แคลิฟอร์เนียอนุมัติการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จากที่ก่อนหน้านี้มีข้อกำจัดช่วงเวลาและพื้นที่การให้บริการ สำหรับการรับส่งผู้โดยสารที่มีการคิดค่าโดยสารด้วยรถยนต์ไร้คนขับ แต่ล่าสุดก็ได้ขยายเพิ่มขอบเขตการให้บริการแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา The California Public Utilities Commission หรือ CPUC หน่วยงานที่กำกับดูแลการให้บริการสาธารณูปโภคของเอกชนในแคลิฟอร์เนีย ได้ออกประกาศการขยายขอบเขตการให้บริการรับส่งผู้โดยสารที่มีการคิดค่าโดยสารด้วยรถยนต์ไร้คนขับ(robotaxi service) ให้กับผู้ให้บริการ 2 รายเดิม
หลังจากการพิจารณาข้อเสนอด้านความปลอดภัยต่อผู้โดยสารและการรับฟังความคิดเห็นรวมถึงข้อถกเถียงในรปะเด็นต่าง ๆ คณะกรรมการของ CPUC ก็ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติการขยายขอบเขตการให้บริการในครั้งนี้ด้วยมติ 3 เสียงต่อไม่เห็นชอบ 1 เสียง
autonomous vehicle กำลังเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
ผลจากการเห็นชอบในครั้งนี้ทำให้ผู้ให้บริการ robotaxi service ที่มีอยู่เดิม 2 รายอันได้แก่ Cruise และ Waymo สามารถให้บริการ robotaxi หรือแท็กซี่แบบไร้คนขับแบบที่ไม่มีคนขับนั่งไปด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉินได้แบบไม่มีการจำกัดช่วงเวลาและพื้นที่ให้บริการ
โดยก่อนหน้านี้ Cruise จะให้บริการ robotaxi แบบไม่มีคนขับนั่งไปด้วยได้ในช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงหกโมงเช้าเท่านั้น, ส่วนถ้ามีคนขับนั่งไปด้วยสามารถให้บริการได้ไม่จำกัดช่วงเวลา ส่วน Waymo นั้นต้องมีคนขับนั่งไปด้วยเท่านั้น
แต่ทั้งนี้ Cruise และ Waymo ยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้ความเร็วอยู่โดย robotaxi ของ Cruise ถูกจำกัดความเร็วที่ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Waymo ถูกจำกัดความเร็วที่ 104 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รวมถึงการพิจารณาขออนุญาติใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติใน robotaxi ก็ยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบกของรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย
**ประเด็นเรื่องความปลอดภัยและข้อกังวล**
แม้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ดูก้าวหน้าและเปิดโอกาสการนำเทคโนโลยีสู่การใช้งานจริง แต่ก็ยังคงมีประเด็นคำถามในด้านต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นอยู่ดี
อาทิเช่น ควรให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งได้ตลอดทุกช่วงเวลาแม้ชั่วโมงเร่งด่วน?
จากรายงานของ Consumer Watchdog กลุ่มตัวแทนผู้บริโภคพบว่า robotaxi ของทั้งสองบริษัทที่ให้บริการมาก่อนหน้านี้เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากกว่าที่เกิดจากคนขับถึง 1.3 เท่า
ทั้งยังมีกรณีรายงานถึงความผิดพลาดของ robotaxi มากมาย เช่น การหยุดรถกระทันหันแบบไม่มีสาเหตุ การเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวผิดด้าน หรือวิ่งกีดขวางการจราจร
ซึ่งทางผู้ให้บริการ robotaxi ก็ออกมากล่าวว่า ยิ่งระบบใช้งานไปมากเท่าไหร่ ระบบก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งตามทฤษฎีก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ก็คงต้องมีกรณีร้องเรียนต่าง ๆ ให้เห็นในหน้าข่าวกันอีก
หรือคำถามที่ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุความรับผิดชอบตกอยู่กับใคร รูปแบบการทำประกันรถและบุคคลที่สามจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
เวลาที่เกิดอุบัติเหตุแต่รถไม่มีคนขับ ผู้โดยสารก็นั่งตกใจอยู่ในรถ กรณีเช่นนี้จะจัดการอย่างไร ใครรับผิดชอบ การทำประกันรถหรือเครมประกันจะทำกันอย่างไร อีกหน่อยเราคงต้องมีการศึกษาและปรับตัวเมื่อ robotaxi เริ่มเข้ามาวิ่งในบ้านเรา
การประท้วงของเหล่าคนที่ต่อต้าน robotaxi ด้วยการเอากรวยไปตั้งไว้หน้ากระจกรถเพื่อรบกวนการทำงานของระบบขับขี่อัตโนมัติ
และแน่นอนว่าการมาของ robotaxi เหล่าคนขับแท็กซี่ หรือคนที่มองว่ารถยนต์ไร้คนขับนั้นอันตรายและจะมาแย่งงานพวกเขาได้ จนเห็นเป็นข่าวการประท้วงและต่อต้าน robotaxi รูปแบบแปลก ๆ อย่างที่เห็นในข่าว
แต่ถ้ามองในมุมของผู้โดยสาร บางครั้งการใช้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ อาจจะปลอดภัยและอุ่นใจกว่าแท็กซี่ที่มีคนขับหรือเปล่า?
อนาคตของแท็กซี่ไร้คนขับ ไม่ช้าก็เร็วก็คงมาจะถึงบ้านเรา ตอนนี้เราก็คงได้แต่รอดูบ้านเขากันไปก่อนว่าจะรุ่งหรือจะรอด
อ้างอิง:
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
