15 ส.ค. 2023 เวลา 04:01 • นิยาย เรื่องสั้น

ผจญภัยมิติพิศวง 11

.
ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์
.
บทที่ 13 การเดินทางวันที่ 9 และ ล่องไพรลำดับที่ 8(บทประพันธ์ของ น้อย อินทนนท์)
.
7. วิมานฉิมพลี
.
ศักดิ์มองหน้าหล่อนนิ่งและนาน เป็นการยากที่จะเชื่อว่าหญิงผมทอง ผิวขาว ร่างใหญ่ และ สะสวยอย่างเหนือคำบรรยายผู้นี้จะใช่ โสมประภา นางพญาสิเห แห่งนครลับแล ซึ่งทุนอ่องเล่าไว้
.
แต่หล่อนก็ยืนอยู่ที่นั่นต่อหน้าคนทั้ง 4 ที่ต่างงงงัน มิใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง พร้อมบริวารล่ำสัน ดำทะมึน อาวุธที่ทันสมัยราวกับพวกหน่วยจู่โจมที่เห็นในภาพยนตร์
.
หล่อนสั่งให้บริวารไขกุญแจมือทุกคนออก ศักดิ์จึงถามความต้องการของเธอ คำตอบของหล่อนคือ "หลายอย่างที่ท่านรู้ แต่เราไม่รู้ เกี่ยวกับสิเห และ ขุมทรัพย์คู่เมือง"
.
เมื่อศักดิ์บอกหล่อนว่า เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับขุมทรัพย์ หล่อนก็หัวเราะไม่เชื่อว่าที่ศักดิ์สืบจนรู้เบาะแสของเหรียญอันติมาคุส แล้วยังตามหล่อนมาโดยไม่มีความหมายอะไร
.
ศักดิ์จึงถามว่าที่นี่คือที่ไหน หญิงงามนั้นตอบว่า สิเห เมืองลับแลที่ทั่วโลกแสวงหา ศักดิ์จึงแย้งว่าถ้าหล่อนเป็นโสมประภาจริงก็ต้องรู้จักสิเห เมืองลับแล ดีกว่าเขา
.
ซึ่งหญิงคนนั้นก็ชี้ไปที่บริวารของหล่อน ที่ต่างก็ก้มศีรษะรับว่าหล่อนคือโสมประภา ศักดิ์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดโสมประภาซึ่งเป็นผู้ครองนครจึงไม่รู้ทุกสิ่งของเมืองนางเอง
.
โสมประภาบอกว่า นั่นก่อนที่มันจะเป็นเมืองร้างเพราะห่า(อหิวาต์)กิน และเกิดแผ่นดินไหวเมื่อหลายปีมาแล้ว เหรียญอันติมาคุสจึงเป็นกุญแจไขสู่อดีต
เมื่อเห็นศักดิ์ทำท่าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับขุมทรัพย์หล่อนก็หัวเราะหาว่าศักดิ์มารยาสาไถย เพราะอย่างน้อยศักดิ์ก็รู้จากเมียทุนอ่องว่า ก่อนอวสานของสิเหนั้นโสมประภาที่ออกไปล่าสัตว์ แล้ว....
.
สุริยสิงห์เป็นผู้รักษาเมืองแทนได้สั่งราษฎรขนย้ายเพชรนิลจินดา และ ของมีค่าต่าง ๆ ในท้องพระคลัง ไปไว้ในถ้ำหนึ่งนอกเมือง
เพราะความที่สุริยสิงห์เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปขุมทรัพย์จะไม่ปลอดภัย จึงสั่งให้ก่อหินปากถ้ำอื่น ๆ อีกนับร้อยแห่ง ซึ่งมีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงถ้ำเก็บสมบัติ จนดูไม่รู้ว่าถ้ำไหนมีสมบัติ ถ้ำไหนว่าง แล้วทำแผนที่ไว้
.
แผนที่ซึ่งเหรียญอันติมาคุสที่นางเคยให้ทุนออ่งไว้เท่านั้นจะไขปริศนาได้ แม้แผนที่จะอยู่ในมือหล่อนแต่ก็ไม่เข้าใจความหมายของมัน สุริยสิงห์บอกว่าทุนอ่องเท่านั้นที่เข้าใจและบอกได้ เมื่อทุนอ่องตายไปยายเมียน่าจะเข้าใจ แต่ยายเฒ่ากลับไม่ยอมบอกหล่อนมันกลับไปบอกศักดิ์
.
