14 ส.ค. 2023 เวลา 05:44 • บันเทิง

แด่หลัวผู้ไปทะเลในชุดทูพีซ เสื้อ&กางเกงขายาว รักนะ ไม่ร้อนใช่มั้ย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณหลัวใจร้ายใส่เมีย เล่มที่แล้วที่ไปถ่ายที่สวนน้ำในมาเก๊า คุณหลัวก็ใส่ชุดทรีพีซในตำนาน เสื้อสีดำ เสื้อกั๊กหนัง และกางเกงขายาว หวงเนื้อหวงตัวมากจนเมียอยากไล่สไตลิสต์ออกในข้อหายักยอกความเซ็กซี่
แต่ในเมื่อปกนี้ออกมาในเดือนวันแม่ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าหลัวคงไม่อยากให้โพแม่อกแตกกันไปก่อน และไหนๆวันนี้ก็เป็นวันชดเชยวันแม่ทั้งที หลัวไท่ไท่อย่างเราก็ขอเอาใจแม่ๆด้วยบทสัมภาษณ์จากนิตยสารผู้ชายหัวใหญ่ติดท็อป 7 ที่เพิ่งเปิดพรีไปสดๆร้อนๆ
หลัวอีโจว กล้าเสี่ยง กล้าเปล่งประกาย
แปลจาก men's uno ฉบับเดือนสิงหาคม 2023 ปกหลัวอีโจว
ภายใต้พื้นที่จินตนาการของหลัวอีโจว Solo EP แรก《SIDE L 不太一样》 (SIDE L ด้านที่แตกต่าง) คือดาวเคราะห์ดวงแรกที่เข้าสู่วงโคจรจุลจักรวาลด้านดนตรี และยังเป็นภาพฉากอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางแห่งความฝันของเขา ทว่า การ์ดชีวิตของเขาไม่ได้มีเพียงด้านเดียว
นอกเหนือจากด้านดนตรีที่เป็นตัวแทนจินตนาการอิสระแล้ว ด้านนักแสดงที่เป็นตัวแทนการเสี่ยงโชคก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ด้วยมุมมองไม่ซ้ำใครของวัยรุ่นหลังปี 2000 เขามักจะกำจัดความน่าจะเป็นที่ทำให้ย่ำอยู่กับที่ออกไป และพยายามค้นหาเพื่อค้นพบคุณค่าที่ต่างออกไปของตัวเองอยู่เสมอ
01 จุดประกายดวงดาวในจุลจักรวาลดนตรี
ปกนิตยสารฉบับนี้เราถ่ายทำกันที่ไห่หนาน (เกาะไหหลำ) หลัวอีโจวยืนอยู่บนหาดทราย มองไปยังท้องทะเล ตาเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความฝัน เมื่อพูดถึงมุมมองเกี่ยวกับโลกแห่งดนตรี สำหรับหลัวอีโจวแล้วเปรียบได้กับแหล่งสะสมความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง เป็นยูโทเปียให้ออกสำรวจโลกแห่งดนตรี
“ดนตรีของผมคือจักรวาลเล็กๆที่ไม่ขึ้นกับใคร ทุกๆ EP ใหม่ที่ปล่อยออกมา ก็เหมือนมีดาวหนึ่งดวงส่องสว่างขึ้นมาในจักรวาลเล็กๆแห่งนี้” เดี๋ยวนะ…รูปแบบคุ้นๆอยู่ มันเหมือนแถบบอกเลเว่ลในเกมส์กับอนิเมะไม่ใช่หรือ? ทว่า หลัวอีโจวถามหน้างงๆ “อะไรคือองค์ประกอบแบบสองมิติครับ?” ก็ลืมไปว่าหนุ่มน้อยเกิดหลังปี 2000 ไม่น่าจะเคยสัมผัสวัฒนธรรมสองมิติแบบนี้หรอก
หลัวอีโจวโตมาในเมืองขุนเขาเผ็ดร้อนและแผ่นดินตะวันตกเฉียงเหนือร้อนระอุ แม้ใบหน้าดูหล่อเหลาอ่อนละมุน แต่ในใจเต็มไปด้วยความรักต่อวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ความฝันด้านดนตรีของเขาเหมือนการเดินหมากกระดานใหญ่ ใช้เพลงของตัวเองมาสื่อสารกับแฟนๆ และเขียนอักษรให้งดงามอย่างภาพเขียน “เฟยเสว่ล่ากวางขาวอยู่หลายวัน”
EP แรก《SIDE L 不太一样》มีความสำคัญมาก ปีที่แล้ว เขาใช้เวลาเกือบทั้งปีเพื่อร่างแผนทั้งหมด ตามด้วยกระบวนการคัดเลือกเพลง แต่งเนื้อร้อง แล้วรวมเอาองค์ประกอบแต่ละอย่างเข้าด้วยกัน หลังอัดเสียงเสร็จ ก็ยังเป็นเขาที่คอยใส่ใจทุกรายละเอียด ความเป็นคนเนี้ยบรับผิดชอบสูงแบบนี้มีที่มาจากสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมมา
