10 ส.ค. 2023 เวลา 15:47 • ไลฟ์สไตล์
สวีเดน

"Fika" แนวคิดการดื่มกาแฟของชาวสวีเดน ต้นแบบชีวิต Slow life 🇸🇪☕

"Fika" เป็นได้ทั้งคำนาม “เวลากาแฟ” ☕
"Fika" เป็นได้ทั้งคำกริยา “หยุดพัก” 🥱
"Fika" คือ ช่วงเวลาแห่งการหยุดพักจากสิ่งที่เรากำลังจดจ่ออยู่ เพื่อหันมาดื่มกาแฟและสังสรรค์กับคนรอบตัว (และแน่นอน ไม่ใช่สังคมก้มหน้า ไถ social network นะ)
เมื่อต้องหยุดพัก ก็เท่ากับว่า เรากำลังทำให้ชีวิต…เดินช้าลง หรือจะเรียกว่าสโลว์ไลฟ์ก็ได้นะ
เวลามันก็เดินไปเท่าเดิม แค่เราใช้ชีวิตให้ช้าลง เท่านั้นเอง 🥰
แต่ "Fika" ไม่ใช่การสโลว์ไลฟ์แบบชีวิตไร้จุดหมายนะ… 🙌⛳
.
จากตอนที่ผ่านมาพวกเราได้หยิบเรื่องราวของแนวคิดค้นหาความสุขของชาวสแกนดิเนเวีย
ก็จะเหลืออีกหนึ่งแนวคิด “Fika” ที่เราได้เกริ่นกันไว้ในภาพของแนวคิด “Lagom” ของชาวสวีเดนกันไปเนอะ
งั้นในโพสนี้ พวกเรา MindStory ขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักแนวคิดและมุมมองของ “Fika” กันเบา ๆ ดีกว่า
[ Fika เป็นการเล่นคำสลับจากคำว่า "Kaffi หรือ Kaffe" ที่แปลว่ากาแฟ ☕🇸🇪 ]
อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะ เพราะชาวสวีเดนถือว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ดื่มกาแฟ(ต่อแก้ว) เป็นอันดับที่ 3 ของโลก !
สาเหตุที่พวกเค้าดื่มกาแฟกันเยอะขนาดนี้ มันไม่ใช่เพราะเค้าต้องการอัดฉีดคาเฟอีนเพื่อทำงานหามรุ่งหามค่ำ
แต่เพราะพวกเค้าต้องการเวลาพักผ่อนระหว่างวัน ตะหากละ 😌☺️👋
[ Fika เป็นมากกว่าแค่การดื่มกาแฟ ]
1. เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบตัวผ่าน "การดื่มกาแฟ"
2. การค้นหาความสุขผ่านช่วงเวลาที่เราไม่ต้องเร่งรีบ
คือ ชาวสวีเดนจะใช้ช่วงเวลานี้ เสมือนเป็นข้ออ้างที่มีประโยชน์ต่อชีวิต เพื่อให้ตัวเขาได้มีช่วงเวลาที่ช้าลงท่ามกลางวุ่นวาย ตัดสิ่งรบกวนภายนอก หยุดพักสักนิดสักหน่อย สนใจแค่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า (ที่ไม่ถือมือถือ) ก็เพียงพอ
กาแฟ จึงรับหน้าที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้เพื่อตักตวงเวลาแห่งความสุขนั่นเอง (ซึ่งไม่ต้องเป็นกาแฟก็ได้นะคร้าบ 🥰)
😋🧁นอกจากกาแฟแล้ว เค้าจะนิยมทานขนมหวานไปพร้อม ๆ กันด้วยนะ อย่างเช่น
- fikabröd (Kanelbullar) (ขนมปังอบเชยม้วน)
- Kardemummabullar (สวีดิชชินนามอนโรล)
- Chokladbollar (ขนมลูกช็อคโกแลต)
- Pulla (ขนมปังคาดามัมแบบสวีดิช)
fikabröd
Kardemummabullar
Pulla
ถ้าเสิร์ชภาพดูตามไปด้วย ก็จะพบว่าเจ้าขนมหวานเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นขนมที่ชิ้นใหญ่ ๆ แต่จะเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอดีมือ
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า เค้าต้องการให้แบ่งกันหยิบทานกับเพื่อน ๆ ได้สนุกสนาน (อารมณ์แบบ Social foodies) นั่นเอง
ว่าง่าย ๆ คือ Fika เป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่จะคัดเลือกแต่สิ่งดีดี มาช่วยผ่อนคลายจิตใจนั่นเองคร้าบ
ปล. ในเรื่องของการออกเสียง เราไม่มั่นใจว่าเค้าออกเสียงแบบอังกฤษ “ฟิก้า” ตรงตัวเลยไหมนะ.. เหมือนเคยเห็นบางเว็ปเค้าอ่านว่า เฟ-ก้า / ฟะเยก้ะ
เราเข้าใจว่าอ่านตรงตัวว่า “ฟิก้า (Fee-Ka)” แบบนี้เลย หากอ่านผิด พวกเราต้องขออภัยนะคร้าบ 🙏
.
