18 ส.ค. 2023 เวลา 02:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Stock Challenge

Time frame : 10.5 ปี (สิ้นสุด 31 December 2033)
1
(เขียนไว้เมื่อ 30 July 2023)
Benchmark
1. SET Index (1,543)
2. S&P500 (4,582)
3. Nasdaq Composite (14,316)
4. Hang Seng (19,916)
5. VN Index (1,207)
6. Diamond Fund (26,290 ด่อง)
7. Dr. Nives Superstock (FPT, REE, MWG, diamond, ACV, VRE, VSH, NT2)
หลักในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต
1
หุ้นที่ผมเลือกมาใส่ในพอร์ตชุดนี้ ผมคิดว่า เลือกเพื่อการถือไป 10 ปีจริงๆ จะต่างจากของอาจารย์หน่อย ผมตั้งใจว่า จะไม่เปลี่ยนหุ้นหรือสลับหุ้นใดๆเลย เพราะผมไม่อยากจะใส่การเปลี่ยนหุ้นเข้ามาอยู่ในเงื่อนไข เนื่องจาก ผมคิดว่า ถ้าผมใส่เงื่อนไขนี้เข้ามาวิธีการเลือกหุ้น หรือ การจัดพอร์ตก็จะเปลี่ยนไป
3
พอร์ตนี้จะต่างจากพอร์ตหลักของผม เนื่องจากเมื่อคิดจะเลือกหุ้นที่จะถือลงทุนยาวๆไป 10 ปี ผมจะโฟกัสไปที่ตัวธุรกิจและผู้บริหารเป็นหลัก ผมจะไม่สนใจว่า ตอนนี้ Valuation เป็นอย่างไร ราคาหุ้นจะถูกหรือแพงยังไง ถึงแม้ว่า ตอนนี้ หุ้นจะแพง แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ดีในระยะยาว 10 ปี น่าจะเป็นเวลาที่ทุกอย่าง pay off ออกมาได้ แน่นอนว่า ผลตอบแทนคงจะสู้การซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูกแบบดู valuation ไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของพอร์ตนี้ ผมอยากให้พอร์ตนี้เป็นตัวแทนของหุ้นคุณภาพดีที่จะเติบโตได้ในระยะยาว
*ใครจะลอกพอร์ตนี้ ผมไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ไม่ตอบคำถามด้วยว่า ซื้อตามแล้วติดดอย ทำยังไงดี ตัวใครตัวมันครับ*
Framework ในการวิเคราะห์
มุมมองหลักๆในการวิเคราะหุ้นชุดนี้ สำหรับการลงทุน 10 ปี จะมีอยู่ 3 มุมใหญ่ๆ คือ
1. TAM ที่ใหญ่ เพื่อให้สามารถเติบโตไปได้เป็นเวลาอย่างน้อยๆ 10 ปี
2. Unit Economic ที่ดี Business model ต้องชัดเจนว่า สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว ไม่ใช่โตแต่รายได้แต่ไม่มีกำไร
3. Competitive Advantage ต้องดี เทียบกับทั้งคู่แข่งในปัจจุบัน และ ผู้ที่อาจจะเข้ามาท้าชิงได้ โดนในส่วนนี้ Framework หลักๆของผมที่จะใช้ในการวิเคราะห์ ผมจะใช้ 7 Powers ของอาจารย์ Hamilton Helmer ซึ่งผมมองว่า ค่อนข้างครบและตอบโจทย์ในสุดสำหรับบริบทนี้
โครงสร้าง Port
ผมแบ่ง โครงสร้างของพอร์ตไว้หลักๆเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. Core port ถือ 3 ตัว ตัวละ 15% = 45% หรือราวๆ ครึ่งพอร์ต
2. Challenger หรือ กลุ่มหุ้นที่จะเติบโตเข้ามามีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคตประมาณ 35% ของพอร์ต
3. Tech Immune หรือ กลุ่มหุ้นที่คนชอบบอกว่าเป็นหุ้นกลุ่ม Old Economy แต่ผมคิดว่า เหมาะที่จะถือระยะยาวเนื่องจากเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งตามหลักของ 7 Powers และน่าจะไม่สะทกสะท้านมากนักต่อการเติบโตของ Digital Economy ถือไว้ 20% ของพอร์ต
Core Port
