บทความใหม่ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” - ฮาโรลด์ พินเตอร์ เคยคิดถูกแล้ว
บทเรียนในการก่อวินาศกรรมกับตัวเองของฝ่ายตะวันตกจากสงครามยูเครน
11 สิงหาคม 2023 “ซีมัวร์ เฮิร์ช” นักข่าวอเมริกันรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้เปิดโปงเหตุการณ์สำคัญต่างๆในอดีตและอัพเดทในปัจจุบัน โด่งดังจากการเปิดโปงเรื่อง “การก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของอเมริกา” ได้ลงบทความล่าสุดของเขาบน Substack ชื่อว่า “HAROLD PINTER HAD IT RIGHT”
- ✓บทความนี้ของเฮิร์ชบน Substack ล็อคเนื้อหาเต็มไว้สำหรับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเท่านั้น ดังนั้นทางเพจจึงได้สรุปรายละเอียดที่เขียนไว้ในฉบับเต็มออกมาเยอะเป็นพิเศษมาให้อ่านกัน
เกริ่นนำเฮิร์ชได้แนะนำถึง “ฮาโรลด์ พินเตอร์” นักเขียนบทละครและผู้ได้รับรางวัลโนเบลชาวอังกฤษ เขาเป็นผู้เริ่มต้นลำดับแรกๆ ในการวิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลบุชของสหรัฐฯ ซึ่งเห็นดีโดยนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ของอังกฤษในสมัยนั้น ที่ให้ประกาศสงครามทั่วโลกกับกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11
ฮาโรลด์ พินเตอร์ ในห้องทำงานเขียนของเขาในลอนดอน ภาพถ่ายเมื่อปี 2007 เครดิตภาพ: Steve Forrest/Insight-Visual for The New York Times
เฮิร์ชเปรียบเทียบสิ่งที่พินเตอร์ได้ทำในอดีตซึ่งนำมาสู่เสียงเรียกร้องของฝูงชนเมื่อครั้งสมัย “โทนี แบลร์” ของอังกฤษ ที่ร่วมรู้เห็นเป็นใจกับอเมริกา มาถึงวันนี้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกับรัฐบาลเยอรมนีภายใต้นายกคนปัจจุบัน “โอลาฟ โชลซ์” ผู้ซึ่งเก็บงำความลับเกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดน ที่จงใจจะทำลายเศรษฐกิจของเยอรมนีด้วยการทำลายท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมเมื่อกันยายนปีที่แล้ว (2022)
ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมมี 2 สาย คือ Nord Stream 1 และ 2 ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินบางส่วนจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจในรัสเซีย (Oligarchs) ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากปูติน โดย Nord Stream 1 ได้เริ่มเปิดใช้งานเมื่อปี 2011 ภายในระยะเวลา 10 ปี รัสเซียได้จัดหาพลังงานให้เยอรมนีมากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการพลังงานโดยรวมทั้งประเทศ และที่สำคัญ “ต้นทุนต่ำ” โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรม
ส่วน Nord Stream 2 สร้างเสร็จในฤดูร้อนปี 2021 แต่ไม่เคยถูกใช้งานเลย ต่อมากุมภาพันธ์ 2022 ในช่วงเริ่มต้นของสงครามในยูเครน “โชลซ์” เลยใช้ข้ออ้างหยุดกระบวนการให้การรับรองท่อส่งก๊าซสายใหม่นี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการร้องขอจากฝ่ายบริหารของไบเดน
เครดิตภาพ: Telegram, Pepe Escobar, screenshot/insajder.com, Bernard Weil/Toronto Star via Getty Images
และแล้วเมื่อ 26 กันยายน 2022 ก็เกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมขึ้นกับท่อส่งนอร์ดสตรีมทั้งสองสาย ในขณะนั้นไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด จนมาถึงเมื่อกุมภาพันธ์ 2023 “เฮิร์ช” ได้ลงบทความเผยแพร่เปิดโปงว่าทำเนียบขาวอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมดังกล่าว อันเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก (บทความชื่อ How America Took Out The Nord Stream Pipeline)
