10 ส.ค. 2023 เวลา 01:57 • ความคิดเห็น
ความว่างเปล่าคือ การมองเห็นความจริงสูงสุดว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา และไม่มีแม้กระทั่งตัวเราเป็นผู้คิด ในขณะที่เราเป็นผู้รับรู้ ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยโยนิโสมนสิการครับ
2
เวลาเราอยู่กับปรากฏการณ์แต่ละขณะๆ เรารู้สึกจริงจัง มีความสุข มีความทุกข์ ก็รู้สึกว่าเป็นของจริง แต่พอมันผ่านไปแล้ว มันก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ชีวิตเรา กระทั่งในขณะนี้ มันก็เหมือนเราฝันอยู่ หาสาระแก่นสารอะไรจริงจังไม่ได้ พอคิดว่ามันจริงจัง สภาวะที่กำลังปรากฏอยู่มันก็มามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา จิตใจเราเดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
1
คำถามนี้เป็นคำถามที่ลึกซึ้ง เป็นคำถามของปรัชญาขั้นสูงที่น้อยคนนักจะเข้าถึงความรู้สึกตรงนั้น และกว่าจะอธิบายออกมาได้ ถึงแม้จะเข้าใจ แต่มันเป็นปัจจัตตัง มันรู้ได้แค่ตัวของเราเอง ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งนี้เรียกว่าเป็น ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ
1
เมื่อไม่มีเราเป็นผู้คิด ความว่างจึงบังเกิด
ธรรมข้อนี้ เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการจะรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตนเท่านั้น ต้องปฏิบัติจึงจะรู้ ทำแทนกันไม่ได้ แบ่งปันให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง โดยการเดินทางสายเอก คือสติปัฏฐาน๔ เส้นทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของหมู่สัตว์ทั้งหลาย เพื่อระงับความโศกและความคร่ำครวญ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ทางเส้นนี้คือสติปัฏฐาน๔
1
เมื่อเราเข้าถึงความจริงของขันธ์ 5 และอินทรีย์ทั้ง 6 ว่ามันเป็นแค่สิ่งที่มาประชุมรวมกัน ทำให้เกิดผัสสะ สถานะที่มันซุกซ่อนอยู่ทั้งหมด ตัวตนที่แท้จริงมันไม่มี นี่แหละคือความว่างเปล่า เมื่อเราเกิดโยนิโสมนสิการตรงนี้ เราจะเห็นความจริงที่แท้จริงว่าเป็นอนัตตาทั้งหมด
1
โฆษณา