ศักดิ์จึงบอกว่าเมียทุนอ่องไม่ได้บอกอะไรเขา นอกจากแกและผัวใหม่ถูกฆ่าโดยใครแต่โสมประภาไม่เชื่อ เพราะตอนที่ศักดิ์พูดกับยายเฒ่าอยู่นานนั้นหล่อนคอยดูอยู่นอกบ้าน
ในเมื่อนางเฒ่ายอมบอกศักดิ์ว่าเหรียญอยู่ที่ไหนก็ต้องบอกความหมายด้วย
.
เมื่อศักดิ์ยืนยันว่าหญิงชราไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าที่เขาพูดมาแล้ว ประกายตาของโสมประภาไม่มีความรู้สึก เยือกเย็น จนดูราวนัยน์ตาอสรพิษ
หล่อนเรียกมะโธในฐานะที่เป็นลูกคนโตของทุนอ่องมาถาม มะโธตอบว่าเห็นพ่อห้อยคอไว้จนตาย แต่ส่วนตัวเขาไม่สน
ใจเพราะใช้ซื้ออะไรไม่ได้
.
โสมประภายิ่งอารมณ์เสียไม่ยอมเชื่อว่าไม่มีใครรู้ความหมายของเหรียญอันติมาคุส ศักดิ์จึงยืนยันว่าทุกคนไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ส่วนที่เขาไปพบเมียทุนอ่องก็เพื่อยืนยันเรื่องสิเหเมืองลับแลว่ามีจริงตามที่ทุนอ่องเล่าเท่านั้น
.
โสมประภาถึงกับกรีดร้องอย่างคนเสียสติ หล่อนมายืนตรงหน้าศักดิ์ยกมือขึ้นเหมือนจะตบหรือทุบด้วยอารมณ์ร้ายที่อัดอั้นอยู่ภายใน แล้วหล่อนก็ยืนนิ่งสักครู่พลางถอนใจ
.
"เวลายังมีอีกถมไป เราให้เวลาท่านคิดเสียใหม่ บางทีท่านอาจเปลี่ยนใจ แล้วพบกันใหม่คืนนี้ บางทีท่านอาจมองเห็นค่าการเป็นมิตรกับเรา ดีกว่าการเป็นศัตรู"
.
ศักดิ์จึงถามถึงบรรดาลูกหาบของเขา โสมประภายืนยันว่าทุกคนปลอดภัยดีไม่ต้องเป็นห่วงคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองดีกว่า
ทันทีที่เสียงฝีเท้าของโสมประภาและพวกลับไป ร้อยเอกเรืองก็ปราดเข้ามาถามศักดิ์ว่า
"เชื่อหรือว่าผู้หญิงคนนี้คือโสมประภา"
.
ศักดิ์จึงตอบว่า เขารู้ว่าหล่อนไม่ใช่โสมประภาตั้งแต่คืนที่ได้ยินเสียงปืนกลและลูกระเบิด ร้อยเอกเรืองจึงสงสัยว่าทำไมจึงพูดกับหล่อนราวกับหล่อนเป็นโสมประภาจริง ๆ
.
ศักดิ์ตอบว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคาดคั้นว่าหล่อนคือโสมประภาจริงหรือไม่ เขารู้แต่ว่าขณะนี้ทุกคนตกเป็นเชลยของก๊กล่าสมบัติที่มีหัวหน้าเป็นผู้หญิง สนใจลายแทงขุมทรัพย์สิเหจนไม่สนใจว่าจะฆ่าและทำลายใครบ้างเพื่อให้ได้มันมา
 
ศักดิ์บอกเพียงว่า "หน้าที่ของเราต้องหาทางหนี หรือ ส่งคนไปขอความช่วยเหลือก่อนที่จะสายเกินไป"
.
ปู่เกิ้นบ่นเรื่องอาหารจะได้กินเมื่อไหร่ มะโธจึงบอกว่าได้กลิ่นอาหารแล้ว และเป็นเช่นนั้นเพราะ 1 ใน 2 นางผู้ติดตามโสมประภาเดินนำหน้าดำทโมนที่ถือถาดอาหารมาให้
.
