13 ส.ค. 2023 เวลา 11:16 • ปรัชญา
เพราะก่อนเราจะเชื่อ เราประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา สร้างบุญกุศลเกิดขึ้น เราก็ได้รู้จัก ..นรกก็มีจริง เปรตอสุรกาย ก็มีจริง โอปปาติกะก็มีจริง เทพยดาก็มีจริง กรรมก็มีจริง บุญกุศลก็มีจริง กายมนุษย์ก็มีจริง กายนี้เกิดแล้ว แก่เจ็บตาย ก็มีจริง เราก็เลือกทางเดิน สร้างบุญกุศลบารมี เป็นเสบียงให้แก่จิต เราก็พยายามลอละอารมณ์ของเราไป เพราะอารมณ์นำพาให้จิต ไปสร้างกรรม เราก็พยายามให้มีสติเท่าทันอารมณ์ ยับยั้งอารมณ์ ที่นำพาไปยึดไปถือ
..เราก็ศึกษาอารมณ์ในกายตนเอง .มันไหลมาจากไหน .เราก็พยายาม ไปหยุดไม่ให้มันไหลออกมา อารมณ์มันไหลออกมา เราก็พยายามปลดเปลื้องอารมณ์ ทำจิตให้อารณ์เป็นทาน ลดละอารมณ์ ไม่ไปยึดถืออารมณ์ในตัวตน ..จิตจะได้ไม่หนัก หนักด้วยอารมณ์ โลภโกรธหลงถ่วงจิต
..เมื่อจิตออกจากเรือนกาย เราก็ได้แต่หวัง ว่า สิ่งที่เราสร้างบุญกุศลบารมี ทำให้เบาบางจากกรรม เป็นสู่สถานที่ ที่มีกายเป็นบุญ ..กายเทพยาดาอินทร์พรหม ก็ยังดี หมดบุญกุศล เหมือนก้อนน้ำแข็ง ก็ขอให้เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ สร้างบุญกุศล สร้างก้อนน้ำแข็งใหม่ .ก็หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ดีกว่าไปลงอบายภูมิ ..ทุกข์ทรมานจิตของตนเอง
ส่วนใครจะว่า บุญกรรมไม่มีจริง นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี มันก็เรื่องจิตของเค้า ไม่ใช่เรื่องจิตของเรา ที่เค้าว่า กรรมใครกรรมมัน ของใครของมัน ช่วยเหลือกันไม่ได้เลย
โฆษณา