เฮิร์ชระบุว่า เป้าหมายหลักของไบเดนคือการป้องกันไม่ให้ “โชลซ์” ตีตัวออกห่างและยกเลิกการตัดสินใจของเขาที่จะหยุดการไหลของก๊าซรัสเซียไปยังเยอรมนี มาถึงป่านนี้เกือบปีแล้วยังไม่มีผู้ใดแสดงและยืนยันความรับผิดชอบแต่อย่างใด
เยอรมนีต้องวุ่นวายตลอดฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลเยอรมนีต้องให้เงินอุดหนุนพลังงานจำนวนมากสำหรับทั้ง “ภาคครัวเรือน” และ “ภาคธุรกิจ” ตั้งแต่นั้นมาการขาดแคลนก๊าซจากรัสเซียเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ “ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น” ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของเยอรมนี (อันดับ 4 ของโลก) ชะลอตัวลง
วิกฤตเศรษฐกิจภายในเยอรมนีส่งผลให้เกิด “ความขัดแย้งทางการเมือง” กับฝ่ายรัฐบาลโดยมีโชลซ์เป็นผู้นำ อีกประเด็นที่สร้างความแตกแยกทางการเมืองภายในเยอรมนีคือ จำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งตะวันออกกลางและแอฟริกา และชาวยูเครนมากกว่าหนึ่งล้านคนที่ลี้ภัยไปยังเยอรมนีตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น
- ★อ้างอิงตามรายงานของ Bloomberg เมื่อเดือนที่แล้ว (กรกฎาคม 2023) ระบุว่าผลสำรวจโพลพบว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวเยอรมันเพียง 39% เท่านั้นที่เชื่อว่าเยอรมนีจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำในอีกทศวรรษหน้า อ้างถึงการทะเลาะวิวาททางการเมืองภายในโดยเฉพาะเกี่ยวกับนโยบายการช่วยเหลือด้านพลังงานทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจของประเทศ แต่ไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุหลักของวิกฤตว่าเกิดจากการตัดสินใจของไบเดนในการทำลายท่อส่งนอร์ดสตรีม
ผู้ประท้วงหญิงเปลือยท่อนบน (เรื่องวิกฤตค่าพลังงาน) เข้าไปขัดขวางการกล่าวสุนทรพจน์ของ “โอลาฟ โชลซ์” เครดิตภาพ: AP
หลังจากที่ “เฮิร์ช” ได้อ่านรายงานล่าสุดเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของเยอรมนีในสื่อด้านธุรกิจของเยอรมัน อเมริกัน และระหว่างประเทศ ล้วนไม่ได้อ้างอิงถึง “การทำลายท่อส่งก๊าซ” ที่เป็นเหตุผลหลักของวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าว เพราะมันนำมาสู่การ “มองโลกในแง่ร้าย” และอาจกระตุ้นให้หาตัวต้นตอกระทำความผิด “เฮิร์ช” เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าพินเตอร์จะพูดอะไรบ้างเกี่ยวกับ “การถูกเซ็นเซอร์เนื้อหาที่ตัวเองเขียน”
- ■กรกฎาคม 2023 Politico รายงานว่า Robert Habeck รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคกรีน เตือนว่าเยอรมนีจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวที่ “จะสร้างภาระ” ต่อประชาชน
เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมารัฐบาลเยอรมนีประกาศว่าประเทศ “เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ” ตามรายงานของ Politico บริษัทบางแห่งในเยอรมนี “ได้เริ่มละทิ้งฐานการผลิต” “ก่อให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการลดกำลังผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี”
Habeck กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสามารถอธิบายได้จาก “ราคาพลังงานที่สูง” ซึ่งเยอรมนีรู้สึกกดดันมากกว่าประเทศอื่นๆ “เพราะพึ่งพาก๊าซราคาถูกจากรัสเซีย” รายงานของ Politico ดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าเหตุใดจึงไม่มีก๊าซรัสเซียไหลไปยังเยอรมนีอีกต่อไป (เฮิร์ชบอกอีกแล้วโดนเซ็นเซอร์)
Robert Habeck รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี เครดิตภาพ: Omer Messinger/Getty Images