ร้อยเอกเรืองปราดไปที่หญิงนั้นถามว่าเธอเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่าเป็นข้าหลวงของโสมประภา
ร้อยเอกเรืองจึงบอกว่า "แม่ผมทองคนนั้นไม่ใช่โสมประภา เธอ 2 คนก็ไม่ใช่ชาวสิเห แต่เป็นนักแสวงโชค เพราะหน้า
ตาเป็นคนเอเซียแล้วไปเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร"
.
หล่อนตอบว่า "เอาไว้ถามโสมประภานายเรา" แล้วก็นำเจ้าดำ 2 คนนั้นกลับออกไปปิดประตูลั่นกุญแจตามเดิม
ปู่เกิ้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "ได้ประโยชน์อะไร นายทหารเรือง จากการทำให้พวกหล่อนรู้ว่า พวกเรารู้ว่าพวกหล่อนเป็นใคร"
.
ร้อยเอกเรืองตอบว่า "ไม่ต้องการให้พวกเธอคิดว่าพวกเราเป็นไก่อ่อน"(ผู้ที่ด้อยประสบการณ์ ไม่รู้เท่าทันผู้อื่น)
.
ปู่เกิ้นจึงพูดว่า "ให้หล่อนเข้าใจว่าเราเป็นไก่อ่อนมีแต่ได้ เหมือนผู้ชายที่ไม่ชอบผู้หญิงที่เป็นแม่ปลาช่อน(หญิงค่อนข้างมีอายุที่มีมารยาและเล่ห์เหลี่ยมมาก) ทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างนายดีกว่า ไปกระโตกกระตากให้พวกนั้นรู้ตัวทำไม"
.
ตลอดวันนั้นทั้งวันไม่มีใครกล้ำกรายขึ้นมาที่ห้องขังอีกจนกระทั้งตกเย็นจึงเห็นเชิงเขาข้างล่างขวักไขว่ไปหมด ดูราว
จะเดินทาง เพราะทั้งรื้อแค้มป์ ดับไฟ ขนของใส่กูบช้างแต่ยังไม่เคลื่อนที่ราวกับรอใครอยู่
.
เมื่อพลบค่ำเห็นแต่เงาตะคุ่มผ่านไปมารอบกองไฟใหญ่ซึ่งเหลือกองเดียว เสียงร้องแหลมด้วยความเจ็บปวดเหลือที่
จะทนทานได้ของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งในปราสาทนั้น
.
ปู่เกิ้นสงสัยว่าจะโดน 3 นางนั้นขืนใจ ก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาอีกคราวนี้ฟังชัดว่าได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส ทั้ง 4 จึงปราดไปที่ประตูเพื่อฟังให้ชัด ๆ
.
ประตูเปิดขึ้นอย่างกระทันหัน แล้วนางคนที่นำอาหารมาให้เมื่อกลางวันก็ก้าวเข้ามาบอกให้ศักดิ์ตามนางไปโสมประภาต้องการพบ
ขณะนั้นเสียงครวญครางทางปีกซ้ายของปราสาทเงียบหายไปได้ยินแต่เสียงหัวเราะของโสมประภาก้องขึ้นแทนที่
.
ศักดิ์เดินตามหญิงนั้นไปที่เฉลียงกว้างว่างเปล่า และเงียบเชียบ ครู่ต่อมาจึงถึงหน้าประตูที่เปิดกว้างมีแสงไฟส่องสว่าง เจ้าดำ 2 ตัวนั้นยืนถือปืนกลรักษาการณ์ 2 ฟากประตู
.
ศักดิ์เข้าไปยืนนิ่งอยู่นาน ห้องนั้นสว่างไสวด้วยแสงเทียนประดับประดาเหมือนปราสาทที่มีคนอยู๋สมัยโบราณ ที่พื้นมีพรมเปอร์เซียปูอยู่พร้อมด้วยอาหารที่เต็มโต๊ะสำหรับ 2 คนเท่านั้น
.
กลิ่นกำยานหอมกรุ่นมาในอากาศเสียงหัวเราะเบา ๆ มาจากมุมมืดมุมหนึ่ง ซึ่งมีม่านสีแดงปักลายกนกด้วยดิ้นทองแขวนไว้ แล้วโสมประภาก็ก้าวออกมาเหมือนดวงจันทร์วันเพ็ญที่ผ่านออกมาจากหลังกลุ่มเมฆ เหมือนเทพธิดานางฟ้า หรือนางในฝัน เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
.
