Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
•
ติดตาม
19 ส.ค. 2023 เวลา 12:49 • การ์ตูน
EP : 168 ตราบวันฟ้าใส March comes in like a lion (repost)
มังงะที่นำเสนอการแข่งขันบนกระดานเล็กๆเท่าที่ผมจำได้ผมรู้สึกว่ามีไม่กี่เรื่องนะครับ น่าจะน้อยเอามากๆ ที่มีคนรู้จักมากที่สุดก็น่าจะเป็น ฮิคารุ เซียนโกะ นะครับ เรื่องนั้นโด่งดังมากๆในบ้านเรา ซึ่งผมก็ชอบมากเช่นกัน ด้วยการผูกเรื่องเกี่ยววิญญาณในอดีตที่ใฝ่หาคนที่จะมาเป็นคู่แข่งบนกระดานโกะที่ไม่มีวันสิ้นสุดจนได้มาพบเด็กน้อยที่ต้องชะตาและนำไปสู่โลกแห่งการต่อสู้อันสง่างามบนกระดานโกะหรืออีกชื่อหนึ่งคือหมากล้อม
ซึ่งเรื่องนี้ด้วยความสามารถของอ.ผู้เขียน ทั้งลายเส้น การผูกเรื่อง การนำเสนอทำออกมาได้ไร้ที่ติ การเขียนชวนให้ผู้อ่านติดตามอ่านด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก ผู้อ่านอย่างเราจึงไม่เบื่อเลยในการอ่านแต่ละตอน แม้จะไม่เคยเล่นหรือรู้จักหมากล้อมมาก่อนเลยก็ตามที
ที่ผมยกเรื่องฮิคารุเซียนโกะมานั้นเพราะเรื่องที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระดานไม้เล็กๆเช่นกัน แม้มันจะไม่ใช่หมากล้อม แต่เป็นหมากรุกญี่ปุ่น ที่คนไทยอย่างเราไม่เคยเล่นหรือรู้จักกันเช่นกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกับเรื่องฮิคารุนั่นก็คือชั้นเชิงและความเก่งของอ.คนเขียนที่สามารถทำให้เรื่องนี้สนุก
แม้ความสนุกนั้นจะแตกต่างจากฮิคารุโดยสิ้นเชิงก็ว่าได้ หากเรื่องฮิคารุเรารู้สึกได้ถึงความสนุกในการดำเนินเรื่องแล้วละก็เรื่องนี้เราจะรู้สึกถึงความเศร้าที่เกาะกินหัวใจพร้อมกับแสงและความอบอุ่นที่แทรกตัวให้หัวใจของเราสัมผัสถึงมันได้
เรื่องราวของตราบวันฟ้าใส เริ่มขึ้นเมื่อ คิริยามะ เรย์ ต้องสูญเสีย พ่อ แม่ และน้องสาวในคราวเดียวกัน ในขณะที่ตัวเองกำลังอยู่ในอามรณ์เสียใจ อ้างว้าง สับสน ทำตัวไม่ถูกและกำลังถูกบรรดาญาติๆเกี่ยงในการดูแลนั้น เพื่อนคนนึงของพ่อเรย์ ก็ได้ยื่นมือพร้อมกับถามเขาว่า เขาชอบเล่นหมากรุกญี่ปุ่นไหม ด้วยความที่ตัวเรย์นั้นเคยเล่นหมากรุกกับพ่อของเขาเป็นระยะ และเคยเล่นกับเพื่อนพ่อคนนี้ด้วย
เขาจึงตอบไปว่าชอบ แต่เอาเข้าจริงเหตุผลในการตอบของเด็กคนนี้ก็เพียงแค่ ไม่อยากจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว และจากคำตอบของเขานั้น เขาก็ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของ โคดะ ด้วยการที่เขามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านที่มี ลูกสาวและลูกชายอยู่แล้ว เขาจึงต้องทำตัวดีและฝึกฝนหมากรุกอยู่ตลอดเวลาเพราะสำหรับคนบ้านนี้แล้ว นอกจากคุณพ่อที่เป็นคนเล่มหมากรุกมืออาชีพแล้ว
ทั้งลูกสาวและลูกชายก็ถูกคาดหวังและสอนหมากรุกเพื่อที่จะให้เป็นมืออาชีพเหมือนพ่อเมื่อโตขึ้น หากแต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่นของเรย์ ทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ในบ้านหลังนี้เกิดขึ้น เรย์กลับทำให้ลูกสาวและลูกชายที่อยู่ในบ้านหลังนี้รู้สึกว่าพ่อเอาใจเรย์มากกว่า เพราะเรย์เก่งกว่าเขา จนเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ในบ้านเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
เรย์ผู้คิดมากเขารู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ในครอบครัวนี้และสถานการณ์แบบนี้ ทำให้เขาเร่งฝึกฝนเกมส์หมากรุกนี้เพื่อที่จะยืนด้วยขาของตัวเองได้โดยไม่พึ่งใคร และเรย์ก็สามารถเป็นมืออาชีพหมากรุกได้ ด้วยวัยเพียง 15 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ทำได้ในอายุ 15 ปีนี้ ทำให้เขาถูกคาดหวังว่าเขาจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของวงการหมากรุกได้ซักวันหนึ่งเหมือนกับที่ 4 คนก่อนหน้านี้ทำได้ นั่นคงเป็นอนาคตที่เป็นไปได้หรือไม่ เรย์ไม่รู้
