ซึ่งสอดคล้องกับการที่เดวิด อัลเลน ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "Getting Things Done: the Art of Stress-Free Productivity" ได้บอกไว้ว่า การทำน้อยแต่ได้มากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้ความสนใจกับสิ่งที่เราทำอยู่ข้างหน้าอย่างเต็มที่ เราจะต้องปล่อยให้จิตใจของเราพักผ่อนและมีที่ว่างอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มกำลัง แล้วการที่เราพยายามทำงานในหนึ่งวันให้ได้หลายๆ อย่างโดยไม่มีกลยุทธ์อะไรเลย ก็ไม่ได้ช่วยให้เราประสบความสำเร็จหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ล่าสุดงานวิจัยใหม่จาก Stanford และ MIT พบว่า AI อย่างเช่น Chatbot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในบริษัทเทคแห่งหนึ่งได้ถึง 14% แล้วยังพบอีกว่าพนักงานมือใหม่กับคนทำงานกลุ่ม Low-skilled นั้นสามารถทำงานได้เร็วขึ้นถึง 35%
จริงๆ แล้วไม่ว่าจะพนักงานระดับไหนก็สามารถนำ AI มาช่วยเสริมการทำงานได้ทั้งนั้น เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตอนนี้มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่เราสามารถหยิบยกมาใช้ได้ และงานบางอย่าง AI ทำได้เร็วกว่ามนุษย์เสียอีก
ตัวอย่าง AI ที่เราคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในตอนนี้คือ ChatGPT ตัวนี้เป็น Generative AI ที่เราเอามาใช้ประโยชน์ได้ทั้งกับการทำงานและการใช้ชีวิตเลย เช่น การให้ช่วยการวางแผนการเที่ยวหรือการทำงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเขียนอีเมล เป็นต้น