สัพพัญญู
สัพพัญญู คำนี้ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Omniscient” เป็นคำที่คนทั่วไปไม่ค่อยคุ้นหู เพราะส่วนใหญ่เราจะได้ยินได้อ่านจากบรรดานักศาสนศาสตร์ ซึ่งคำนี้แปลว่า รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้แจ้ง คือรู้สิ่งทั้งปวงอย่างสัมบูรณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู เป็นพระลักษณะหนึ่งที่ดำรงเป็นนิจไม่มีเปลี่ยนแปลงของพระเจ้า
กล่าวคือ ความรู้ในทุกสิ่งเป็นธรรมชาติพระลักษณะ และการดำรงอยู่ของพระองค์เอง ไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่นอกขอบเขตความรอบรู้ สัพพัญญูของพระเจ้า
คำว่า "รอบรู้ สัพพัญญู" ถูกกำหนดให้มีความรู้กระจ่างแจ้ง และมีความเข้าใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นความรู้ที่เป็นสากล ครบถ้วนกระบวนความ รู้สิ่งทั้งปวงอย่างสัมบูรณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ความสัพพัญญูของพระเจ้า(God Is Omniscient) บ่งชี้ว่าพระองค์จะไม่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะไม่มีอะไรใหม่สำหรับพระองค์ ไม่มีอะไรสามารถทำให้พระองค์ประหลาดใจ หรือไม่มีอะไรที่พระองค์จะไม่รู้ พระองค์ทรงมองทะลุมิติ มองเห็นอย่างสัมบูรณ์ และพระเจ้าจะไม่ตรัสว่า “อ่าว! ฉันไม่รู้นี่น่า!” หรือ “อ่าว! ใครจะไปคิดได้หละ!” “อ่าว! รู้อย่างงี้!”
พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู เราต้องเรียนรู้ด้วยใจยินดี แล้วเราจะไม่หดหู่ แต่เชิดชูสรรเสริญพระเจ้ายิ่งใหญ่ ทำให้ใจมีสันติสุข ปลอดภัย สุขใจในทุกวาระของชีวิตเรา และต่อไปนี้คือเหตุผลเพียงบางประการที่ความรอบรู้:สัพพัญญูของพระเจ้า เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่เราต้องเรียนรู้ด้วยใจยินดี:
ประการที่1. พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู ทรงรู้จักเราอย่างดี
“ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซ่อนไว้พ้นพระเนตรพระองค์ แต่ตรงข้ามทุกสิ่งปรากฏแจ้งต่อพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องสัมพันธ์ด้วย” (ฮบ.4:13) “คือพระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์จิตใจของเขาทั้งหลายทุกคน และทรงพิจารณากิจการของเขาทั้งหลายทั้งสิ้น” (สดด.33:15)
เราควรอธิษฐานตามอย่าง #คัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้ ว่า: “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์ และทรงรู้จักข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงประจักษ์ในความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล พระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์และการนอนของข้าพระองค์ และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว” (สดด.139:1-4)
เนื่องจากพระเจ้าทรงรอบรู้:สัพพัญญู ทรงรู้ทุกสิ่ง เราจึงสามารถวางใจในพระเมตตาและพระคุณของพระองค์ โดยมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าพระองค์ทรงยอมรับเราด้วย “การรอบรู้อย่างสัมบูรณ์”
ทรงรู้ทุกสิ่งที่เราเคยทำ ทรงรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และทรงรู้ถึงสิ่งที่เราจะทำในอนาคต
พระองค์ไม่ได้ตั้งแง่ แม้ทรงรู้อดีต รู้ปัจจุบัน แม้กระทั้งรู้อนาคตของเรา
ทรงให้อภัยบาปทั้งหมดของเรา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างแท้จริง ทรงรู้ครบถ้วนทุกขั้นตอน และพระโลหิตของพระคริสต์ทรงไถ่ไว้ล่วงหน้า ตอนเมื่อพระเจ้ายอมรับเรา นั่นคือทรงรู้ล่วงหน้าและไม่มีเงื่อนไข
เราจึงควรมีใจรัก ศรัทธาและยินดีในพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากพระองค์ทรงรู้จักเราก่อนที่เราจะรู้จักพระองค์ “เราทั้งหลายรัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” (1ยน. 4:19)
ประการที่ 2. พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู ทรงรู้ว่าเราต้องการอะไร
เมื่อทรงรู้ว่าเราต้องการอะไร จึงทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีให้เรา
"พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้" (มธ.6:32)
เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายเกินไป
ทรงเลี้ยงนกน้อยใหญ่ ทรงดูแลดอกไม้ให้สวยงามแม้เพียงแค่ชั่วยาม เราเป็นลูกของพระองค์ พระองค์จะทรงจัดเตรียมดูแลเราดียิ่งกว่านกในท้องฟ้า ดอกไม้ในทุ่งนา
"ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า สิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์" (1คร.2:9)
สิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์
แม้แต่สถานการณ์ตรึงเครียด พระองค์ก็ยัง "ทรงเตรียมให้เรา" สดด.23:5
เนื่องจากพระเจ้าทรงรอบรู้:สัพพัญญู พระองค์จึงมีความรอบรู้อันบริบูรณ์ถึงสิ่งที่เราต้องการในแต่ละวัน
แม้ปัจจุบันนี้มนุษย์เราใช้เวลาและทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพื่อจัดหาจัดเตรียม และสนองความต้องการของตน แต่ไม่ว่าเราจะเตรียมตัวดีแค่ไหน เราก็ไม่สามารถเห็นอนาคตทั้งหมดได้!
