24 ส.ค. 2023 เวลา 23:00 • ปรัชญา

การพยากรณ์ดวงชาตาเดิม (1) -ep.34

ดวงชาตาเดิม หรือ พื้นดวงชาตากำเนิด คือดวงชาตาที่ถือกำเนิดขึ้นมาบน “พื้นเพของตน” เป็นเครื่องบอกฐานะ ความเป็นอยู่ อนาคตจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำเพียงใด โดยดูจากแผ่นดวงชาตาที่ผูกและวางลัคนาไว้ ซึ่งจะแสดงตำแหน่งดาวเคราะห์ทั้ง 10 ดวงขณะที่ถือกำเนิด มีการวางลัคนาไว้ว่าอยู่ในราศีอะไร
( ลัคนาอยู่ราศีอะไร ก็เริ่มนับราศีนั้นเป็นภพตนุ คือเป็นภพเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าชาตา ) เกิดฤกษ์อะไร ดาวอะไรเป็นตนุเศษ ฯลฯ สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษา ขอแนะนำให้ใช้ดวงชาตาตัวเองในการศึกษา ใช้ดวงชาตาของตนเองเป็นครู
เพราะจะเข้าใจและเปรียบเทียบของจริงได้ถ่องแท้กว่า ผู้ใดยังไม่เข้าใจดวงชาตาตนเองอย่างถ่องแท้ ก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจโหราศาสตร์
การพยากรณ์ ให้เริ่มด้วยขั้นตอนที่สำคัญ 3 ขั้นตอน ดังนี้.-
15.1 ขั้นตอนการวิเคราะห์ดาว - ขั้นตอนนี้จะต้องรวบรวมข้อมูล โดยการตรวจสอบดาวทั้ง 10 ดวงในแผ่นดวงชาตา ว่ามีดาวอะไร อยู่ในราศีอะไร มีคุณภาพอย่างไร มีความสัมพันธ์กันเอง ในเรื่องกุม เล็ง โยค ตรีโกณ อย่างไรบ้าง เป็นดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล หรือคู่ศัตรูกันบ้างหรือไม่ ราศีธาตุมีผลเพิ่มหรือลดคุณภาพอย่างไรบ้าง รวมทั้งผลจากดาวสลับเรือนเกษตร
เรียกได้ว่าจะต้องใช้ความรู้พื้นฐานทั้งหมด ที่ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้น ในขั้นตอนนี้
จากนั้นจะต้องวิเคราะห์คุณภาพดาวทั้ง 10 ดวง ว่าจะมีการเพิ่มหรือลดคุณภาพอย่างไรบ้าง ผลเดิมเป็นอย่างไร ผลสุดท้ายเป็นอย่างไร จะต้องวิเคราะห์ในขั้นตอนนี้ให้จบก่อน และจะต้องจำ ที่มาที่ไปของขั้นตอนนั้นๆ ให้ได้ด้วย
เช่น.- ดาวเป็นประเกษตร เล็งกันกลายเป็นเกษตรทั้งคู่ ต้องจำให้ได้ทั้งคุณภาพเดิมและคุณภาพภายหลัง เพราะขั้นตอนการวิจารณ์ดาวและการพยากรณ์จะต้องใช้ทั้ง 2 กรณี
( ความพิสดารยอกย้อนและความลึกซึ้งของวิชาโหราศาสตร์ไทย อยู่ที่การตีความขั้นตอนตามลำดับเหล่านี้ ซึ่งจะให้ผลการพยากรณ์ที่ละเอียด และแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ )
**การวิเคราะห์ เพิ่มลดคุณภาพดาวได้กล่าวไว้ในหลายแห่ง เพราะมีรายละเอียดมาก ( ส่วนหนึ่งอยู่ตอนท้ายของบทนี้ ในเรื่องการพยากรณ์ภพตนุ )
15.2 ขั้นตอนการตรวจสอบลัคนา - การพยากรณ์จริงๆ จะต้องเริ่มต้นด้วยขั้นตอนนี้ทุกครั้ง สำหรับดวงชาตาที่ยังไม่เคยตรวจสอบ หรือยังไม่แน่ใจ เพราะถ้าลัคนาไม่ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนไปทั้งหมด
ถึงแม้จะรู้เวลาเกิดแน่นอน ชัดเจนขนาดไหน แต่ถ้าดูแล้วไม่ตรง ก็จะไม่ใช้วิธีดูดวงซ้อนดวง ดูข้อยกเว้นต่างๆ แต่จะใช้วิธีย้ายลัคนาเดินหน้าหรือถอยหลัง 1 ราศี ราศีไหนดูแล้วถูกต้อง ก็ใช้ราศีนั้นเลย
( บางครั้งคุณภาพดาวและความสัมพันธ์ของดาว อาจให้ผลคล้ายคลึงกันมากๆ ทั้ง 2 ราศี ไม่ว่าลัคนาจะอยู่ราศีไหน แต่จะต้องมีความแตกต่างกันในรายละเอียด จะไม่มีเหมือนกันทุกประการ ผู้พยากรณ์จะต้องจับจุดให้ได้ )
สำหรับผู้เริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทย ที่ต้องใช้ดวงชาตาตัวเองเป็นครู ในการตรวจสอบลัคนา ก็จะต้องพิจารณาด้วยใจเป็นกลาง อย่าเข้าข้างตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่มักเข้าข้างตัวเอง หรือไม่เข้าใจตัวเอง หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน มากหรือน้อยกว่าความเป็นจริง การคิดเช่นนั้น จะทำให้ไม่เข้าใจวิชาโหราศาสตร์อย่างถ่องแท้