หล่อนสวมชุดกลางคืนสีฟ้าอ่อน ผมสยายยาว ใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นคนละคนกับเมื่อกลางวัน แม้จะตกอยู่ในความละลานตาและใจเพียงใด สัญชาตญาณภายในของศักดิ์ก็เตือนให้เขาระวังตัว โสมประภาเอ่ยชวนเชิญให้รับประทานอาหารแต่ศักดิ์บอกว่าเพื่อนทั้ง 3 ของเขาก็ต้องการอาหารเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอให้บอกเลยว่าต้องการอะไร
.
โสมประภาบอกว่าศักดิ์เป็นผู้ชายที่แปลกมาก ไม่สนใจในสิ่งที่ควรสนใจ แต่ก็ดีเรื่องจะได้สั้นเข้า แล้วก็นำเขาไปยังแท่นที่ลาดด้วยกำมะหยี่ พลางชี้ให้นั่งแล้วก็ทรุดตัวลงข้าง ๆ
นัยน์ตาอันเป็นประกายสุกใสเหมือนดวงดาวจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของศักดิ์ ถามว่าหล่อนให้เวลาคิดทั้งวัน ตอนนี้เปลี่ยนใจหรือยัง
.
ศักดิ์ยืนยันว่าเขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ โสมประภาจึงล้วงลงไปในอกเสื้อหยิบถุงสักหลาดขนาดส้มเขียวหวาน ภายในบรรจุเพชรที่ยังไม่เจียรนัยให้ศักดิ์ดู
.
แล้วบอกว่าเพชรนี้มีขนาดใหญ่กว่า โคตรเพชรโคอินทร์
(เพชรโคอินัวร์-Koh-i-Noor ในปัจจุบันโคห์อินัวร์ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงที่หอคอยแห่งลอนดอน)
.
และใหญ่กว่าเพชรตระกูลโฮปที่ขึ้นชื่อลือชามาทั่วโลก(เพชรโฮป-Hope Diamond เป็นเพชรขนาดใหญ่ สีน้ำเงินเข้ม ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา สมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.)
.
โสมประภาบอกว่า "นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่สุริยสิงห์ซ่อนไว้ในคูหา อาจเป็น 1 ใน 1000 ใน 10000 หรือ ใน 100000
ก็ได้ ในบรรดาคูหากว่า 300 คูหา อันไหนแน่ที่มันซ่อนอยู่ ทุนอ่องรู้เพราะได้เหรียญไป ยายเฒ่ารู้เพราะทุนอ่องบอก และท่านรู้จากยายเฒ่า เราจะพาไปดูแผนที่นั้น"
.
แผ่นหนังขนาด 3X5 ฟุตตรึงด้วยหมุดติดอยู่ที่ฝาผนัง นี่หรือคือแผนที่ที่สุริยสิงห์ทำไว้ เครื่องหมายของคูหาที่ซ่อนขุมทรัพย์ ทำเป็นรูปเหรียญอันติมาคุสตั้ง 100 กว่าแห่ง
 
"เมื่อวานเราลองระเบิดดูแล้ว บางแห่งตันเพราะทำปลอมไว้ บางแห่งเป็นคูหาเปล่า"
.
ศักดิ์จึงถามว่าทำไมไม่ระเบิดคูหาทั้งหมด โสมประภาตอบว่าต้องใช้ไดนาไมต์เป็นจำนวนหลายตันมาก หล่อนไม่สามารถหาหรือนำมาถึงที่นี่ได้ และหล่อนก็ไม่มีเวลามากขนาดนั้น จึงต้องขอความช่วยเหลือจากศักดิ์
.
โสมประภาขอร้องให้ศักดิ์ช่วยพิจารณาดูว่าเหรียญอันติมา
คุสมีเครื่องหมายอันไหนตรงกับแผนที่ เมื่อคืนเธอพยายามแล้วแต่ตีความหมายไม่ออก หล่อนเชื่อใจศักดิ์ ขุมทรัพย์นั้นจะทำให้ศักดิ์ และ หล่อนมีความสุขตลอดชีวิต
.
ความใกล้ชิดและกลิ่นกำยานพาศักดิ์มึนงงเมื่อสำนึกถึงการเสียดสีของทรวงอก แขน หลัง และ ไหล่ ในยามที่หล่อนส่องไฟให้ ทั้งที่สมาธิวอกแวกไปบ้างกับความเป็นแม่ปลาช่อนของโสมประภา แต่ศักดิ์ก็ยังพบสิ่งผิตปกติเล็กน้อยจนได้ ซึ่งโสมประภาก็รีบฉวยเหรียญไปจากมือของศักดิ์ทันที
.
