากโลกไม่สวยเหมือนที่คิดแล้ว ยังยากเพิ่มขึ้นอีกใช่มั้ยคะ)
🐝 สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นในการที่จะ "ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์" คือฝูงผึ้งที่เกาะตามดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นของคู่กัน ที่ใดมีดอกไม้หอมหวาน ก็จะมีผึ้งมาตอม ยิ่งมีดอกไม้บานเต็มทุ่งมากเท่าไร ฝูงผึ้งก็จะยิ่งมีมากเช่นกัน หากเราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป และเผลอไปรบกวนพวกเขา เราอาจถูกผึ้งมาตอมตุ๊บตั๊บแทนก็เป็นได้ (เริ่มไม่กล้าเดินเข้าไปละ ขอถ่ายห่างๆ ด้านนอกก็พอได้มั้ย)
🖥 นอกจากมุมถ่ายภาพสวย ถูกจังหวะเวลาแล้ว ยังต้องผ่านกระบวนการปรับแต่งแสงสีในคอมพิวเตอร์อีกรอบ (ความงามที่แท้ทรูออกมาจากขั้นตอนนี้)
💜 ดังนั้นการที่ช่างภาพจะได้ภาพที่เราเห็นว่าโลกสวย มองโลกแง่ดี "ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันเถอะ" จึงเป็นภาพที่อาจจะผ่านกระบวนการคิด วางแผน ลองผิดลองถูก และผ่านอะไรๆ อีกหลายอย่างมาแล้ว (โลกสวยและง่าย ไม่มีอยู่จริงแล้วใช่มั้ยคะ)
💜 สิ่งที่คุณเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด รูปที่เราเห็นว่าเป็นทุ่งลาเวนเดอร์กว้างใหญ่สวยงาม อาจไม่ใช่ต้นลาเวนเดอร์ที่แท้จริง ส่วนใหญ่ใน Provence จะเป็นการปลูก Lavendin (Hybrid หรือพันธุ์ผสม) ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางค์ เนื่องจากให้ผลผลิตมากกว่า วิธีสังเกตง่ายๆ คือ Lavendin จะมีลักษณะเป็นพุ่มสูงกว่า ก้านดอกเรียวยาวกว่า ขณะที่ Lavender จะเป็นพุ่มเตี้ยกว่านั่นเอง (อ้าว คุณหลอกดาว)
💜 ถึงตอนนี้อย่าเพิ่งเครียด คิดมากไปเลยค่ะ หยิบลาเวนเดอร์มาหนึ่งกำแล้วสูดดม คุณประโยชน์ที่สำคัญของลาเวนเดอร์ ที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่โบราณคือ ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด ช่วยเรื่องการนอนหลับสบาย ช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ รักษาบาดแผลผิวหนัง ผิวไหม้ แมลงกัดต่อย (รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ)
💜 การเข้าถึง Lavender ไม่ใช่เรื่องยากเลย เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปใน Provence ผู้คนนิยมปลูกและประดับตามบ้านเรือน ข้างทาง หรือสวนสาธารณะ ผลิตภัณท์จากลาเวนเดอร์ก็หาได้ง่ายตามร้านขายของทั่วไป ลาเวนเดอร์สำหรับชาว Provence ไม่ได้เป็นเพียงแค่วัตถุทางการตลาด ไม่ได้โปรโมทเพื่อการท่องเที่ยว หรือนำไปขายฝันให้ใครๆ มา "วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันเถอะ" แต่เป็นสิ่งที่คุ้นชิน หยิบจับต้องได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอันแสนปกติสุขของพวกเขา (เหมือนคนไทยคู่กับใบกะเพรา ^^)
💜 แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับลาเวนเดอร์ หากต้องการ "ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์" สักครั้ง ชีวิตเราก็เริ่มมีความยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มขึ้นอีกหลายประการ ตั้งแต่การขอวีซ่า การจิ้มหาตั๋วที่ได้ราคาดีๆ และการจะลางานให้ได้ตรงกับช่วงดอกบาน (เพราะน้องเค้าจะไม่อยู่รอเรา)
