17 ส.ค. 2023 เวลา 04:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จุดบอดนักลงทุนสถาบัน

ในตลาดการเงินที่สลับซับซ้อน นักลงทุนรายย่อยดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเอาชนะนักลงทุนสถาบันได้เลยไม่ว่าจะเป็นเพราะมีความรู้น้อยกว่าหรือมีเครื่องมือจำกัดกว่า แต่เชื่อหรือไม่ว่านักลงทุนสถาบันมีจุดบอดอย่างอย่างหนึ่งที่ถ้านักลงทุนรายย่อยรู้จักใช้ประโยชน์ โอกาสที่จะทำผลตอบแทนให้เหนือกว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยแม้แต่น้อย
╔══════════════════╗
อ่านบทวิเคราะห์การลงทุน ให้ทันทุกสถานการณ์
เพียงดาวน์โหลดแอป KKP MOBILE
และลงทุนผ่านแอปได้เลย
╚══════════════════╝
จุดบอดนักลงทุนสถาบัน
🕐 จุดบอดที่ว่าคือเรื่องของ “เวลา” นั่นเอง นักลงทุนสถาบันไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนของบริษัทประกัน ล้วนแต่มีความกดดันอย่างมากที่จะต้องทำผลตอบแทนระยะสั้นให้ดี เพราะเงินเดือน เงินโบนัส การเลื่อนตำแหน่ง มักจะผูกอยู่กับผลตอบแทนระยะ 1-3 ปี
นอกจากนั้น แม้ว่ากองทุนเหล่านี้จะมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน แต่หากบริหารให้ผลตอบแทนระยะสั้นไม่ดี โอกาสที่จะเห็นเงินทุนไหลออกก็มีอยู่สูง
การถูกจำกัดว่าผลตอบแทนระยะสั้นต้องดี กลับทำให้ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80-90 ไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดได้ในระยะยาว ซึ่งสาเหตุอาจมาจากการเทรดบ่อยเกินไปจนทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่าที่ควรจะเป็น
📉 นอกจากนั้นในบางครั้งผู้จัดการกองทุนอาจพยายามเพิ่มความเสี่ยงเพื่อเอาคืน เมื่อผลตอบแทนไม่ได้ตามเป้า แล้วผิดซ้ำสองทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ หรือในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นคือผู้จัดการกองทุนโดนบีบให้ขายหุ้นที่ตัวเองมั่นใจว่าดีออกไปก่อนเวลาอันควรเพราะแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกและเสียงต่อว่าจากผู้บริหาร
นักลงทุนรายย่อยมีจุดเด่นสำคัญที่เหนือกว่า คือ ไม่มีใครมากดดันให้เราต้องทำผลตอบแทนระยะสั้นให้ดี เพราะการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยคือการแข่งกับตัวเองเพื่อทำผลตอบแทนระยะยาวให้ดีที่สุดตามความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
เราไม่มีคู่แข่งที่ต้องมาเปรียบเทียบ ไม่ต้องรายงานผลตอบแทนรายไตรมาสให้กับผู้บริหาร และไม่มีผู้ถือหน่วยลงทุนมาต่อว่าเมื่อทำผลตอบแทนเดือนที่ผ่านมาไม่ดี
นักลงทุนรายย่อยสามารถจัดพอร์ตการลงทุนที่มีเป้าหมายระยะยาวได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปเล่นเกมระยะสั้นที่เราไม่ถนัดและแทบไม่มีโอกาสชนะ ที่สำคัญ ยิ่งเรามีเวลาการลงทุนนานเท่าไร โอกาสที่เราจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยตามเป้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และถ้าเราลงทุนนานพอโอกาสที่เราจะขาดทุนแทบจะเป็นศูนย์
น่าเสียดายที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากกลับไม่ใช้ประโยชน์เรื่องเวลา แต่ตกหลุมพรางความอยากรวยเร็ว และเลือกที่จะเสี่ยงดวงผ่านการเทรดเก็งกำไรในระยะสั้นๆ พยายามที่จะซื้อถูกขายแพง พยายามเทรดตามข่าว ฯลฯ ทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนใหญ่แย่กว่าที่ควรจะเป็น
มีรายงานจาก Forbes ที่จัดทำในปี 2014 ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตนักลงทุนรายย่อยสหรัฐฯอยู่ที่เพียง 2-3% ต่อปีเท่านั้น ไม่ว่าจะนับย้อนหลัง 10 20 หรือ 30 ปี
ในขณะเดียวกันหากนักลงทุนเหล่านี้เลือกที่จะจัดพอร์ตความเสี่ยงกลางๆ แล้วปล่อยพอร์ตทำงานไปตลอดระยะเวลาลงทุน ผลตอบแทนของเขาจะเฉลี่ยอยู่สูงถึง 5-6% ต่อปี โดยผลตอบแทนส่วนต่างที่หายไปมาจากการซื้อๆขายๆที่มากเกินไปนั่นเอง
แน่นอนว่ามีนักลงทุนจำนวนหนึ่งที่ประสบผลสำเร็จจากการซื้อมาขายไปในระยะสั้น แต่การทำแบบนี้ให้ได้ต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำก็ได้ สำหรับนักลงทุนทั่วไปอย่างเราๆ การใช้ประโยชน์จากเรื่องของเวลาเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดที่การันตีได้ว่าอย่างน้อยในระยะยาวผลตอบแทนของเราจะใกล้เคียงเป้าที่เราวางไว้ 😊
โฆษณา