"นี่แหละ ใช่แล้ว ภายหลังที่พยายามมาเป็นเวลาหลายปี ความฝันของเราเพิ่งปรากฎเป็นความจริง ณ บัดนี้"
.
"แต่โสมประภา....." ศักดิ์พูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงหัวเราะก้อง
.
"หล่อนไม่ใช่โสมประภา นางผู้หญิงคนนั้น เป็นมหาโจรต่างแดน"
.
ศักดิ์อยากจะร้องออกมาด้วยความสยดสยองเมื่อแลเห็นชายชราคนหนึ่ง ผมขาวโพลนทั้งศีรษะยืนเกาะขอบประตูที่เขาเดินผ่านมาเมื่อครู่ เสื้อผ้าเก่าขาดกะรุ่งกะริ่ง ริมฝีปากทั้ง 2 ฉีกขาดเหมือนถูกกระทำทารุณอย่างแสนสาหัส ทั้งใบหน้าเกรอะกรังด้วยโลหิตจากรอยแผลที่ถูกกรีดจากของมีคม
.
นัยน์ตาข้างหนึ่งถูกควักกลวงโบ๋ ผอมโซเหลือแต่กระดูก โผเผราวทรงตัวไม่ไหว แต่นัยน์ตาข้างเดียวที่เหลือก็เป็นประกายกร้าวคุกรุ่นราวถ่านไฟ ข้อเท้าข้างหนึ่งถูกล่าม
ด้วยโซ่ขนาดใหญ่ ติดกับลูกตุ้มซึ่งแกอุ้มอยู่ในมือขวา
.
"เจ้าคงคิดว่า ข้า-สุริยสิงห์ จะตายง่าย ๆ ด้วยวิธีการทรมานอย่างทารุณโหดร้ายของเจ้าเช่นนั้น แต่ย้งก่อน
ข้าจะยังไม่ตาย จนกว่าจะเห็นความวอดวายของเจ้า
ด้วยตัวข้าเอง"
.
"กลับไปสู่ห้องของเจ้า ก่อนที่ตาอีกข้างที่เหลืออยู่ของเจ้า
จะมองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป" โสมประภาตวาดลั่น สุริยสิงห์หัวเราะเยาะเสียงดัง กล่าวท้าทายโสมประภา เพราะแม้แต่ความตายเขายังไม่กลัวความเจ็บจะมีความหมายอันใด
3ปีมาแล้วที่หล่อนทำให้ชีวิตเขาเป็นนรก แต่ก็ทนได้เพื่อ
รอดูความวอดวายของหล่อนเและพวก
.
แล้วชายผู้นั้นก็อุ้มลูกตุ้มอันหนักอึ้งตรงมาหาศักดิ์ พูดเตือนสติไม่ให้ไปหลงเล่ห์ลวงนางมารร้าย โสมประภาพยายามให้ศักดิ์เชื่อว่าหล่อนคือโสมประภาตัวจริง
.
สุริยสิงห์บอกกับศักดิ์ว่า แท้จริงหล่อนคือนางมหาโจรผู้มาจากแผ่นดินไกล ผู้หญิงใจยักษ์คนนี้ไม่ใช่โสมประภา เพราะสิเห และโสมประภานางพญาผู้ครองนครวอดวายมาหลายปีแล้ว
.
สุริยสิงห์ยืนยันว่าเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ของสิเห และเห็นเหตุการณ์การล่มสลายของสิเห เขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อโสมประภา เป็นผู้รักษาขุมทรัพย์ของสิเหซึ่งจะตายไปพร้อมความลับของมัน
.
และเขาคงอยู่กับอดีตที่โอ่อ่ารุ่งเรืองไปนานแสนนาน เขาจะอยู่กับปัจจุบันที่สันโดษและอนาคตที่เต็มไปด้วยความฝัน ถ้านางคนนั้นไม่บุกมาที่นี่เมื่อ3 ปีที่แล้ว
.
"เจ้าคิดว่าคนอย่างข้า ยังสาว สะสวย และสูงส่ง จะยอมทอดตัวให้แก่ใครง่าย ๆ" โสมประภากล่าวอย่างเย้ยหยัน
.