อาจเป็นเพราะยีนและสภาพแวดล้อมที่ทำให้หลัวอีโจวโตมาอย่างห้าวหาญ ขัดกับหน้าตาหล่อละมุน อายุ 11 ปี เขาเข้าเรียนนาฏศิลป์ที่จวินอี้ (People’s Liberation Army Academy of Arts) การเรียนการสอนแบบเข้มข้นฝึกซ้อมตั้งแต่ไก่โห่ บวกกับความสมัครสมานทำงานเป็นกลุ่มภายใต้การบริหารจัดการแบบกองทัพ ทำให้เขาใช้ชีวิตในโหมดใหม่ได้อย่างไร้รอยต่อ
“ผมว่าชีวิตในกองทัพสอนให้ผมรู้จักการทำงานเป็นทีม ซึ่งส่งผลมาถึงงานที่ทำอยู่ตอนนี้ด้วย ไม่ว่าเมื่อไหร่ ปฏิกิริยาแรกคือเพื่อผลประโยชน์ของทีมเสมอ ไม่ใช่เพื่อตัวหลัวอีโจวเอง” ถึงศิลปินจะเป็นหัวใจหลักของทีม แต่เขาปฏิบัติตัวแบบผู้นำ จึงเอาใจใส่ดูแลความรู้สึกของทุกคนรอบตัวอย่างจริงจัง และตัดสินใจรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด โดยหลักปฏิบัติแล้ว บุคคลที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนทีมไปข้างหน้าคือตัวเขาเอง เพราะชื่นชอบความรู้สึกที่พึ่งพาตัวเองได้ บวกกับความสำเร็จที่ได้รับจากการพัฒนาฝึกฝนตนเองให้คมขึ้น
ถึงแม้จะแบกธงบนบ่าด้วยท่วงท่าสุดแมน แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความทะเยอทะยานแบบแกะน้อยแรกเกิดที่ไม่เกรงกลัวพยัคฆ์หน้าไหนหายไปง่ายๆ “EP นี้ชื่อ ‘ด้านที่แตกต่าง’ ซึ่งจริงๆแล้วก็คือภาพสะท้อนของสภาวะจิตใจในตอนนี้ ดนตรีเป็นพื้นที่ใหม่สำหรับผม มันมีความหมายของการออกไปแสวงหา เป็นคำถามปลายเปิด ผมอยากแสดงให้เห็นพื้นที่ใหม่ๆที่ต่างออกไปจากตลาดเมนสตรีม เพื่อสะท้อน
และสื่อสารกับทุกคน”
เขารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ได้ใช้เวลาพิจารณาปัจจัยที่เป็นกลาง กับ “แสวงหาความมั่นคง” นานเกินไปหน่อย จึงค่อนข้างจะละอายใจกับชีวิตวัยรุ่นของตัวเอง หากเพียงอาศัยประสาทสัมผัสด้านดนตรีที่ได้จากการฝึกเต้นมานานหลายปี ออกไปค้นพบโอกาสล้ำค่าที่เกิดมาเพื่อหลัวอีโจวคนเดียวเท่านั้น ก็จะส่งให้ชีวิตของเขายิ่งมีสตอรี่ให้เล่ามากขึ้นไปอีก
02 นักแสดงคือเรียงความเพียงครึ่งเรื่อง
หลัวอีโจวสอบเข้าเรียนที่จงซี่ (Central Academy of Drama) ตอนอายุ 18 ได้ขึ้นแสดงละครเวทีเมื่ออายุ 19 โดยแสดงเป็นสวี่เซียนในเรื่อง “นางพญางูขาว” ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย 2 ปีแรก ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมและมีแฟนคลับเป็นของตัวเองแล้ว
ก่อนจะมาแสดงซีรี่ส์ “โห้วล่าง แด่ฝันของคลื่นลูกใหม่” นอกจากที่ไปออกรายการเรียลลิตี้ Born to Dance ในบทบาทนักเต้นมืออาชีพแล้ว เขาก็แทบจะทุ่มเทพลังงานที่มีให้กับละครเวทีทั้งหมด ผลงานมากมาย เช่น 《战事·书写》(จ้านซื่อ•ซูเสี่ย/War•Writing)《三生路》(ซานเซิงลู่/Three Lives Road)《抗战中的文艺》(คั่งจ้านจงเตอเหวินอี้/Literature and Art in the War of Resistance) ทำให้เขาได้วิชาเพิ่มจากการร่วมงานกับรุ่นพี่ละครเวทีจำนวนนับไม่ถ้วน