[ ทุกคนน ได้เวลา “Fika” แล้ว !! 🤩 ]
ทุกท่านโปรดล็อกหน้าจอคอม แล้วมานั่งจิบกาแฟกินขนมสบาย ๆ กันที่ห้องพักส่วนกลางกันดีกว่า !
โดยปกติแล้ว ชาวสวีเดนจะมีช่วงเวลา Fika ประมาณ 2 ช่วงระหว่างเวลาทำงาน (ช่วงเช้า และช่วงบ่าย)
แต่ถ้าถามว่า เค้าต้องกำหนดเป็นเวลาเป๊ะ ๆ ขนาดนั้นเลยไหม… ก็ตอบได้ว่า ไม่มีคร้าบบ
แค่เตือนใจเราว่า “อย่าลืม Fika (พัก) ระหว่างวันด้วยละ “
อันที่จริงแล้ว “Fika” ไม่ใช่แค่เวลาพักดื่มกาแฟแต่เพียงอย่างเดียว
แต่รวมไปถึง การใช้ช่วงเวลาพักผ่อนในวันหยุดกับคนที่อยู่ตรงหน้า อย่างเช่น การไปปิคนิคในสวน การหยุดพักจากการออกกำลังกาย ก็ได้เหมือนกัน
[ Fika Room - ห้องสำหรับฟิก้าเหรอ ? จริงจังไปไม๊เนี่ย… 🧖‍♀]
อันที่จริงมันก็ไม่ได้เวอร์อะไรขนาดนั้นหรอก
เพราะเดี๋ยวนี้ หลาย ๆ ออฟฟิศ คอนโด หรือ บ้าน ก็ย่อมต้องมีพื้นที่ส่วนกลางกันแทบจะทุกที่
แต่สำหรับ “Fika Room” เค้าจะเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานในออฟฟิศ (เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ต้องมีการบริหารเวลา Work-life balance มากที่สุด)
พูดง่าย ๆ คือ เป็นการใช้พื้นที่ส่วนกลางของออฟฟิศ ที่มีเครื่องทำกาแฟ/ชา พร้อมขนมหวาน และโซฟานุ่ม ๆ ที่หันหน้าเข้าหากัน สำหรับการนั่งคุยกัน นั่นเองคร้าบบ
[ Fika & Lagom ของคู่กัน 👩‍❤️‍👨🇸🇪 ]
นอกจากมันจะเป็นแนวคิดของคนสวีเดนเหมือนกันแล้ว
แต่เอ้ะ… ! แล้วมันไปเกี่ยวกันได้ไงเนอะ ?
(ถึงแม้จะถามให้มันดูน่าประหลาดใจ แต่ส่วนตัวเราคิดว่าเพื่อน ๆ น่าจะพอเดาความเชื่อมโยงกันได้อยู่แล้วละเนอะ 😅😁)
Fika ทำให้เราหยุดพักจากความวุ่นวายรอบตัว
Lagom เน้นไปที่การสร้างสมดุลความพอดีของชีวิต
Fika มีส่วนช่วยให้เราเพิ่มเวลาพักผ่อน เวลาแห่งความเรียบง่าย สโลว์ไลฟ์ เพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตแบบ Lagom
ง่าย ๆ แค่นี้เลยคร้าบ 🤩☺️
[ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ! - Fika มีมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ? 🤔 ]
“Fika” เป็นวัฒนธรรมการปรับรูปแบบของชีวิต ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ของชาวสวีเดน
แต่ต้องบอกว่า ดั้งเดิมเนี่ยวัฒนธรรม Fika เค้าไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่หอมหวาน แบบในปัจจุบัน
หากย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19
ชาหรือกาแฟ ที่พร้อมกินคู่กับเซตของหวาน จะเป็นกิจกรรมที่ทำได้เฉพาะกลุ่มชนชั้นกลาง - สูง คือต้องมีเงินและมีฐานะ และมีเพื่อนฝูงที่อยู่ในกลุ่มสังคมระดับเดียวกัน
ที่สำคัญคือ ต้องมีเวลาว่างมากพอจะมาทำตัวสโลว์ไลฟ์แบบนี้ด้วยนะ…
(อันนี้ในสมัยนั้นนะคร้าบบ อย่าเพิ่งมองว่าเราใช้คำในแง่ลบเกินไปน้าา แต่จะได้เห็นภาพชัดๆ 🥺)
เวลา Fika ในอดีตจะดูมีฐานะสูงหน่อยๆ
คล้าย ๆ สมัยก่อนอังกฤษที่มี Afternoon tea แต่ไม่ใช่ High tea
ก่อนที่จะมาถึงในปัจจุบันราคาของกาแฟหรือขนมหวานบางประเภท ที่เข้าถึงได้ในกลุ่มคนทุกกลุ่ม รวมถึงความคิดเรื่องการแบ่งชนชั้น ก็ไม่ได้มีเหมือนแบบในสมัยก่อนกันแล้ว นั่นเอง 😁
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
หนังสือ The Little Book of Fika เขียนโดย Lynda Balslev
หนังสือLagom: The Swedish Art of Balanced Living เขียนโดย Linnea Dunne
โฆษณา