หญิงสาวผู้ทำให้ชาย 32 คนคลั่งและฆ่ากันเอง
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ได้มีหญิงสาวผู้หนึ่งติดเกาะอยู่กับผู้ชาย 32 คน โดยเกาะนั้นก็เป็นเกาะห่างไกลที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก
เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นตำนานที่โด่งดัง เป็นที่ร่ำลือมาจนถึงทุกวันนี้
นี่คือเรื่องราวของหญิงที่ชื่อ “คาซูโกะ ฮิงะ (Kazuko Higa)” หญิงผู้ได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งอานาตาฮัน (Queen of Anatahan)”
คาซูโกะ ฮิงะ (Kazuko Higa)
“เกาะอานาตาฮัน (Anatahan)” เป็นเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแอฝปซิฟิก มีความยาวเก้ากิโลเมตร กว้างสี่กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 33.9 ตารางกิโลเมตร
เดิมทีเกาะนี้ถูกสเปนยึดครอง ก่อนที่สเปนจะขายต่อให้เยอรมนี ซึ่งเยอรมนีก็ได้ขายต่อให้ญี่ปุ่น และญี่ปุ่นก็ได้ใช้เกาะอานาตาฮันทำสวนมะพร้าว
“คาซูโกะ ฮิงะ (Kazuko Higa)” เป็นหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปีเศษที่เดินทางมายังเกาะอานาตาฮันพร้อมกับสามีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทั้งคู่มีหน้าที่ปลูกมะพร้าว
แต่แล้ววันหนึ่ง สามีของคาซูโกะก็ต้องเดินทางออกจากเกาะอานาตาฮันไปหาน้องสาวที่เกาะไซปัน และรับปากกับคาซูโกะว่าจะกลับมาภายในหนึ่งเดือน หากแต่ผู้เป็นสามีก็หายไปเลย
เกาะอานาตาฮัน (Anatahan)
เดือนมิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) เรือสัญชาติญี่ปุ่นสามลำถูกฝ่ายอเมริกาโจมตีและอับปาง ทำให้ทหารเรือจำนวน 32 รายต้องสละเรือ และว่ายน้ำมายังเกาะอานาตาฮัน
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) นาวิกโยธินอเมริกันก็ได้ขึ้นมาบนเกาะอานาตาฮัน และได้ทำการอพยพชาวเกาะพื้นเมืองออกไปจากเกาะ เหลือแต่ทหารเรือญี่ปุ่นที่มาติดเกาะนี้ ไม่ยอมออกไปไหน
นั่นหมายความว่าบนเกาะนี้เหลือเพียงแค่ชาวญี่ปุ่น ชาย 32 คน หญิง 1 คน
หนึ่งในชายชาวญี่ปุ่นบนเกาะ ชื่อว่า “คิคุอิจิโร่ ฮิงะ (Kikuichiro Higa)” ซึ่งบังเอิญมีนามสกุลเดียวกับคาซูโกะ ได้ขอคาซูโกะแต่งงาน โดยให้เหตุผลว่าการแต่งงานกับตนจะช่วยให้คาซูโกะรอดพ้นจากชายหนุ่มคนอื่นๆ บนเกาะ ทำให้คาซูโกะตกลงที่จะแต่งงานกำมะลอนี้
สำหรับชีวิตของทุกคนบนเกาะ เสบียงอาหารก็ไม่เหลือ ทำให้ต้องหาอาหารด้วยการล่าค้างคาวและกิ้งก่า รวมทั้งหาพืชผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มันหวาน และมะม่วง
ในเดือนกันยายน ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) คนบนเกาะได้พบซากเครื่องบินอเมริกันที่ตกลงบนเกาะ ทำให้พวกเขาได้เศษเหล็กจากเครื่องบินนำมาทำเป็นอุปกรณ์ดำรงชีพ เช่น เบ็ดตกปลา มีด รวมทั้งปืนพก
ปืนพกที่พบนั้นมีจำนวนสองกระบอก และปืนสองกระบอกนี้เองคือสิ่งที่จะสร้างความวุ่นวายในเวลาต่อมา
หลังจากพบปืนบนซากเครื่องบิน คิคุอิจิโร่ ผู้เป็นสามีกำมะลอของคาซูโกะ ก็ถูกยิงเสียชีวิต
จากนั้นคาซูโกะก็ได้แต่งงานกับชายอีกคน แต่หลังจากผ่านไปเพียง 20 วัน ชายผู้นั้นก็จมน้ำตายอย่างปริศนา
จากนั้นคาซูโกะก็ได้แต่งงานอีกสี่ครั้ง และแต่ละคนที่แต่งงานกับคาซูโกะก็จะถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในเวลาต่อมา ซึ่งในหลายๆ เคสก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคาซูโกะได้ยุแยงให้ผู้ชายคนอื่นบนเกาะสังหารสามีของตน เพื่อที่ตนจะได้แต่งงานกับชายคนอื่น
รวมแล้วทั้งหมด มีคนเสียชีวิตบนเกาะจำนวน 13 ราย บางรายก็ป่วยตาย บางรายก็เสียชีวิตจากการฆ่ากันเองเพื่อแย่งคาซูโกะ บางรายก็เสียชีวิตเนื่องจากถูกสังหารเพราะความขัดแย้งเรื่องอำนาจการเป็นผู้นำบนเกาะ
เมื่อมาถึงปีค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) ชายหนุ่มบนเกาะเริ่มคิดได้ เริ่มมองว่าปัญหาทุกอย่าง ความขัดแย้งต่างๆ มันมาจากคาซูโกะคนเดียว และทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ก็คือต้องฆ่าเธอซะ
หากแต่คาซูโกะไหวตัวทันและรีบหนีไปก่อน โดยคาซูโกะหนีไปอยู่ในป่า ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากเรืออเมริกัน ส่วนคนอื่นๆ บนเกาะก็ยอมแพ้ในเวลาต่อมา
ในจำนวนชาย 32 คนบนเกาะ เหลือรอดเพียง 19 คนเท่านั้น
เมื่อออกจากเกาะ เรื่องราวของคาซูโกะก็โด่งดัง โดยในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) ชาวญี่ปุ่นกว่า 1,000 คนไปรอต้อนรับเธอที่ท่าเรือโยโกฮาม่า หวังจะเห็น “ราชินีแห่งอานาตาฮัน (Queen of Anatahan)” ตามที่สื่อขนานนามเธอ
คาซูโกะกลายเป็นคนดัง สื่อต่างๆ มากมายตามสัมภาษณ์เธอ ก่อนที่ในเวลาต่อมา เธอจะไปทำงานเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าและโสเภณี
คาซูโกะเสียชีวิตในปีค.ศ.1971 (พ.ศ.2514) ด้วยวัย 51 ปี โดยในช่วงบั้นปลาย เธอทำงานเป็นคนเก็บขยะ
เรื่องราวของคาซูโกะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง “Anatahan” ในปีค.ศ.1953 (พ.ศ.2496) อีกทั้งยังมีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของคาซูโกะอีกด้วย
- 26
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