แต่ที่เขารู้คือเขาสามารถใช้อาชีพนี้เลี้ยงหาตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น เขาจึงขอย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น แม้เขาจะรู้สึกดีกับครอบครัวนี้แค่ไหน แต่ความทุกข์ที่เขาแบกไว้มันหนักหนากว่าที่คนอื่นคิดไว้
เรย์ได้เลือกที่อยู่ในห้องริมน้ำในเมืองๆนึง แม้เขาจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวได้ตามที่เขาหวัง แต่โลกที่ตอนนี้เขาเจออยู่มันเป็นโลกแห่งความโดดเดี่ยว และอ้างว้างเกินไปสำหรับเด็กอายุ 15 ปี จนวันนึงเขาได้รู้จักครอบครัว 3 สาวครอบครัวนึง ที่ต่อไปนี้เขาจะต้องมาเกี่ยวข้องในหลายๆด้าน และช่วยให้เขาได้เข้าใจโลกที่เขาไม่เคยเข้าใจ ขณะเดียวกัน ตัวเขาเองต้องก้าวไปสู่การแข่งขันที่ตัวเขาต้องการไปสู่จุดสูงสุดให้ได้ แต่หนุ่มน้อยอายุ 15 ปีคนนี้จะทำได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจของเขาเต็มไปด้วยม่านหมอกและฝนที่ตกอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเนื้อเรื่องย่อที่ท่านได้อ่านไป เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต พร้อมกับเรียนรู้ชีวิต ทั้งการใช้ชีวิตของตัวเองและการไต่อันดับขึ้นไปสู่ตำแหน่งบนของการเล่นหมากรุกญี่ปุ่น ด้วยประสบการณ์ที่เรย์นั้นได้พบมา รวมกับความที่เขาเป็นคนที่อ่อนไหวในเรื่องพวกนี้เราจึงพบบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเรย์ในจังหวะต่างๆ และการรับมือไม่ถูกเมื่อเจอปัญหาที่ไม่ได้ใหญ่อะไรแต่ด้วยเขาไม่ค่อยมีความสามารถในการรับมือเวลาเจอคนอื่น
ทำให้เราได้อ่านเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความเศร้าและหว้าเหว่ตามที่ผมบอก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยได้เจอในการ์ตูนเรื่องอื่น คือถ้าไม่เจอแบบดิบๆ ดาร์กๆ ไปเลยก็จะเจอเบาสมองไปซะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โทนการ์ตูนออกแนวหม่นๆ เพราะความหม่นๆ นี้บางทีมันยากที่จะขายครับ ลูกค้าที่เป็นสายดาร์กๆเลย อาจมองว่าเรื่องนี้มันเป็นปัญหาที่เบาหรือมันเป็นความดราม่าที่ไม่ได้หนักอะไร แต่ผมบอกได้เลยว่าด้วยการนำเสนอและรายละเอียดดีเทล์ที่ครบในทุกอย่างความดราม่าในเรื่องนี้จึงเป็นดราม่าที่น่าติดตามเอามากๆ
ในเรื่องนี้ไม่มีฉากคนตายหรือฉากแหวะอะไรให้เรารู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันเป็นโทนเศร้าๆนะ และเอาเข้าจริงๆ ถ้าดูจากหน้าปก ผมยังรู้สึกว่ามันดูอบอุ่นซะด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้อ่านการ์ตูนในแต่ละตอนแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความเศร้าตามที่เนื้อเรื่องต้องการสื่อสาร ในขณะที่ผมไม่รู้สึกอยากวางการ์ตูนเรื่องนี้เลย อยากอ่านมันต่อไปเรื่อยๆ นี้คือความเจ๋งของเรื่องนี้ครับ ผมไม่เจอการ์ตูนแนวนี้ที่สามารถสื่อออกมาได้อย่างทรงพลังและน่าติดตามขนาดนี้มานานมากแล้ว
อย่างที่บอกว่าหลายเรื่องเอาพลังจากภาพที่ดิบและดาร์กมาทำให้เนื้อเรื่องดาร์กหรือหม่นตามที่ต้องการสื่อ บางเรื่องใช้คำพูดและบทการสนทนาในเรื่องทำให้รู้สึกว่าเราตรึงเครียดกับในเรื่องนั้น แต่เรื่องนี้มันพิเศษกว่า เพราะภาพแม้สดใสในหลายๆฉาก แต่มันกลับปักเข้าไปในใจให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดของตัวเอกที่เขาต้องเจอ ในขณะที่บทพูดก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเรียงร้อยเหมือนกับบทละคร เหมือนกับโคลงกลอน เหมือนกับดวงดาวเพื่อระบายความในใจของตัวเรย์ที่เขาต้องเจอในตอนนั้น มันสวยงามและลึกซึ้งมากๆครับ