แต่จริงๆแล้วคนที่จะเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ แทบจะไม่มี เพราะตรรกะและอีโก้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเข้าใจตนเอง ถือเป็นอัจฉริยภาพ 1 ใน 8 ด้านของมนุษย์ และถือว่าเป็นด้านที่มีความสำคัญมากที่สุด ตามข้อสรุปของศาสตราจารย์ด้านสมองจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด
ผู้ใดมีอัจฉริยภาพในด้านนี้จะถือว่าโชคดีที่สุด เป็นพรสวรรค์อันสูงสุดแล้ว ดังนั้นการไม่เข้าใจตัวเอง ในบางเรื่อง บางครั้ง หรือหลายๆเรื่องหลายๆครั้ง จึงเป็นเรื่องปกติ ทางที่ดีจึงควรรับฟังความคิดเห็น จากคนอื่นบ้างในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี
ส่วนกรณีการพยากรณ์ดวงชาตาให้ผู้อื่น ในขั้นตอนการตรวจสอบลัคนานี้ จำเป็นจะต้องมีการสังเกตอากัปกิริยา หรือกิริยาท่าทางของคนผู้นั้น ( เรียกว่า “เจ้าชาตา” ) รวมทั้งต้องมีการพูดคุย สอบถามในบางประเด็น เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้น เพื่อการตรวจสอบและพยากรณ์ให้แม่นยำ จำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าชาตาพอสมควร
เปรียบเสมือนแพทย์สอบถามอาการคนไข้ เพื่อวินิจฉัยโรค ถ้าคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะวินิจฉัยได้ยาก หรือวินิจฉัยไม่ได้เลย หรือวินิจฉัยผิดพลาดได้ ( ในบางกรณี ) คนไข้แบบนี้เหมาะที่จะส่งไปหาสัตว์แพทย์ ที่ไม่จำเป็นต้องถามอาการ วินิจฉัยผิดพลาดก็ไม่มีใครว่า
เจ้าชาตาที่ไม่ให้ความร่วมมือ หรือการพยากรณ์ลับหลัง ที่ไม่มีโอกาสซักถามข้อมูล โดยทั่วไปมักจะไม่มีใครยอมพยากรณ์ให้ เพราะโอกาสผิดพลาดมีมาก นอกเสียจากว่า จะพยากรณ์โดยคิดค่าพยากรณ์เป็นครั้ง หรือจับเวลาคิดเงิน จะผิดพลาดอย่างไร พยากรณ์ใหม่ก็คิดเงินใหม่
แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า การตรวจสอบลัคนาจะยากมากสำหรับเด็ก หรือคนที่อายุยังน้อย คนที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นในชีวิต หรือไม่ค่อยมีลักษณะนิสัยที่เด่นชัด การสอบลัคนาอาจคลาดเคลื่อนได้มาก ทั้งๆที่รู้เวลาเกิดชัดเจนเป็นนาทีหรือวินาที
แต่โบราณกาล จึงมีข้อห้าม ไม่ให้พยากรณ์ดวงชาตาเด็กทารก ก็เพราะกรณีเช่นนี้ และไม่ต้องการให้เกิดอคติกับเด็ก เห็นว่าดีก็ตามใจมากเกินไป หรือเห็นว่าร้าย ก็เข้มงวดมากเกินไป จนเด็กเสียคน ชาตาชีวิตเปลี่ยนไป ( เปลี่ยนลัคนาโดยชาตาเด็กเอง + สิ่งแวดล้อม )
การตรวจสอบลัคนา ถือเป็นการเริ่มต้นการพยากรณ์แล้ว เป็นการพยากรณ์เบื้องต้น จับหลักใหญ่ใจความ เหมือนขี่ม้าเลียบค่าย สำรวจชัยภูมิ เมื่อจับประเด็นได้ลัคนาที่แน่นอน ก็จะเป็นการพยากรณ์ไปส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนอื่นๆก็จะตามมาและมีความแม่นยำ มีความมั่นใจมาก แม้บางอย่างยังไม่ปรากฏผล ก็สามารถคาดการณ์ได้
การตรวจสอบลัคนา ก็คือการพยากรณ์พื้นดวงชาตา เพียงแต่เป็นการตรวจสอบหลักๆ ตรวจสอบอย่างกว้างๆ และยังใช้ได้ดีกับดวงชาตาบุคคล ที่ไม่รู้เวลาเกิดที่แน่นอนอีกด้วย
เมื่อได้ลัคนาจากการผูกดวง หรือจากการสันนิษฐานเบื้องต้นแล้ว ก็เริ่มพยากรณ์ตามลำดับต่อไป เมื่อผลการพยากรณ์ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริง ยิ่งถูกมาก ก็จะยิ่งมั่นใจมาก มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงมั่นใจที่สุด ถ้ายังไม่หมดข้อสงสัย ก็ถือว่าลัคนานั้นยังไม่เป็นที่ยุติ ต้องตรวจสอบกันต่อไป จะเห็นได้ว่าขั้นตอนนี้มีความสำคัญและมีความจำเป็นมาก เป็นหัวใจของการพยากรณ์เลยทีเดียว
ความจริงการตรวจสอบลัคนา จะต้องมีความรู้ความชำนาญพอสมควรแล้ว จึงจะทำได้ แต่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก จะต้องตรวจสอบและคำนึงถึงทุกครั้งที่มีการพยากรณ์ดวงชาตา จึงจำเป็นต้องยกขึ้นมากล่าวก่อน หากยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็ให้อ่านผ่านไปก่อน เมื่อศึกษาหัวข้อการพยากรณ์เข้าใจแล้ว และกลับมาศึกษาใหม่ ก็จะเข้าใจได้เอง
โฆษณา