มีคำกล่าวว่าไม่มีคำว่าสายเกินไป “โอกาสจะเป็นของผู้ที่เตรียมพร้อมเท่านั้น” เมื่อหลัวอีโจวได้รับโอกาสสำคัญจากกองละคร “โห้วล่าง” เขาไม่ได้เสียเวลาไปกับการปลื้มปริ่มหรือเซอร์ไพรส์ แต่ตั้งใจอ่านบทและทำความเข้าใจตัวละครคนเดียวเงียบๆ
ความประหม่ามีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือตอนเข้ากองไปเจอนักแสดงอาวุโสอย่าง ซีเหม่ยเจวียน (รับบทคุณยาย) อู๋กัง (รับบทคุณพ่อ) เจียงซาน (รับบทคุณแม่) แต่ความกดดันที่เกิดจากความแปลกหน้าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว “ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยครับ ที่วงการนี้ดูแล ‘คลื่นลูกใหม่’ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหล่ารุ่นพี่ที่ผมได้เจอ ขนาดใช้เวลาถ่ายทำไม่กี่เดือน แต่สิ่งที่รุ่นพี่ได้ให้ผมไว้มากมายเหลือเกิน ต้องใช้เวลากี่ปีผมถึงจะย่อยและเอามาใช้ได้หมดนะ”
การแสดงละครเวทีกับละครโทรทัศน์และภาพยนตร์นั้นต่างกัน แต่บรรดารุ่นพี่ที่ได้ประชันฝีมือในละครต่างก็ได้ให้ทั้งคำแนะนำและชี้แนวทางให้เขาอยู่ตลอด
“รู้จักความรู้สึกที่เรียกว่าสอนแบบไม่สอนมั้ยครับ? อาจารย์ท่านสอนผมแบบนี้เลย พวกท่านจะไม่บอกตรงๆว่าควรเคลื่อนไหวยังไงหรือพูดบทยังไง แต่จะใช้วิธีที่ตกผลึกแล้วต่างๆนานามาทำให้คุณเข้าใจแต่ละฉากจากข้างใน ถ้าให้อธิบายแบบเห็นภาพ ก็เหมือนกับการสอนภาษาแม่ให้เด็ก ไม่มีการใช้ทฤษฎีอะไรให้เห็นทั้งสิ้น มีแต่พาคุณเข้าไปสู่สถานการณ์จริง แล้วสัมผัสประสบการณ์ตรงเสมือนที่ตัวละครได้รับ”
สำหรับบทบาทนักแสดง หลัวอีโจวให้คำจำกัดความว่าเป็น “การเสี่ยงโชค” “การเสี่ยงโชคไม่ได้หมายถึงการเสี่ยงดวงเดิมพัน แต่คือการเล็งเป้าหมายให้ชัด แล้วออกไปสำรวจเส้นทาง และตามล่ามาให้ได้” เพราะเติบโตมาท่ามกลางการฝึกฝนที่เข้มงวดแบบทหาร เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองสู้ในสนามรบที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อได้รับโอกาสให้เล่นเรื่อง《英雄无悔》(อิงสยงอู๋หุ่ย/Heroes without Regrets) ในใจของหลัวอีโจวก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นทันที
การตีความโลกภายในของวีรบุรุษให้ออกมาโลดแล่นบนเวที ทำให้เขากระตือรือร้นเริ่มต้นเดินทางสู่การเรียนรู้บทบาทใหม่ “ละครเรื่องนี้มีความหมายมาก แม้แต่กับผมเอง เพราะการแสดงบทบาทนี้ เป็นเหมือนการสดุดีเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่ของสายลับแนวหน้าแห่งชาติของพวกเรา”
ก่อนเปิดกล้อง หลัวอีโจวเดินทางไปหลายที่เพื่อศึกษาลักษณะเฉพาะของบุคลากรตำแหน่งต่างๆในระบบ ยิ่งศึกษาก็ยิ่งทวีความเคารพมากขึ้นอีก “ผมคิดว่าหน้าที่หลักของผู้สร้างสรรค์ศิลปวรรณกรรมคือ ต้องสร้างงานที่มีคุณค่าด้านการศึกษาออกมา การสร้างตัวละครที่สามารถเล่าเรื่องราวแบบนี้ได้เป็นสิ่งสำคัญและทำให้ผมมีความสุขมาก”
03 ทัศนคติต่าง ชี้ชะตาชีวิตให้ต่าง
สภาพแวดล้อมที่เติบโตมาไม่เหมือนใคร ส่งผลต่อทัศนคติของหลัวอีโจวที่มีต่อเส้นทางอาชีพอย่างสุดโต่ง คนส่วนใหญ่แค่ได้ยิน “หนึ่งนาทีบนเวที เท่ากับสิบปีที่ซ้อมนอกเวที” ก็เพลียกายเพลียใจหมดความอดทนที่จะฝึกเต้นแล้ว และสำหรับชีวิตด้านอื่นๆ คนส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกอะไรง่ายๆ สะดวกสบายไว้ก่อน