"เจ้าทอดตัวให้แก่ใครได้ทุกคน ตราบใดที่ผลประโยชน์ของเจ้าเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ข้ารู้ดีตั้งแต่คืนแรกที่ข้าเสียทีเจ้า มอบแผนที่ลายแทงขุมทรัพย์ให้เจ้าไป" สุริยสิงห์กล่าวสวนขึ้นมาอย่างเย้ยหยันบ้าง
.
"เจ้าคนถ่อยที่ไม่มีประโยชน์กับใคร เจ้าคนปากร้ายที่ไม่รู้จักหลาบจำ ข้าจะทำให้เจ้าได้สำนึกว่า โทษของความหยาบคายที่เจ้าได้แสดงต่อข้า จะได้รับโทษตอบแทนอย่างไร"
กล่าวจบโสมประภาก็ตบมือขึ้น 3 ครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าของศักดิ์ทำให้เขาตะลึงงันไป
ในที่สุดสิเห...เมืองลับแล ก็ไม่มีอะไรเหลือไว้อีกอย่างที่คนภายนอกเข้าใจกัน วาจาที่ชายชรากล่าวก็เพียงยืนยันว่าหญิงนี้มิใช่โสมประภา เจ้าทโมนที่เป็นยามเฝ้าประตูคนหนึ่งถลันเข้ามาศักดิ์จึงได้สติ
.
"พามันไปขังในห้องใต้ถุนก่อน กลับมาเราจะจัดการชำระมัน อย่าให้น้ำ อย่าให้อาหาร อย่าให้มันหลุดออกมาได้ เวรใครเราจะเอาโทษแก่คนนั้น"
.
โสมประภาสั่งอย่างเฉียบขาด เมื่อศักดิ์ถามว่าคนผู้นี้เป็นใคร หล่อนก็ตอบว่า "สุริยสิงห์ เจ้าของแผนที่ คนโง่ที่จงรักภักดีต่อความทรงจำถึงนายของมัน แทนที่จะคิดถึงความสุขที่มีแค่เอื้อม"
.
"งั้นเธอก็ไม่ใช่โสมประภา" ศักดิ์พึมพัม
.
"เราคือนางพญาแห่งเบซา หรือที่เรียกกัน เน็ลลี่ เดอ ซัวซอง"
.
ศักดิ์มองเห็นความทารุณปรากฎอยู่ระหว่างความแจ่มใสแห่งนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้น สำเหนียกถึงธาตุแท้ของหล่อน เครื่องหมายนักโทษเกาะนรกที่ไหล่อันขาวผ่องข้างหนึ่งของหล่อนที่ไม่ได้สังเกตมาก่อน
.
ขณะนั้นเองมโนคติในส่วนลึกก็วาดภาพอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ถึงความทุกข์ทรมาณที่สุริยสิงห์ได้รับจนตก
อยู่ในสภาพปัจจุบัน เพราะเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปกป้อง
ขุมทรัพย์ของสิเห
.
จนมิได้ย่อท้อต่อความเจ็บปวดรวดร้าวที่ได้รับจากการทรมานเหล่านั้น เป็นความประทับใจของศักดิ์จนอดรู้สืก
ไม่ได้ในการไประบุคูหาที่ซ่อนขุมทรัพย์โดยไม่ตั้งใจ
.
และเมื่อเขาเห็น เน็ลลี่ เดอ ซัวซอง หรือ โสมประภาตัวปลอมหย่อนเหรียญอันติมาคุสลงในอกเสื้อ จึงต้องการ
ขัดขวางเพื่อส่งคืนเหรียญอันติมาคุสให์กับสุริยสิงห์ ที่
เป็นผู้แทนอันขอบธรรมโดยมิได้เฉลียวใจเสียงร้องเตือน
ของสุริยสิงห์
.
โปรดติดตามตอนต่อไปซึ่งเป็นตอนจบ อวสานสิเห ภาพปก The Golden Jubilee เพชรสีทอง น้ำหนัก 545.67 กะรัต เป็นเพชรน้ำงาม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกพบที่เหมืองพรีเมียร์ทางแอฟริกาตอนใต้ ปี 1985
.
เพชรนี้ถูกนำมาถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในปี 1997 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษกครองราชย์ครบ 50 ปี ชื่อของเพชรเรียก
อีกชื่อหนึ่งว่า The Unnamed Brown
(ข้อมูลจาก Avira Jewelry)
โฆษณา