พระองค์เท่านั้นที่สามารถจัดเตรียมอย่างบริบูรณ์ให้เราในวันนี้ได้ พระองค์ทรงทราบดีว่าเราต้องการอะไร ทั้งในด้านวัตถุ ทางด้านกายภาพ ปัจจัย5 และในขอบเขตของความต้องการด้านทางจิตใจ และวิญญาณด้วย เราจึงวางใจ เรียนรู้ด้วยใจยินดี
ประการที่3. พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู ทรงรู้อนาคตเรา
เนื่องจากพระเจ้าทรงรอบรู้:สัพพัญญู จึงมีความรอบรู้ที่ส้มบูรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นส่วนประกอบของข้าพระองค์ วันทั้งหลายทุกๆ วันที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น ก็ทรงจารึกไว้ในพระตำรับของพระองค์ เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นเลย (สดด.139:16)
วันที่ทรงกำหนดไว้ให้เรา ทรงบันทึกไว้ในแผนงานของพระองค์ ก่อนที่จะเกิดขึ้น
พระเจ้าตรัสว่า "เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า" (ยรม.29:11)
คือกำหนดแผนงานที่ดีเพื่อจะให้อนาคตแก่เรา
เราจึงเรียนรู้ด้วยใจยินดีในความจริงที่ว่าไม่มีสิ่งใดสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่พระองค์ไม่ทรงรับรู้อย่างถ่องแท้ก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
เราจึงวางใจได้ว่าพระองค์ทรงควบคุมอนาคตอยู่ ไม่มีอะไรทำให้พระองค์ประหลาดใจ
วันเวลาของเราถูกกำหนดไว้แล้ว เราวางใจได้ว่าพระองค์จะทรงปกปักษ์รักษาเราให้มีชีวิตอยู่จนกว่าจะทรงให้เรากลับไปอยู่กับพระองค์
เราจึงไม่กลัวอะไรแม้กระทั่งความตาย! เราจึงสามารถดำเนินชีวิตคริสเตียนได้อย่างมั่นใจ โดยรู้ว่าชีวิตเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
เพราะว่าเรารู้จักพระองค์ที่เราได้เชื่อ และเชื่อมั่นว่า พระองค์ทรงสามารถรักษาซึ่งเราได้มอบไว้กับพระองค์จนถึงวันพิพากษาได้" *2ทธ.1:12
พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู ยังหมายถึงว่าทุกคำพยากรณ์ และทุกพระสัญญาที่ให้ไว้ในพระวจนะของพระเจ้าจะเป็นจริง
เนื่องจากพระเจ้ารู้อนาคต พระองค์จึงสามารถกำหนดไว้ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากในพระทัยของพระองค์ ประวัติศาสตร์และอนาคตไม่ทำให้พระองค์หวั่นไหว!