แต่หลัวอีโจวกลับใช้ทัศนคติมาตรฐานสูงสุดโต่งกับทุกๆด้านของชีวิต และไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่น้อย อย่างเช่นท่ามาตรฐานของทหารที่เห็นในละครนั้น ก็เป็นผลมาจากการฝึกฝนนานนับปีในสถาบันทหารจริงๆ “เพราะผลงานที่ผ่านการขัดเกลาแบบนี้เท่านั้น ถึงควรค่าให้คนเอากลับมาดูซ้ำๆ”
ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่า ทัศนคติและคุณค่าที่แตกต่าง ถึงจะสร้างชีวิตที่แตกต่างได้ การขัดเกลาตัวตนที่มุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จนั้น ทั้งสนุกกว่าทั้งอิ่มเอมใจกว่าการไถจอมือถือหรือเล่นเกมส์เป็นไหนๆ
จากข้อนี้ คุณคงเห็นชัดเจนแล้วว่า “คลื่นลูกใหม่” ลูกนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้มงวดกับตัวเองอย่างกับฝึกทหาร ยิ่งเป็นเรื่องดนตรีและการแสดงแล้ว เขายิ่งเข้มงวดถึงขีดสุด ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อยเริ่มเรียนเต้น ก็ฉายแววมุ่งมั่นที่แตกต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
“ในตอนนั้น ผมจะตื่นมาออกกำลังกายทุกเช้า และจะฝึกท่าเดิมๆซ้ำๆทุกวัน ขั้นตอนแบบนี้ถ้าจะเบื่อหน่ายก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมเป็นพวกโหดกับตัวเองตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นไม่มีใครบังคับผม แต่ผมบังคับตัวเองให้มุ่งมั่นทำให้เสร็จ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาต่ออีกรอบ”
เขานึกสนุกหยิบเอาตัวละครเหรินเทียนเจินที่แสดงไว้ใน “โห้วล่าง” มาเปรียบเทียบกับตัวเอง “เรื่องที่เรามีเหมือนกันน่าจะเป็นคนค่อนข้างซีเรียส เทียนเจินเข้มงวดกับตัวเองมาก ผมเองก็เป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสท์ ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหรือทีมรีแล็กซ์แม้เพียงชั่วคราว ถ้างานที่ทำอยู่อย่างเช่นเพลงยังไม่เพอร์เฟ็คท์”
ที่ไม่เหมือนก็คือ ครอบครัวเหรินเทียนเจินเลี้ยงเขามาให้เป็นคนอ่อนไหว ต้องมีคนคอยดูแล แต่ครอบครัวหลัวอีโจวนั้นรักใคร่กันดีมาก เขาจึงเป็นคนที่มีบ้านเกิดเป็นที่ฮีลใจ “ผมเข้มแข็งกว่าเขาเยอะ ส่วนใหญ่แล้วผมพึ่งพาตัวเองได้ และกระตือรือร้นอยู่เสมอ ก็เลยไม่ค่อยมีวันที่ไม่แฮปปี้ เปราะบาง หรือต้องการให้ใครมาปลอบ”
หลัวอีโจวยังขำตัวเอง “ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยมีประสบการณ์ต่อต้านตอนเป็นวัยรุ่นเลย เป็นเพราะผมใช้เวลาช่วงวัยรุ่นในกองทัพ กว่าจะฝึกเสร็จในแต่ละวันก็เหนื่อยจนหมดแรงแล้ว แล้วผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต่อต้านเลยด้วย ช่วงเวลานั้นก็เลยผ่านไปแบบไม่รู้ตัว ฮ่าฮ่า!”
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ ให้หลัวไท่ไท่กันด้วยนะคะ และถ้าอยากอ่านเรื่องอะไรของหลัวเป็นพิเสษ รีเควสท์กันเข้ามาได้นะคะ ขอบคุณที่รักหลัวค่ะ
โฆษณา