21 ส.ค. 2023 เวลา 08:08 • นิยาย เรื่องสั้น

#หนังสือที่อ่านจบวันนี้ "กล่องไปรษณีย์สีแดง" ของ อภิชาติ เพชรลีลา

พิมพ์ครั้งที่ 11 ตุลาคม 2563 สำนักพิมพ์นกดวงจันทร์ :ไร้เลขหน้า-ไร้สารบัญ
*โน้ต : กล่องไปรษณีย์สีแดงมีภาคสอง เก้าปีต่อมา
อีกเล่มที่น่าอ่านคือ "ฉันขังความรักไว้ในหนังสือ"
-------------------------------------------------------------------
ผู้เขียนจบจีออ(ภูมิศาสตร์)ที่ มช. เนาะ ซึ่งก็มีวัฒนธรรมการรับน้องแปลกๆ ผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเล่นจริงๆ ชื่อว่า "ปิง" ตอนประถมผมเรียกมันว่า "เอก" ตามชื่อจริงเอกรินทร์ พอเข้าจีออปุ๊บได้ชื่อใหม่ว่าไอ้ "ตะไคร้" เคยโทรมาขอผมว่า "กูขอได้ไหมคนเนี้ย กูรักเขาจริงๆ" "มึงไปถามเค้าเองดิ" ผมโบ้ยให้แฟนผมตอบแทนเมื่อเอกหรือปิงดันมีรักแท้กับแฟนผม แต่ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรกัน
เพราะในวันยี่เป็งหรือที่คนไทยภาคกลางรู้จักกันในนาม "วันลอยกระทง" ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียวแถวตลาดเมืองใหม่ อยู่ใต้ตีนสะพานข้ามถนนอีกฟากฝั่งเป็นแม่น้ำปิง "ตะไคร้ชวนผมร่วมดื่ม" กับชาวจีอออย่างไม่ถือสา มีทั้งเบียร์ทั้งเหล้าน้ำขาว "คล้ายโซจูโยเกิร์ตเลย" เมาได้ที่ก็ปาระเบิดประทัดแข่งกันกับชาวไทยหลากหลายชาติพันธุ์ มองไปที่ท้องฟ้าเห็นทั้งแสงเดือนและแสงไฟจากโคมลอยทั่วทุกสารทิศ
ผมไม่ใช่คนโรแมนติค ผมแค่ชอบจดจำเรื่องราวในอดีต แต่อภิชาติ หรือไม่ก็ไอ้ไข่ย้อยนี่ยิ่งกว่าผมไปมาก เขาทั้งฟื้นฝอยอดีตไม่พอ ยังโรแมนติคได้ทุกซอกทุกมุมของความนึกคิดและความรู้สึก
.....
นิยายขนาดสั้น ที่เป็นการเขียนจดหมายถึงผู้หญิงอันเป็นที่รัก "ดากานดา" แต่เราคงเคยดูหนังกันมามากพอแล้วใช่ไหมว่าพวกเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แม้ว่าในท้ายที่สุดดากานดาจะเลิกกับโก้แฟนหนุ่มไปแล้วก็ตาม รายละเอียดระหว่างหนังกับนิยายมีข้อแตกต่างในฐานะงานศิลปะคนละแบบ แต่ Point of View เดียวกันคือแม่งเล่าจากพ่อหนุ่มเซอร์ๆ ติสต์แตกไม่มีอะไรจะแดก แข็งทื่อไม่มีวันยืดหยุ่น ส่วนตัวตั้งคำถามถึงพี่อภิชาติว่าทำไมถึงข้ามฝั่งไปไกลถึงวิจิตรศิลป์ ทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่แถวคณะสังคม-มนุษยศาสตร์
.
พล็อตเรื่องเดิมๆ คือผู้ชายคนหนึ่งแอบรักเพื่อนสนิท และพยายามก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปให้ได้ แต่ด้วยบุคลิก และนิสัยใจคอค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ผมพอเดาออกว่าทำไมไข่ย้อยถึงไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ ตั้งแต่แรก เพราะรู้ดีว่าทิศทางและเป้าหมายในชีวิตของทั้งเขาและดากานดาแทบจะไปด้วยกันยากในฐานะคนรัก ยกตัวอย่างดากานดามองศิลปะเป็นในเชิงพาณิชย์ ในขณะที่พ่อหนุ่มไข่ย้อยมองว่าศิลปะเป็นไปเพื่อศิลปะ
.
