14 ส.ค. 2023 เวลา 15:02 • นิยาย เรื่องสั้น

บันทึกเกี่ยวกับแสงสยอง

มีเรื่องสยองที่ประสบพบเองมาฝากค่ะ
เมื่อสมัยยังเรียน มหาวิทยาลัย แถวชาญเมืองกรุงเทพ ปีสุดท้าย เทอมแรก นิสิตจะต้องทำพรีโปรเจค ผู้เล่าเองนั้นเรียนถ่ายภาพค่ะ เลยเลือกหัวข้อเกี่ยวกับภาพถ่ายเชิงสารคดี กอร์ปกับชอบสิ่งที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยๆ เลยเลือกที่จะไปทำโปรเจคที่ จ.ราชบุรี เป็นวัด วัดหนึ่งที่ อ.โพธาราม ผู้เล่าค้นหาข้อมูลเส้นทางแล้วกำหนดวัน วางแผนงานต่างๆ คล่าวๆว่าจะไปกี่วัน สมัยนั้นไม่มีรถเองนะคะ ต้องนั่งรถจากสายใต้ผ่านนครปฐมไป
พอไปถึงโพธาราม ก็เรียกลุงวินมอไซค์ไปส่งที่วัด และได้ยื่นหนังสือขอทำโปรเจคกับท่านเจ้าอาวาส แต่กิจกรรมที่ทางวัดแสดงนั้นเริ่มประมาณ6โมงเย็น เสร็จอีกทีก็ประมาณ สองทุ่ม จึงเป็นเหตุให้ผู้เล่าต้องหาโรงแรม หรือห้องพักใน อ. โพธาราม แต่ท่านเจ้าอาวาสและลุงวิน ได้แนะนำว่ามันอันตรายเพราะห้องพักส่วนใหญ่ที่ให้เช่านอนนั้นมีแต่รถส่งผัก มานอนกัน เราเป็น ผญ มาตัวคนเดียวจะไม่ปลอดภัย
ผู้เล่าจึงคิดแก้สถาณการณ์
ถามลุงวินว่า บ้านลุงวินนั้นอยู่ที่ใหน แล้วในครอบครัวของลุงวินนั้นมี ผญ หรือไม่ ยังไงผู้เล่าก็ต้องทำโปรเจคที่ตั้งใจให้สำเร็จ จึงต้องหาที่พักให้ได้ ลืมบอกไปค่ะ ว่าผู้เล่าไปเองเพียงลำพัง เพราะเป็นคนห้าวๆ ไม่ค่อยกลัวอะไร
มาถึงเรื่องถามหาที่พักกับลุงวินมอไซค์นะคะ ลุงแกตอบว่างั้นเดี๋ยวลุงไปถามที่บ้านก่อนว่าเค้าจะให้เราพักค้างคืนมั้ย
หายไปพักใหญ่ ลุงก็กลับมาพร้อมกับพูดว่า เมียลุงอยากเห็นว่าผู้เล่ามีลักษณะยังไง แกอยากคุยด้วยเบื้องต้น ผู้เล่าก็ตามลุงวินมอไซค์ไปบ้านเพื่อไปหาเมียแก บ้านของลุงอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างจากวัดราวๆ5กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลนัก
พอไปถึง ได้พบเมียของลุงซึ่งดูท่าทางใจดี แกถามไถ่พูดคุยว่ามายังไงมาทำอะไร แล้วแกก็บอกว่าแกมีลูกสาว รุ่นๆเดียวกับผู้เล่า แต่แก่กว่าหน่อยนึง แต่งงานแล้ว แต่ลูกเขยแกไปทำงานต่างจังหวัด จะกลับก็นานๆที แกเลยตกลงให้ผู้เล่านอนกับลูกสาวแก และลุงวินกับป้ายังให้ยืมมอเตอร์ไซค์ไว้ขับไปถ่ายรูปที่วัดด้วย
ในช่วงเย็นนั้นก็ได้พักผ่อนทำกิจอาบน้ำนั่งทานข้าวกันเป็นปกติ ซึ่งทางครอบครัวของลุงก็ต้อนรับเราดีมากๆ ลักษณะบ้านของลุงเป็นบ้านชั้นเดียวเป็นปูน หลังบ้านเป็นทุ่งนา ข้างบ้านเป็นสวนกล้วย และทางหน้าบ้านนั้นมีโรงเพาะเห็ดฟาง ผู้เล่ารู้สึกว่าก็เป็นบ้านชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีไรผิดสังเกตอะไร จนเมื่อตกค่ำจะนอนเร็วหน่อยรู้สึกว่าไม่ได้ดูโทรทัศน์อะไรกันเลย ก็เข้านอนแล้ว
ผู้เล่าและพี่ลูกสาวของลุงนั้นก็เข้าไปนอนในห้อง แต่ไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน ผู้เล่านอนที่นอนข้างล่าง ผู้เล่านอนพลิกไปพลิกมาเพราะนอนไม่กลับ อาจเป็นเพราะนอนเร็วเกินไป จึงนอนหันไปทางหน้าต่าง มองไปเรื่อยๆ สักพัก ทันใดนั้น มีแสงเรืองๆขาวๆ ลอยเรียบมาตามชายคา ลูกเท่ากำปั้นมือ ผู้เล่าเห็นทันใดนั้นก็ตกใจ ในใจนั้นคิดเลยว่าเจอแล้ว กระสือแน่ๆ
ผู้เล่าจึงเอนตัวขึ้นมองไปที่ลูกสาวของลุง พลางคิดว่าถ้าไม่มีหัวนะ จะลุกขึ้นไปกระโดดถีบเลย แต่พี่แกก็นอนปกติดี ผู้เล่ากลัวมากใจหล่นลงตาตุ่มไม่กล้าลุกไปปิดหน้าต่าง ได้แต่นอนสั่นจนผลอยหลับไป
รุ่งเช้าสักตีสี่ที่บ้านลุงและป้าก็ตื่นกันแล้วค่ะ เราก็รู้สึกตัวและรีบออกมาและเล่าเรื่องที่เจอให้ลุงฟัง ลุงกับป้าจึงบอกว่าเมื่อสมัยก่อนท้ายหมู่บ้านอาจจะมีเรื่องแบบนี้นะ แต่สมัยนี้ก็ไม่มีคนเห็นนานแล้ว
แต่ผู้เล่ายังมีข้อกังขาในใจนิดนึงว่าแสงที่พบเมื่อคืนหากเป็นกระสือตามที่คิดในตอนแรกจริง ทำไมจึงไม่เห็นหน้า หรือเครื่องในใดๆเหมือนในหนังที่เคยดูเลย มันจะเป็นแสงอะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นแสงของอะไรมันก็ได้สร้างความกลัวให้ผู้เล่าเป็นอย่างมาก และยังสงสัยจนทุกวันนี้ เรื่องที่โพธารามก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ
โฆษณา