11 ส.ค. 2023 เวลา 11:00 • กีฬา

The Social One (Part 1) คลอปป์ผู้จัดการทีมที่เหมาะสมกับหงส์แดงที่สุด

หนังสือว่าด้วยเรื่องราวของลิเวอร์พูลในมือของเจอร์เก็น คลอปป์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ 2015-2022 โดยสาระสำคัญจะกล่าวถึงการทำทีมตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาและเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่ทีมลิเวอร์พูลและ JK เผชิญร่วมกันเพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ทีมบริหารคิดไม่ผิดเลยที่เลือก JK เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเพื่อวางรากฐานของทีมให้มั่นคง แข็งแรงและสามารถเติบโตเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ต่อไปได้แม้ไม่มีเขา
เขาละทิ้งการใช้เงินซื้อความสำเร็จ ค่อยๆสร้างทีมทีละทีละน้อย อดทนอย่างใจเย็น รอให้ทุกอย่างสุกงอมและออกดอกออกผลเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร ณ วันนั้นหงส์แดงพร้อมเผชิญหน้าทุกทีม ปลุกจิตวิญญาณของลิเวอร์พูลให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เรื่องราวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นเรื่องราวนอกสนาม อีกส่วนจะเป็นเรื่องราวภายในสนาม
เรามาดู 6 เรื่องราวนอกสนามที่บ่งบอกว่า JK คือผู้จัดการทีมที่เหมาะกับลิเวอร์พูลที่สุด
1. Doubter to Believer - วันแรกที่ JK เข้ามารับงานบทสัมภาษณ์แรกๆที่ให้กับสื่อเลยคือ เขาตั้งใจจะเปลี่ยนที่นี่ให้เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น สิ้นไร้ซึ่งข้อสงสัยในทีมและนักเตะว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้ขอแต่แต่จะทำให้ทุกคนกลับมาเชื่อมั่นในสโมสรแห่งนี้อีกครั้ง
2. ลิเวอร์พูลศูนย์กลางของ LGBTQ+ - ใครที่เคยไปที่ลิเวอร์พูลจะเห็นเมืองประดับประดาไปด้วยธงชาติสีรุ้ง ผู้คนหลากหลาย มีชีวิตชีวา อัธยาศัยดีมากๆ (จนเกินเหตุ 5555) ซึ่งตัว JK เองก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ มีเหตุการณ์นึงในปี 2021 ที่แฟนบอลของลิเวอร์พูลไปร้องเพลงเสียดสีและเหยียดเพศของ Billy Gilmour อดีตนักเตะเชลซีที่ตอนนั้นย้ายไปเล่นให้กับนอริช ซิตี้
หลังจบเกมตัว JK เองถึงขนาดพูดผ่านสื่อ ณ วันนั้นด้วยความโมโหและตำหนิกลุ่มแฟนบอลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ พร้อมกับบอกว่า เขาไม่อยากได้ยินเพลงในทำนองนี้อีก
3. การเหยียดผิวที่ถูกต่อต้านจากทั่วทุกมุมโลก - “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในเรื่องนี้คือ พวกเรายังต้องคอยรณรงค์เรื่องการเหยียดผิวอยู่” หนึ่งในประโยคที่ JK ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อและผมชอบมากๆ สิ่งนี้ควรจะเป็นจิตใต้สำนึกในมโนคติไปนานมากแล้วแจาเรากลับต้องมาทำเรื่องนี้กันอยู่อีกในปี 2023
และถ้าใครยังจำกันได้ คดีที่มีคนผิวดำถูกตำรวจทำร้ายจนตายที่อเมริกา จนเป็นที่มาของการลุกฮือของการเหยียดผิวทั่วโลก ที่อังกฤษก็มีการแสดงออกในเรื่องนี้เช่นกัน โดยก่อนที่จะเริ่มทุกๆการแข่งขันของ EPL จะมีการคุกเข่าเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านการเหยียดผิว และกิจกรรมนี้ JK เองก็เป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีให้ริเริ่มขึ้นมา
4. การเมืองที่ไม่ถูกต้อง JK ก็ไม่เว้น - ต้องเกริ่นก่อนว่า ตัว JK เองก็เกิดอยู่ในเขตที่สนับสนุนฝ่ายขวา(อนุรักษ์นิยม) เพียงแต่ตัวเขาเองนั้นเอนเอียงมากับแนวคิดของฝ่ายเสรีนิยมมากกว่า 