มนุษย์อาจสามารถมองย้อนกลับไปศึกษาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ แล้วอาจสามารถคาดการณ์อนาคตได้จากประสบการณ์ในอดีต
แต่เราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์หนึ่งจะส่งผลอีกต่อเหตุการณ์หนึ่งในอนาคตอย่างไรได้หมด
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจของพระเจ้าไร้ขีดจำกัด จะเหลียวหลังหรือแลหน้าก็ไม่แตกต่าง จิตรอบรู้:สัพพัญญูของพระองค์ประกอบด้วยความรู้ในทุกสิ่งตลอดเวลา
พระเจ้าไม่เพียงแต่รู้ว่าสิ่งใดได้เกิดขึ้นในอดีตในทุกส่วนของอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของพระองค์ และพระองค์ไม่เพียงแต่ทรงคุ้นเคยอย่างถี่ถ้วนกับทุกสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ทั่วทั้งจักรวาลเท่านั้น
แต่พระองค์ยังทรงรอบรู้สัพพัญญูทุกเหตุการณ์โดยสัมบูรณ์ตั้งแต่น้อยที่สุด-ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นในยุคต่อๆ ไป
ความรอบรู้ในอนาคตของพระเจ้านั้นสมบูรณ์พอๆ กับความรู้ในอดีตและปัจจุบันของพระองค์ และนั่นย่อมหมายความว่าอนาคตขึ้นอยู่กับพระองค์เองทั้งหมด ทรงเป็นเหมือนเดิมเสมอ ทั้งเมื่อวานนี้ วันนี้ และสืบไปนิรันดร์ *ฮบ.13:8
บทสรุป: พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้:สัพพัญญู เราไม่สามารถรู้ถึงพระองค์ได้ทั้งหมด
เราทำได้แค่เรียนรู้ด้วยใจยินดี เชื่อฟัง ด้วยใจยำเกรง
ที่กล่าวมาตอนต้นเพียง 3ประการนั้น เป็นการหนุนใจเราว่า: ทรงรู้จักเรา ทรงรู้ว่าเราต้องการอะไร และทรงรู้อนาคตเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งและทรงฤทธานุภาพอุดม ความเข้าใจของพระองค์นั้นวัดไม่ได้ (infinite) *สดด.147:5
โอ พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้นล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้ เพราะว่า ใครเล่ารู้พระทัยของพระเจ้า หรือใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ *รม.11:33-34
ใครได้ให้กำหนดแก่พระวิญญาณของพระเจ้า ใครเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ที่จะให้คำแนะนำแก่พระองค์ พระองค์ทรงปรึกษาผู้ใดดีเพื่อจะทรงรู้แจ้ง และใครจะสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์ ใครจะสอนความรู้แก่พระองค์ และใครจะสำแดงให้พระองค์เห็นทางแห่งความเข้าใจ *อสย.40:13-14
ความรอบรู้:สัพพัญญูของพระเจ้าเป็นความรอบรู้ที่ลึกซึ้ง และดำรงอยู่เป็นนิจ
อันที่จริงลึกมากจนเราไม่สามารถที่จะวัดได้หมด
และในเป็นมนุษย์ผงคลีดินอย่างพวกเรา มีคำถามมากมายที่ยังไม่ได้คำตอบ และอาจจะไม่มีวันได้คำตอบ
ฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของพระองค์สูงกว่าทางของเรา
และความคิดของพระองค์ก็สูงกว่าความคิดของเราฉันนั้น *อสย.55:9
การวางใจในความรอบรู้:สัพพัญญูของพระองค์ เป็นยืนยันว่าในขณะที่เราอาจไม่มีวันเข้าใจบางสิ่งในชีวิตอนิจจังนี้ เราสามารถวางใจได้ว่าพระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์กำลังทำอะไร และพระประสงค์อันสมบูรณ์ของพระองค์จะมีไว้เพื่อเราและถวายเกียรติแด่พระองค์
เราสามารถยืนหยัดมั่นคงบนพื้นฐานแห่งความรอบรู้:สัพพัญญูของพระองค์
และเรียนรู้ด้วยใจยินดี แล้วชีวิตเราจะไม่หดหู่ แต่เชิดชูสรรเสริญพระเจ้ายิ่งใหญ่
ทำให้ใจมีสันติสุข ปลอดภัย สุขใจในทุกวาระของชีวิต
#ขอพระเจ้าอำนวยพร ผู้อ่านทุกท่านครับ
โดย: ศบ.ฤทธานุภาพ เลิศมรรคา #Ps_Hua
บทเทศน์ที่ 522 คริสตจักรความหวังใหม่ แบ๊บติสต์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