“โชลซ์” บินมาหา “ไบเดน” ถึงที่ทำเนียบขาวเมื่อมีนาคมปีนี้ โดยมาแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะก่อนล่วงหน้า เป็นการหารือแบบส่วนตัวกับไบเดนใช้เวลา 2 วัน เครื่องบินของเขาไม่มีสมาชิกของสื่อเยอรมันอยู่ด้วยเลย ซึ่งรวมถึงเซสชันแบบตัวต่อตัวที่ยาวนานกับไบเดน ไม่มีงานเลี้ยงอาหารค่ำหรืองานแถลงข่าวนอกเหนือไปจากการแลกเปลี่ยนคำพูดสั้นๆ กับประธานาธิบดีต่อหน้าคณะสื่อมวลชนของทำเนียบขาวซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีการตั้งคำถามใดๆเลย
ทางเพจได้เคยลงบทความข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ “การหารือแบบลับๆ ระหว่างไบเดน-โชลซ์ ที่ทำเนียบขาว” สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
![[Right SaRa by Bom+] “โอลาฟ โชลซ์” นายกเยอรมนี มาอเมริกาพบ “ไบเดน” หลังเรื่องอื้อฉาว Nord Stream
3 มีนาคม พ.ศ. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นในดีซี ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ให้การต้อนรับการมาเยือนทำเนียบขาวของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี “โอ](https://t1.blockdit.com/photos/2023/03/641c4811354644e50cc2f3f8_800x0xcover_AGifZmCK.jpg)
“โชลซ์” ทำตัวลึกลับ เชื่อว่าเขารู้เรื่องอะไรไม่มากก็น้อย “แต่พูดไม่ได้” เมื่อวิกฤตพลังงานทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาจนถึงจุดที่ชาวเยอรมันต้องทนทุกข์ทรมาน
จุดจบของท่อก๊าซนอร์ดสตรีมยังอาจช่วยผ่อนคลายปัญหาที่ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางการเมือง” ที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเขาได้ หากท่อก๊าซตอนนี้ยังไม่ถูกระเบิด และตัวเขาเองต้องเป็นคนสั่งการให้ปิดท่อไม่ให้มีก๊าซไหลเข้าไปในเยอรมนี แรงกดดันทั้งหมดจะพุ่งเป้าตรงมาที่เขา และถ้าหากเขายอมสั่งเปิดอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือชาวเยอรมัน เขาย่อมต้องมีปัญหากับทำเนียบขาวเป็นแน่แท้ [ระเบิดท่อให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย เยอรมนี ‘โชลซ์’ จะได้ไม่ต้องคิดมาก]
อาจเป็นไปได้ว่าทำเนียบขาวกำลังช่วยให้ “โชลซ์” รอดพ้นจากปัญหาที่ต้องทำให้หลุดเด้งจากตำแหน่งนายกเยอรมนี คืออยากให้โชลซ์อยู่ต่อเพื่อสนับสนุนนาโตและอเมริกาในสงครามยูเครน ตัวโชลซ์เองก็อยากยังดูแลอุตสาหกรรมและประชาชนของเขาอยู่
เครดิตภาพ: EPA
จริงแล้วเฮิร์ชก็มียกตัวอย่างการวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์อีกคนหนึ่งไว้เกี่ยวกับวิกฤตในเยอรมนี ทางเพจขอไม่ลงรายละเอียดในส่วนนั้นเพราะค่อนข้างมีดีเทลมาก เอาเป็นว่าสรุปให้ฟังคือวิกฤตในภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีเกิดจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นและการพึ่งพาก๊าซต้นทุนต่ำจากรัสเซียของเยอรมนี และส่งผลต่อเรื่องการจ้างงานกระทบต่อภาคครัวเรือนอีกทอด และท้ายสุด “เฮิร์ช” ก็ย้ำว่าต้นเหตุจากท่อก๊าซนอร์ดสตรีมถูกระเบิดไม่มีการพูดถึงอีกแล้ว (น่าจะโดนเซ็นเซอร์ออก)
สามารถอ่านบทความฉบับล่าสุดของ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” ที่ชื่อว่า “HAROLD PINTER HAD IT RIGHT” ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เรียบเรียงโดย Right SaRa
14th Aug 2023
- ■แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิง:
Seymour Hersh - https://seymourhersh.substack.com/p/harold-pinter-had-it-right
<เครดิตภาพปก: (บน) – Illustrated by Financial Times, Photo source: AFP/Getty/Dreamstime (ล่าง) - SDS.Die Linke>
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
