ทำไม Warren Buffett บอกว่า เขาก็แค่นักลงทุน “ธรรมดาๆ”?
บทเรียนที่สอนว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องตัดสินใจถูกต้องเสมอไป
ในจดหมายถึงนักลงทุนปีล่าสุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุน “ธรรมดา” (so-so) คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?
ถ้าถามนักลงทุนในปัจจุบัน เวลาพูดชื่อของบัฟเฟตต์ทุกคนจะทราบดีว่าเขาเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัยนี้ หลังจากเป็นเจ้าของเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทสิ่งทอที่กำลังมีปัญหาในปี 1965 และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเครือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 28 ล้านล้านบาท
ตลอดเกือบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมาระหว่าง 1965 - 2022 หุ้นของบริษัทเติบโตเฉลี่ยกว่า 19.8% ต่อปี ในขณะที่ S&P 500 นั้นให้ผลตอบแทนที่ราวๆ 9.9% ต่อปีเท่านั้น (ซึ่งรวมปันผลไปแล้ว)
แม้จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ บัฟเฟตต์ก็ยังคงเรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนธรรมดาๆ คนหนึ่งอยู่ดี หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นการถ่อมตัวของคนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งมากๆ รึเปล่า? ความจริงเหตุผลนั้นก็อาจจะมีส่วน แต่สำหรับบัฟเฟตต์เขาก็มีเหตุผลอื่นด้วยและมันก็เป็นบทเรียนที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนที่อยากประสบความสำเร็จทุกคน
ความสำเร็จที่มากมาย ทรัพย์สิน เงินทองและชื่อเสียงของบัฟเฟตต์ ทำให้เราเข้าใจกันไปว่าบัฟเฟตต์ต้องเป็นนักลงทุนที่ไม่เคยผิดพลาดหรือผิดพลาดน้อยมากๆ แถมยังมีชื่อเล่นที่คนตั้งให้ว่าเป็น “เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา” เพราะฉะนั้นเขาก็คงต้องรู้ทิศทางของอนาคตอย่างแน่นอน แต่ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปีนี้เขากลับบอกว่า
“ใน 58 ปีของการบริหารงานที่เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ การตัดสินใจจัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ของผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าแค่ ‘ธรรมดาๆ’ เท่านั้น ในบางกรณีการลงทุนที่ไม่ดีของผมก็มีโชคก้อนโตเข้ามาช่วยให้รอดตายด้วย”
แน่นอนครับเราอาจจะบอกว่าบัฟเฟตต์คงให้เครดิตตัวเองน้อยไปสักนิด ถ้าเป็นครูก็คงเข้มกับตัวเองเกินไปซะหน่อย แต่เขาก็แชร์การลงทุนแย่ๆอย่างเคสของ USAir และ Salomon Brothers ที่กว่าจะแก้ไขได้ก็ใช้เวลานานและเสียเงินไปไม่น้อย หรืออย่างตอนซื้อ Heinz ปี 2013 และไปรวมกับ Kraft Foods ในปี 2015 จนกลายเป็น KraftHeinz แล้วเข้าตลาดหุ้นในราคา 71 เหรียญ/หุ้น
ตอนนั้นตลาดกลับไม่เป็นไปตามคาด เพราะความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยน หุ้นร่วงลงมาเรื่อยๆ 7 ปีต่อมาซื้อขายกันอยู่ที่ราวๆ 35 เหรียญ/หุ้น แม้บัฟเฟตต์ตอนนี้ก็ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่ในเวลานี้ แต่ตัวอย่างเหล่านี้ก็ทำให้เห็นได้ว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจถูกต้องเสมอไป
เพราะฉะนั้นสิ่งที่บัฟเฟตต์พยายามจะบอกนักลงทุนก็คือว่าการลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องตัดสินใจถูกต้องทุกครั้ง ในจดหมายถึงนักลงทุนก็บอกต่อว่า “ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจของเรานี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการตัดสินใจดีๆ สักประมาณโหลหนึ่ง นั่นหมายถึงการตัดสินใจดีๆ สักครั้งทุกๆ 5 ปี และเป็นข้อได้เปรียบที่บางครั้งก็ถูกลืมซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนระยะยาวอย่างเบิร์กเชียร์”
บัฟเฟตต์ยกตัวอย่างสองหุ้นอย่าง American Express และ Coca-Cola ที่เบิร์กเชียร์เข้าไปลงในตั้งแต่ช่วง 90’s
ในปี 1994 เบิร์กเชียร์ซื้อหุ้น Coca-Cola ไป 400 ล้านหุ้น ด้วยเงินราว 1,300 ล้านเหรียญ ตอนนั้นได้ปันผลราวๆ 75 ล้านเหรียญจากหุ้นจำนวนที่ซื้อไป พอมาในปี 2022 หุ้นที่ซื้อไว้นั้นมีมูลค่าราวๆ 25,000 ล้านเหรียญ และปันผลอย่างเดียวโตมาเป็น 704 ล้านเหรียญ
หลังจากซื้อ Coca-Cola หนึ่งปี เบิร์กเชียร์ซื้อหุ้นของ American Express ด้วยเงิน 1,300 ล้านเหรียญ ในปี 1995 และได้ปันผลจากหุ้นในตอนนั้นราว 41 ล้านเหรียญ หุ้นของ American Express ในตอนนี้มีมูลค่าราว 22,000 ล้านเหรียญ และปันผลที่ได้ปีที่แล้วคือ 302 ล้านเหรียญ
ในมุมนี้การที่บัฟเฟตต์บอกว่าตัวเองเป็นนักลงทุนธรรมดาๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นการพยายามลดคุณค่าของตัวเองลง แต่เป็นการบอกนักลงทุนคนอื่นๆว่ามันเป็นเรื่อง “ปกติ” ที่จะลงทุนพลาด ซึ่งคงไม่มีใครในโลกนี้เลยที่ไม่เคยพลาด ไม่เว้นแม้แต่เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮาเองด้วยซ้ำ
ตราบใดที่เรามีบริษัทที่ดี ที่สามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว มีกรอบความคิดของการลงทุนแบบระยะยาว มันจะสร้างผลลัพธ์กลับมาในทางบวกมากกว่า ถ้าให้เปรียบเทียบก็อาจจะเป็นบริษัทลงทุนที่ให้เงินสตาร์ตอัป เราอาจจะเห็น 7-8 สตาร์ตอัปที่ล้มหายตายจากไปจาก 10 แก่ง แต่ก็จะมีสัก 1-2 แห่งที่ประสบความสำเร็จก็จะสร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับนักลงทุนอยู่ดี
บทเรียนของเรื่องนี้ก็คือว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องชนะตลอด แต่ถ้าตัวที่ชนะเพียงไม่กี่ตัวสร้างผลตอบแทนที่ดีมากๆ และเราอยู่ในตลาดไปยาวๆ หลายสิบปี โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจเหมือนกับบัฟเฟตต์ก็น่าจะเกิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
#aomMONEY #Investment #WarrenBuffett #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #การลงทุน #แนวคิด #การลงทุน #การลงทุนแบบเน้นคุณค่า #ValueInvestor
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