หลายคนน่าจะยังจำเหตุการณ์ Brexit ที่ทางสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปผ่านการทำประชามติ ด้วยคะแนนเสียง 51 : 49 ซึ่งเหตุการณ์นี้เองตัว JK ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของการทำประชามติครั้งนี้
โดยช่วงวัยที่ลงคะแนนทำประชามติในครั้งนี้ มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากเกินไปหรือไม่ สำหรับการตัดสินอนาคตของประเทศในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
และด้วยผลของประชามติที่มีความใกล้เคียงกันมาก นี่จึงอาจเป็นปัจจัยที่ตัดสินผลคะแนนได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ JK ยังได้แสดงความไม่เห็นด้วยถึงเหตุการณ์ Brexit ในทิศทางที่ UK ควรจะอยู่ร่วมกับสหภาพยุโรปเป็นปึกแผ่น เมื่อมีภัยคุกคามพวกเราจะได้ร่วมมือกันผ่านวิกฤตเหล่านั้นไปได้ ดีกว่าแยกตัวออกมาเป็นเอกเทศน์
5. เชื่อมต่อโลกกับองค์กรการกุศล - ในปี 2020 ที่ JK ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี หลังจากขึ้นเวทีไปรับรางวัลเขา นอกจากคำขอบคุณต่อนักเตะ ทีมงาน และแฟนบอลทุกคนแล้ว เขายังได้บอกต่อคนทั้งโลกให้รู้จักกับองค์กรการกุศล Common Goal Family ซึ่งวันนั้นหลายคนยังสงสัยว่ามันคือองค์กรเกี่ยวกับอะไร
Common Goal Family เป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดย ฆวน มาต้า อดีตนักเจะแมนยูและเชลซี ทำงานโดยได้เม็ดเงินสนับสนุนจากการตัดรายได้ของนักฟุตบอล 1% บริจาคเข้าองค์กร โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาทางสังคมทั่วโลก สิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม สุขภาพจิต เด็กยากไร้ ที่เป็นเป้าหมายหลักสำคัญของ UN ในปีนั้นๆ

นับตั้งแต่วันที่ JK บอกเล่าถึงองค์กร Common Goal บนเวทีรับรางวัล นักฟุตบอลและองค์กรฟุตบอลมากมายทั่วโลกต่างตบเท้าเข้าร่วมในการช่วยเหลือสังคมผ่านรายได้ 1% ที่กินไม่รู้กี่ชาติจะหมด 555555
6. ปฏิบัติต่อนักเตะทุกคนอย่างเท่าเทียมและเที่ยงธรรม - ในทีมลิเวอร์พูลและสโมสรอื่นๆล้วนประกอบไปด้วยผู้เล่นจากหลากหลายเชื้อเชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม ดังนั้นการปฏิบัติต่อกันและกันด้วยความเคารพเป็นเรื่องสำคัญมากและ JK ก็ทำในจุดนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ครั้งหนึ่งในขณะที่ทั้งทีมกำลังชูถ้วยฉลองแชมป์ คาราบาว คัพ ตามธรรรมเนียมจะต้องมีการเปิดแชมเปญฉีด สาดเพื่อความสนุกสนาน แต่ด้วยเหตุผลทางด้านศาสนาทำให้ซาดิโอ มาเน่ไม่เลือกที่จะเข้าร่วมการเฉลิมฉลองในลักษณะนี้ JK เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปกอดไหล่มาเน่ ยืนอยู่ข้างๆเขา ให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมกับการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กับเพื่อนๆ โดยไม่ต้องโดนแชมเปญแม้แต่หยดเดียว
อีกเรื่องเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ ในฝึกการซ้อม JK ก็มักจะเลื่อนการซ้อมออกไป 2-3 นาทีเพื่อให้นักเตะที่เป็นมุสลิมสามารถทำภารกิจทางศาสนาให้เสร็จสิ้น ก่อนการเริ่มซ้อม เพื่อนๆนักเตะทุกคนก็ล้วนยินดีที่จะรอ นั่นหมายความถึงบรรยากาศที่ดีภายในทีมและความเคารพที่นักเตะและโค้ชมีให้แก่กันและกัน
ทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องราวนอกสนามเพียงส่วนหนึ่งของ JK ที่ผมประทับใจเลยหยิบยกจากในหนังสือมาแบ่งปันกัน แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เรารอติดตามและเจาะลึกไปถึงการทำทีมในสนามซ้อมและวันที่แข่งจริงว่า JK ทำอย่างไรถึงสามารถซื้อใจผู้คนทั้งในสโมสร เมือง เกาะอังกฤษและทั่วโลกได้
รอติดตามได้ในโพสต์ถัดไปนะครับ
แอดเป็ดอ้วน
โฆษณา