15 ส.ค. 2023 เวลา 12:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้หรือไม่ Starbucks ขายกาแฟ ได้กำไรแค่ 10%

ร้านกาแฟ Starbucks ที่แม้จะดูราคาแพง แต่ก็ยังมีคนเข้าร้านอยู่เรื่อย ๆ นั้น ที่จริงแล้ว ทุก ๆ 100 บาท ที่ Starbucks ได้ จะเข้ากระเป๋าของเจ้าของ เพียงแค่ 10.3 บาท เท่านั้น
โดยถ้าหากเราดูในด้านสัดส่วนรายได้ จะพบว่ามาจาก
- สาขาของตัวเอง 82.4 บาท
- สาขา Licensed Store 11.3 บาท
ส่วนรายได้อื่น ๆ อีก 6.3 บาท จะมาจากการขายเครื่องดื่มพร้อมดื่ม และเมล็ดกาแฟสำเร็จรูป
ในขณะที่ ด้านค่าใช้จ่ายนั้น หลัก ๆ แล้วบริษัทจะมีค่าใช้จ่าย ในการบริหารจัดการร้าน อยู่ที่ 42 บาท ตัวอย่างค่าใช้จ่าย เช่น
- ค่าเช่าสถานที่
- ค่าน้ำ ค่าไฟ
- ค่าจ้างพนักงาน
ส่วน ต้นทุนของการขายกาแฟ รวมถึงเค้กอื่น ๆ อยู่ที่ 32 บาท
ด้วยค่าใช้จ่ายหน้าร้าน ที่คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้เอง
ราคาของกาแฟแต่ละแก้วใน Starbucks จึงไม่ได้ตั้งให้ครอบคลุม เพียงแค่ต้นทุนของตัวกาแฟเท่านั้น
แต่ยังต้องรวมถึงค่าสถานที่ ที่พวกเรามักจะไปนั่งแช่เพื่อทำงาน หรือคุยเล่นกับเพื่อน และค่าจ้างของบาริสตาในร้านอีกด้วย
นอกจากนี้ Starbucks ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร หรือเงินเดือนผู้บริหารอีก 6.3 บาท, ค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ และอาคารสถานที่ต่าง ๆ อีก 4.5 บาท รวมไปถึงภาษี และดอกเบี้ยเงินกู้อื่น ๆ ด้วย
เมื่อหักลบค่าใช้จ่าย และบวกส่วนแบ่งกำไร ที่ Starbucks ไปลงทุนในบริษัทอื่น และรายได้จากดอกเบี้ยแล้ว ทำให้สุดท้าย กำไรที่เข้ากระเป๋าเจ้าของ Starbucks จะอยู่ที่ 10.3 บาท
จากตรงนี้เองทำให้หลายคน น่าจะพอเห็นภาพว่า การจะเปิดร้านกาแฟร้านหนึ่งนั้น ต้นทุนหลัก ๆ แล้วมาจากอะไรบ้าง
นั่นจึงทำให้ ถ้าหากเราอยากจะเปิดร้านกาแฟสักร้านหนึ่ง แล้วมีคำถามว่า มันเป็นธุรกิจที่ดีไหม ?
ก็อาจจะตอบได้ว่า เจ้าตลาดอย่าง Starbucks ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก มีกำไรราว 10% ซึ่งเราก็น่าจะพอเห็นภาพมากขึ้น
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในปีงบประมาณ 2022 ที่ผ่านมา Starbucks มีเงินสะสม จากที่ลูกค้าเติมเงินเข้าไปในบัตรสมาชิก Starbucks Rewards Card มากถึง 53,173 ล้านบาท จนมีบางคนขนานนามบริษัทว่าเป็น “ธนาคารที่ขายกาแฟ”
โฆษณา