ปมขัดแย้งภายในตัวละครนั้นมีค่อนข้างสูง จนไปถึงทะเลาะกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าจะจัดการกับความรู้สึกรักดากานดายังไงดี ในหนังสือตอนท้าย ไข่ย้อยถึงได้คำตอบจาก "เจ้าชายน้อย" ในที่สุด
.
ธีมของเรื่องเป็นเรื่องของการแอบรักเพื่อนสนิทที่ถูกปฏิเสธ เขาเขียนมันเพื่อที่จะชะล้างคำว่า "ฉันรักแก ดากานดา" ออกไปให้หมดแต่ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้เพื่อนรักได้อีก จึงต้องเขียนจดหมาย ไม่สมัครอีแมวเพราะไม่ถนัดใช้คอมพ์ ไม่โทรหาเพราะกลัวใจจะสั่นครืน
.....
ทีนี้ภาษามันง่ายเวลาเราเขียนถึงเพื่อนเราก็มักจะใช้คำสื่อสารง่ายๆ แต่มันพิสดาร เพราะว่าปกติเวลาเราเขียนจดหมายเรามักจะเขียนถามไถ่ถึงเพื่อน แสดงความคิดถึง ความรู้สึกเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ไข่ย้อยเขียนจดหมายแบบ Memoir บันทึกแต่เรื่องที่ตัวเองไปประสบพบเจอมา
แต่นั่นคงดีต่อดากานดาไม่น้อย เพราะเธอก็คงเป็นห่วงและไม่แน่ใใจว่าไอ้ไข่ย้อยมันไปไหน และรู้สึกยังไงหลังเรียนจบและถูกบอกปัดคำบอกรักไปพร้อมๆ กัน(ในฐานะเพื่อนสนิท) ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนจงใจเล่าเรื่องแบบนี้แล้วมันทำให้ไข่ย้อยจีบสาวไม่เป็นรึเปล่า เพราะถ้าเอาแต่พูดเรื่องตัวเอง จำแต่สิ่งที่ตัวเองเคยให้ หญิงที่ไหนจะมารัก ?
.
ภาษาที่เขียนถึงเพื่อนนั้นเอาไว้เขียนในจดหมาย แต่อภิชาติมีเรื่องแทรกตลอด บางทีกลับมาเขียนความเรียงสั้นๆ เพื่อบรรยายอารมณ์ความรู้สึกประกอบ บรรยายฉาก บรรยายดอกไม้ บรรยายตัวละคร และภาพวาดประกอบของคุณ N .POLARIS ก็สวยมากๆ
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉาก มันทำให้คนเขียนบทคิดต่อได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้าเคยเรียนที่ มช. หรือวิจิตรศิลป์มาก่อน
.....
ถ้าหากนิยาย/จดหมาย/memoir มีไว้เพื่อดากานดาซาบก็จัดว่าผิดทางแน่ๆ แต่ถ้ามีไว้เพื่อชะล้างความรู้สึก เพื่อคลี่คลายความหมายของเพื่อนสนิทน่าจะถูกต้องกว่า คนดูหนังคงคาดหวังให้ทั้งสองได้อยู่เป็นคู่กัน แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั้น ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไปด้วยกันได้ดี ไม่มีทางเป็นไปได้ เราต้องอยู่กับความเป็นจริงนะไข่ย้อย นายจะเซอร์ไปถึงไหน ฮ่าๆๆ
.....
แต่เรื่องของไข่ย้อยเหมือนจะจบแต่ไม่จบนะ ทั้งหนังและหนังสือทิ้งคำถามให้คิดให้เขียนต่อเป็นเบี้ยใบ้รายทางว่า ตกลงแล้วเอาไงแน่ ยิ่งถ้าคิดขนานไปกับเรื่องเจ้าชายน้อยยิ่งนำพาให้ไข่ย้อยต้องกลับไปคบหากับพยาบาลสาวนุ้ยแน่ ซึ่งดากานดาต้องเชียร์อย่างสุดใจเลยล่ะ แต่อย่าลืมว่าไข่ย้อยไม่เคยลืม "ดากานดา".
1
โฆษณา