ผมเชื่อในภาพของ Digital Transformation ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจไหน จะทำอะไร คุณจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับโลก Digital ไม่ทางใดก็ทางนึง ถ้าไม่ได้ใช้ในการขายของให้ลูกค้า คุณก็ต้องใช้มันในระบบหลังบ้านอยู่ดี ตอนนี้ยังมีใครใช้สมุดจดหรือเครื่องพิมพ์ดีดอยู่อีกไหม คงจะมีบ้าง แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ มันคงจะต้องน้อยลงเรื่อยๆแน่นอน
ภาพจำอย่างนึงของหุ้นเทคโนโลยี หรือวงการ Digital คือ หุ้นพวกนี้เปลี่ยนแปลงเร็ว ถือยาวไม่ได้ ผมคิดว่า คำกล่าวนี้เป็นคำพูดของคนที่มองมาจากข้างนอก หรือ ไม่ได้เข้าใจเรื่องของเทคโนโลยีมากเท่าที่ควร โอเค ว่าผมก็ไม่ใช่ Expert ของเรื่องนี้ แต่ผมก็ศึกษามาพอสมควร
Microsoft ครองโลกมาตั้งแต่ยุค 80s, Google เข้ามาครองระบบ Internet ในปลายยุค 90s ถึงต้น 2000, Amazon เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวงการเทคโนโลยีราวๆกลางๆปี 2000, Apple ให้กำเนิดของ iPhone ปี 2007, จนถึงตอนนี้ ปี 2023 หุ้นทั้ง 4 ตัวนี้เป็นยังไงบ้าง
ผมคิดว่า คำถามที่สำคัญกว่า คือ อะไรคือสิ่งที่เหมือนกันของหุ้น 4 ตัวนี้ อะไรคือ Charactor ที่สำคัญของหุ้นที่เราจะถือลงทุนยาวๆได้มากกว่า
สิ่งที่หุ้นทั้ง 4 ตัวนี้มี คือ ทั้ง 4 ตัววางตัวเป็น Infrastructure หลัก หรือ ผู้กำหนดเกมของโลกดิจิตอลทั้งหมด ลองนึกภาพยุค PC ว่า Computer กี่ % ของโลกนี้ที่ run ด้วย Windows, Google กินตลาด Search ไปกี่ % ของทั้งโลก, ระบบปฏิบัติของมือถือทั้งโลกนี้ มีกี่ระบบ แล้ว Application ที่เราๆใช้กันอยู่นี่ Run อยู่บนอะไร
เราไม่จำเป็นต้องไปเดาว่า App อะไรจะปัง MAU ไตรมาสนี้จะเป็นเท่าไหร่ เพราะไม่ว่า App อะไรจะมา ภาพที่น่าจะเกิดขึ้นแน่ๆคือ App นั้นน่าจะต้องต่อเข้ากับ Internet, Run อยู่บน Cloud Computing และสามารถใช้งานผ่าน PC หรือ Smartphone ได้
ฉะนั้น Core port ที่เลือกมา จะประกอบไปด้วยหุ้น 3 ตัว คือ MSFT, AMZN, GOOG ตัวละ 15% ของพอร์ต
MSFT : 15% @338.37
โอกาสในการเติบโตไปได้อีกมาก จากการเติบโตของ Azure และ เป็น Productivity Tools ของโลกนี้ การลงทุนด้าน AI จะยิ่งช่วยให้ Productivity ดีขึ้นและการใช้งานจะย้อนกลับไปที่ Azure อีก เพราะ Workload ของ AI นั้น จะอยู่เป็น Cloud Computing เป็นหลัก
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Switching Costs, Branding
AMZN : 15% @132.21
ธุรกิจหลักของ Amazon คือ AWS และ E-Commerce ในส่วนของ AWS นั้นการเติบโตคงจะคล้ายๆกับ Azure ที่เขียนไปข้างบน ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม คิดว่า ทั้ง AWS และ Azure น่าจะเป็นผู้นำและกินส่วนแบ่งตลาดใหญ่ๆของโลกนี้ได้ (ถ้านับรวม GCP ด้วย ผมคิดว่า น่าจะราวๆ 70% ของโลกนี้)
2
ส่วน E-Commerce นั้น Amazon ครองตลาดหลักเอาไว้ได้ ถึงแม้จะเริ่มมีผู้ท้าชิงอย่าง Social Commerce เข้ามา ก็คิดว่า โครงสร้างหลักๆก็น่าจะยังพอไปได้ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ เราอาจจะเห็นการเสีย Market Share ไปบ้าง แต่คงไม่ได้หนักขนาดจะไม่มีที่ยืนสำหรับ Amazon