แต่มันไม่ใช่มีแค่ความหม่นหรือเศร้าอย่างเดียวในเรื่องนี้ครับ มันยังมีความสว่างและความอบอุ่นที่แทรกอยู่ในเรื่องนี้เป็นระยะ เสมือนคอยตอบคำถามของเรย์เสมอเมื่อเขาคิดว่าถึงสิ่งที่เขาเจอ ความเศร้าที่เขากำลังรู้สึก ก็จะมีความอบอุ่นบางอย่างแทรกเอาให้เรย์รู้เสมอว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่เขาคิดเลย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้แม้แกนหลักมันคือความเศร้าหมองหม่นของตัวเรย์ แต่ตัวเรย์ก็กำลังเรียนรู้ที่จะรับความอบอุ่นและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างคนรอบข้างกับตัวเขาครับ
สิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากนอกจากบทในแต่ละตอน การนำเสนอแต่ละช่วงแล้วก็มีเรื่องบทสนทนาที่ผมชื่นชอบมากๆ รวมถึงบทการรำพึงรำพันของตัวเรย์เองที่เปรียบเปรยได้อย่างเสียดแทง ตรงเข้าหัวใจคนอ่านและบอกสามารถบอกเล่าถึงความทุกข์ที่เขาได้เจอหรือกำลังเจอ ซึ่งตรงนี้ต้องขอชื่นชมผู้แปลเรื่องนี้เป็นอย่างมากที่สามารถเรียงร้อยให้เป็นภาษาไทยได้อย่างงดงามเป็นที่สุด
อีกส่วนนึงที่ห้ามมองข้ามก็คือ ภาพวาดซึ่งผมชอบเอามากๆ แม้จะมีลายเส้นออกแนวผู้หญิงแต่มันไม่ได้ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ไปไม่สุดเลย กลับช่วยสร้างภาพที่ดูอบอุ่น สวยงาม สอดคล้องไปกับเนื้อเรื่องและบทละคร รวมถึงฉากในแต่ละตอน แต่ละหน้าที่วาดออกมาได้อย่างสุดยอด เต็มไปด้วยลายละเอียดเสมอจริง จนผมเองตั้งความหวังไว้ว่าจะไปเยือนถิ่นต้นแบบฉากในการ์ตูนเรื่องนี้เลยครับ เพราะวาดออกมาได้สวยมากอย่างที่บอก
และแม้ผมพูดไปเยอะขนาดนี้ แต่สิ่งที่ผมไม่มองข้ามเวลาหาอ่านการ์ตูนดีๆซักเรื่อง เรื่องนี้ก็ยังมีอยู่แบบที่ควรมี นั่นคือความอารมณ์ขัน ของตัวละครในเรื่อง ซึ่งแทรกออกมาได้อย่างดีมากๆ แม้ผมจะพูดเกี่ยวกับความสนุกตรงนี้น้อยไปหน่อย แต่อยากจะบอกว่านี่คือตัวอย่างของการลงตัวในทุกๆ ส่วนที่ควรยึดเป็นแบบแผนของการ์ตูนดีๆซักเรื่องนึงครับ
ตราบวันฟ้าใส เขียนโดย อ.ชิกะ อุมิโนะ ในไทยเจ้าของลิขสิทธิ์คือ สนพ เนชั่น ซึ่งน่าเสียดายอย่างมากที่โดยรอยแพ ออกมาแค่ 6 เล่มเองครับ ซึ่งเข้าใจนะครับว่าเรื่องแนวนี้มันยากที่จะขายได้ในตลาดบ้านเรา 6 เล่มนี้ อาจหาไม่ง่ายในตลาด แต่อยากจะบอกว่ามันคือ 6 เล่มที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกในคราบของความเศร้าและการนำเสนอที่ไปได้สุดของสิ่งที่ต้องการเสนอครับ
จนผมเองอยากจะบอกว่านี่คือหนึ่งในการ์ตูนที่ทุกคนควรอ่านมากที่สุดเรื่องนึงและ ไม่ควรพลาด ไม่อยากให้พลาด แม้มันไม่จบ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะมาบอกว่ามันไม่ควรหยิบเรื่องนี้มาอ่านครับ มันคือความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งภาพ ลายละเอียด บทพูด การนำเสนอ ที่มีครบทุกรสชาติ ทั้งเศร้า รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความหวังของใครซักคนครับ ผมพูดขนาดนี้ อย่ามองข้ามเรื่องนี้เลยนะครับ
ปล อาจพูดวกวนไปเรื่อยๆ ขออภัยจริงๆครับ พิมพ์ตามที่รู้สึกตอนนี้ เรียบเรียงไม่ถูกแค่อยากบอกว่ามันดีจริงๆนะเรื่องนี้เท่านั้นครับ
ลายเส้น 10/10
เนื้อเรื่อง 10/10
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #ยังไม่จบ #NED #การ์ตูนแนวหมากรุกญี่ปุ่น #การ์ตูนแนวดราม่า #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวสะท้อนสังคม #10คะแนน #ตราบวันฟ้าใส #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง4
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย