The New York Times เคยจัดอันดับหนังสือที่ดีที่สุดในรอบ 125 ปี โดยโหวตจากนักอ่าน 67 ประเทศทั่วโลก และ 50 รัฐในอเมริกา ผลปรากฏว่า To Kill a Mockingbird ติดอันดับ 1 แซงหน้า เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ 1984 หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว และ Beloved (บีเลิฟด์)
ยิ่งกว่านั้นหนังสือเล่มนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ทำยอดขายถล่มทลายทั่วโลกกว่า 40 ล้านเล่ม ทำให้ To Kill a Mockingbird ติดอันดับอยู่ในรายชื่อ “หนังสือ 50 เล่มที่ขายดีที่สุดตลอดกาล” โดยมียอดขายไม่ทิ้งห่างจากหนังสือในตำนานอย่าง Cosmos และ Jonathan Livingston Seagull
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า To Kill a Mockingbird มีเนื้อหาเป็นอย่างไร ทำไมถึงขายดิบขายดี เดี๋ยวผมขออนุญาตบรีฟให้อ่านกันครับ
To Kill a Mockingbird เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ตีแผ่อคติที่บิดเบี้ยวของสังคม เล่าผ่านมุมมองของ “สเกาท์” เด็กหญิงวัย 6 ขวบที่อาศัยอยู่กับพ่อชื่อ “แอตติคัส” ซึ่งเป็นทนายความ และพี่ชายที่ชื่อ “เจ็ม” ที่อายุมากกว่าไม่กี่ปี ในเมืองเมย์คอมบ์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐแอละแบมา ทางภาคใต้ของสหรัฐฯ
แรงส่งที่ทำให้ To Kill a Mockingbird ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามอาจเป็นเพราะความครุกรุ่นที่ส่งทอดมาจากเหตุการณ์สงครามกลางเมืองอเมริกาในปี 1865 และการรณรงค์ต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองอย่างแข็งขันในช่วงปี 1954-1968
ด้วยโปรไฟล์การประสบความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ของเล่มนี้ หลายคนคงคิดว่านักเขียนอย่าง Harper Lee คงต้องใช้เทคนิคการเล่าที่แพรวพราวเร้าใจ เค้นมันสมองออกมาทุกกระเบียดนิ้ว แต่จริงๆแล้ว Harper Lee ไม่ได้ตีลังกาเขียนแต่อย่างใด