เมื่อเราผ่านความยากลำบากเหล่านั้นกันมาแล้ว ก็เริ่มลุยเลยค่ะ ว่าแต่จะไปทุ่งลาเวนเดอร์ที่ไหนกันดี ทุ่งขนาดใหญ่ใน Provence ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชม เชคอิน และถ่ายรูปกันได้แก่ Valensole, Sault และ Luberon
💜 Valensole พื้นที่กว้างขวางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายรูปทุ่งลาเวนเดอร์กว้างไกลสุดสายตา (เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ยังมีแรงวิ่ง ร่างกายทนทานต่อสายลมแสงแดด)
บริเวณใกล้กับทุ่ง Valensole มีร้านค้าชุมชนจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Lavender เช่น น้ำมันหอมระเหย ครีม เครื่องสำอางค์ สบู่ เป็นต้น นอกจากนี้บริเวณใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของโรงงาน L’Occitane สามารถเข้าเยี่ยมชม และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้
💜 Sault ทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่อาจไม่ได้กว้างใหญ่เมื่อเทียบกับ Valensole และบางแห่งอาจปักป้ายห้ามเข้า เราสามารถถ่ายรูปด้านนอกทุ่งลาเวนเดอร์เท่านั้น แต่ก็จะได้ถ่ายภาพอันมีฉากหลังเป็นเมืองที่อยู่บนเขาสวยงาม (เหมาะสำหรับวัยกลางคน ชีวิตไม่ต้องการวิ่งแล่นอะไรมากมาย ขอแค่ถ่ายรูปเชคอินเป็นพิธี)
💜 Luberon มีพื้นที่ปลูกลาเวนเดอร์ไม่มากนักเมื่อเทียบกับอีก 2 แห่งที่กล่าวมา แต่ผู้คนก็นิยมไปถ่ายรูปทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีฉากหลังกับวิหารที่สวยงามของ Abbaye Notre-Dame de Sénanque (เหมาะสำหรับวัยชราที่ไม่ต้องการอะไรในชีวิตมากมายแล้ว ขอแค่ลงรถไปยืนถ่ายรูป มีทุ่งลาเวนเดอร์เล็กๆอยู่ด้านหลัง พร้อมกับฉากโบสถ์สวยงาม ชีวิตก็คอมพลีตแล้ว)
💜 การเปรียบเทียบกับเรื่องวัย เป็นแค่ขำๆนะคะ เมื่อถึงเวลาได้ไปจริงๆ ขอให้ไปให้สุด ได้ไปวิ่งแล่น (แล่นไปแล่นมา) ได้ไปให้ครบทุกที่ที่มีลาเวนเดอร์เลยนะคะ (ก็ถ้าใจมันรักแล้ว อะไรก็ฉุดไม่อยู่)
วิธีเดินทาง
  • 1.
    รถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่า เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เพราะสามารถจอด หรือขับวนหามุมถ่ายรูปที่ชอบได้
  • 2.
    ขนส่งสาธารณะอาจไม่สะดวกเท่าไร ควรศึกษาเรื่องตารางเวลาทั้งไปและกลับให้ละเอียด เพราะไม่ได้มีถี่นัก ช่วงเวลาการรอหรือต่อรถ อาจนานหลายชั่วโมง และเมื่อถึงปลายทาง อาจต้องเดินอีกหลายกิโลเมตรเพื่อหาทุ่ง หรือมุมที่ถูกใจในการถ่ายภาพ
  • 3.
    วิธีที่สะดวกสุดสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการขับรถ และมีเวลาจำกัด คือ ซื้อ one day tour จากเมืองใหญ่ที่ใกล้ๆ เช่น Avignon หรือ Aix-en-Provence เพราะมีผู้ชำนาญเส้นทางพาไปเอง
พิกัด Valensole
📍https://maps.app.goo.gl/9PfcfMM3k9KT3dHW8?g_st=ic
พิกัด Luberon (Abbaye de Sénanque)
พิกัด โรงงาน L’Occitane
โฆษณา