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Switching Costs, Branding
GOOG : 15% @133.01
หลายคนมองว่า การมาของ ChatGPT จะทำให้ Google สูญเสีย Market Share จำนวนมาก ผมมองว่า อาจจะมีการเพลี้ยงพล้ำไปบ้าง แต่ว่า Google เองก็สามารถกลับมาสู้ได้อย่างเข้มแข็ง เพราะ Google มีแต้มต่อคือ Data การมี Data จำนวนมหาศาลของ Google น่าจะช่วยให้ Close Gap ตาม Microsoft มาไม่ห่างมากนัก
นอกจากนี้ Google ลงทุนไปมหาศาลใน AI ทำให้ GCP ก็น่าจะได้ประโยชน์จาก AI Wave นี้ด้วย ในส่วนของธุรกิจหลักเดิม ก็ยังคงแข็งแกร่ง เป็นผู้กำหนดเกมของโลก Internet ในหลายๆเรื่อง ตบท้ายด้วย วัฒนธรรมองค์กรที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม น่าจะทำให้ไปต่อได้อีกยาว
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Switching Costs, Branding
Challenger
ผมเลือกหุ้นมา 4 ตัว เป็น 4 ตัวที่ผมชื่นชอบในธุรกิจ อยู่ในต่างกลุ่ม ต่างอุตสาหกรรมกัน แต่ผมมองว่า มี Potential ที่จะขึ้นมามีส่วนสำคัญต่อโลกได้ในอนาคตได้ในระยะยาว แน่นอนว่า มี TAM ที่ใหญ่ Business Model เยี่ยม และมีความสามารถในการแข่งขัน รวมถึง ทีมผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมด้วย
TSLA : 10% @266.44
อยู่ใน Trend ที่สำคัญหลายๆอย่างของโลกนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า ทั้ง EV, Energy, AI ผมเชื่อว่า ผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ยุคต่อไป จะเปลี่ยนจาก Japan / Europe ไปสู่ US / China ถึงแม้ว่าหุ้นจะขึ้นมาเยอะมากแล้ว แต่ถ้าโปรเจคทั้งหลายที่เค้าทำไว้ประสบความสำเร็จ ก็น่าสนใจเหมือกันว่า หุ้นจะขึ้นไปได้แค่ไหน
7 Powers : Scale Economies, Branding, Process Power, Cornered Resource
ABNB : 10% @153.33
การท่องเที่ยวแทบจะกลายเปนปัจจัยที่ 5 ของชนชั้นกลาง การเติบโตของคนกลุ่มนี้ในทุกๆประเทศทั่วโลกช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเติบโตไปได้อีกไกล Platform พิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง ผ่านวิกฤติที่หนักที่สุดของอุตสาหกรรมนี้มาแล้ว มีความเข้าใจ Users เป็นอย่างดี
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Branding
SHOP : 10% @66.04
การประสบความสำเร็จของ E-Commerce Platform อย่าง Amazon ส่งผลอย่างมากต่อการถือกำเนิดของ shopify เพราะ อำนาจของเจ้าของ Platform นั้นมีมากเกินไป ทำให้ผู้ค้าทั้งหลายกลัวที่จะเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนไว้อยู่ในนั้นส่งผลให้ Direct to Consumer คือทางออก และ Shopify คือ ผู้นำในการปลดแอกนี้ เริ่มต้นจากช่วนทำ Website ไปจนถึงดำเนินการให้ทุกอย่าง (ไม่ต่างจากตัวเองเป็น Platform ซะเอง) ผู้บริหารก็มีวิสัยทัศน์ที่ดี กล้าที่จะตัดสินใจเมื่อทำอะไรผิด
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Couter-Positioning, Switching Costs, Branding
RBLX : 5% @38.93
เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Social Media + Gaming แค่นี้ก็น่าจะเห็นได้ระดับนึงว่า TAM ของเค้าใหญ่แค่ไหน ใครมีเด็กในบ้านก็น่าจะพอเห็นภาพคล้ายๆกันว่า มันทรงพลังอย่างไร
ถ้าจะมีข้อเสียเรื่องเดียวของตัวนี้ (เลยทำให้ใส่ position แค่ 5%) ก็น่าจะเป็นเรื่องของ Unit Economic ที่มันยังไม่ชัดขนาดนั้นว่า จะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร เพราะบริษัทยังอยู่ในช่วงของการลงทุนเพื่อระยะยาวอยู่ อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของธุรกิจ ถ้าหากประสบความสำเร็จ น่าจะพอการันตีได้ว่า Unit Economic น่าจะดีแน่ๆ จึงคิดว่า น่าจะเอามาใส่ในพอร์ตได้ คล้ายๆ Home Run Shot ของพอร์ต
7 Powers : Scale Economies, Network Economies, Branding
Tech Immune
คนอื่นอาจจะจำกัดความว่าเป็นกองหลัง เป็นหุ้นแนวหลัง แต่สำหรับผม ผมไม่ได้มองแบบนั้น ผมมองว่า นี่คือธุรกิจที่ดี มีความแข็งแกร่ง และการเติบโตในอนาคตก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดีในระยะยาว
BRK.B : 10% @349.81
ยอมรับว่า เป็นหุ้นที่ตัวเองเคยมองข้าม อย่างไรก็ตาม ยิ่งได้ศึกษาธุรกิจของ BRK มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่าแนวทางการลงทุนของบริษัทเป็นอย่างไร เอาจริงๆ จะเรียกว่า เค้าเป็น Tech Immune ก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะ หลายๆธุรกิจในเครือของ BRK นั้น ก็น้อมรับเอา Tech เข้ามาใช้ได้อย่างเหมาะสม ยิ่งทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
ส่วนเรื่องปู่ที่แก่มากแล้ว ไม่ได้มองเป็นเรื่องที่น่ากังวลนัก เพราะคิดว่าปู่ได้วางตัวกันไว้เรียบร้อยแล้ว และน่าจะสานต่อ DNA ของบริษัทไปได้ ถ้าจะเป็นกังวล น่าจะเป็น Gen ที่ 3 มากกว่า ที่ปู่ไม่ได้เป็นคนเลือกเองกับมือ ไว้ถึงตอนนั้น ค่อยว่ากันอีกที
7 Powers เนื่องจากเป็น Holding Company คงจะวิเคราะห์ 7 Powers ไปก็เท่านั้น คิดว่าการวิเคราะห์ผู้บริหารและปรัชญาการลงทุนน่าจะเหมาะกว่า
MC.PA (LVMH Holding) : 10% @841.20 euro
ถ้าจะมีธุรกิจไหนที่สามารถจะ Immune ต่อ Tech ได้ชัดๆก็น่าจะเป็นกลุ่มสินค้า Luxury นี่แหละ ตราบใดที่มนุษย์ยังจำเป็นต้องสีบพันธ์เพื่อขยายเผ่าพันธ์และระบายกิเลสตัณหาต่อไป สินค้ากลุ่มนี้ก็ยังจะมีที่ยืนต่อไปในอนาคต ยิ่ง LVMH เป็นกลุ่ม Holding ที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแล้ว ยิ่งมั่นใจได้ว่า น่าจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ได้เป็นแค่ตามกระแสชั่วครั้งชั่วคราวของแบรนด์แค่บางแบรนด์
7 Powers : Scale Economies, Branding
โดยสรุป คัดหุ้นเข้ามาได้ทั้งหมด 9 ตัว
MSFT AMZN GOOG TSLA ABNB SHOP RBLX BRK.B MC.PA
ไว้เด๋วสิ้นปีนี้ เอามาดูกันอีกทีว่า แต่ละตัวเป็นยังไงกันบ้าง (แต่เอาตรงๆ ไม่คิดว่าจะมีไรเปลี่ยนแปลงนะ แค่ไม่กี่เดือน ภาพใหญ่น่าจะไม่ต่างจากเดิม)
อย่าลืมว่า นี่คือพอร์ต 10 ปี แค่อยากจะลองทำมา แล้วก็รีวิวให้ดูกันสั้นๆ เผื่อพอเป็นไอเดีย แต่ระยะสั้น ไม่รู้ฮะ ตัวใครตัวมันฮะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา