21 ส.ค. 2023 เวลา 23:59 • ข่าวรอบโลก

3 ประเด็นสำคัญ ถ้า “ศาล สั่งปิดกั้น Facebook ไม่ให้บริการในไทย”

รมต.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES)
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
เปิดเผยว่า ดีอีเอส จะดำเนินการฟ้องต่อศาล
เพื่อขอคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก
ไม่ให้บริการในไทย
หลังจากที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้มีการรับเงินโฆษณา
จากเพจปลอมเพื่อเป็นสปอนเซอร์ที่หลอกชักชวนลงทุน
จนเกิดความเสียหายต่อคนไทยจำนวนมาก
โดยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
โดยจากสถิติการหลอกลวงลงทุน
ผ่านโซเซียลมีเดียกว่า 70%
เป็นการหลอกลวงผ่าน เฟซบุ๊ก
และจำนวน 90% เป็นการหลอกขายของออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก
"ชัยวุฒิ" สับแหลก เฟซบุ๊ก รับเงินเพจปลอมเป็นสปอนเซอร์ยิงแอดโฆษณาหลอกลวงประชาชนถือเป็นรายได้เข้าบริษัท แต่กลับไม่มีการตรวจสอบและสกรีน แม้ที่ผ่านมา ดีอีเอส จะรวบรวมเสนอศาลขอคำสั่งปิด แต่เพจเหล่านี้ก็จะไปเปิดใหม่ เหมือนแมวไล่จับหนู ไม่จบสิ้น”
1
## ประเด็นที่ 1 ##
ถ้า “ศาล สั่งปิดกั้น Facebook ไม่ให้บริการในไทย”
จะกระทบ สะเทือน ทั่วไทย ไปถึงผู้ที่ใช้ Facebook
ในการสร้างงาน สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างตัวตน
สร้างรายได้ ซึ่งได้แก่ (กลุ่ม)คนเหล่านี้
(1.) ผู้ที่ใช้ Facebook ในการติดต่องานผ่าน Messenger โดยเฉพาะชาวต่างชาติ
ประเด็นนี้ จิ๊บจ๊อย จนอาจไม่ถือเป็นปัญหา เพราะ
ยังมี Social Platform ให้เลือกใช้อีกมากมาย
แต่อาจต้องทำการ Backup ข้อมูลประวัติการพูดคุย
ในอดีตออกมา (หากจำเป็น)
(2.) บุคคลที่เป็น Facebook Influencers
เพราะกว่าจะมาถึงจุดที่เปลี่ยนจาก ผู้ใช้ Facebook ทั่วไป ให้กลายเป็น Facebook Influencer นั้นคงไม่ง่าย
แม้จะมี Social Platform สำรองต่างๆ (เช่น Line , X-Twitter , Tiktok)
แต่… กระแสความนิยม และกลุ่มผู้ติดตาม มีลักษณะเฉพาะที่ต่างกัน
จึงอาจส่งผลกระทบต่อ 1 ในสิ่งสำคัญที่สุด คือ รายได้จาก Social Platform
2
ที่มา https://www.facebook.com/MarketingOopsdotcom/posts/10157298594747610/
(3.) พ่อค้า/แม่ค้า ที่ขายของ Online ผ่าน Facebook
แม้จะมีช่องทางอื่นๆ ในการขายของ
หรือ จะทำการย้าย Platform ไปขายที่อื่น แต่ฐานลูกค้าที่มีใน Facebook ก็คงจะไม่สามารถตามไปได้ทั้งหมด
อีกทั้ง ระบบดีๆ ที่ Facebook ทำขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ พ่อค้า/แม่ค้า Online ในการดูดข้อมูล (การตัดสินใจซื้อของลูกค้า) ขณะทำการ Live สดเพื่อขายของ
## ประเด็นที่ 2 ##
“… ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ FB จะมีมาตรการอะไรในการยับยั้งโฆษณาที่กำลังหลอกลวงคนไทยให้ไปร่วมกลุ่มลงทุน โดยใช้ภาพ โลโก้ ชื่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมิชอบ
คิดว่า สังคมและศาลคงต้องการคำตอบนี้จาก FB
ไม่ใช่ใครซื้อ สปอนเซอร์ก็ให้หมดโดยไม่ตรวจสอบ
ทำไม ไม่เข้มงวดเหมือนแบนคอนเทนต์ที่ล่อแหลม …”
ผมขอ Quote ข้อความในกลุ่มไลน์ “ชมรมบรรณาธิการไทย” ของ “คุณ Widhayar”
และ ขอคิดต่อยอดว่า
เราอาจได้เห็นมาตรการของ Facebook ที่เข้มงวดในการใช้งาน
ต่อบัญชีบุคคลใน Facebook , เพจ Facebook
ตลอดจน การ Live สดใน Facebook
มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
1
ขอยกมา 1 ตัวอย่าง คือ
e-KYC
ที่มา https://www.facebook.com/baacservicemind/photos/a.194290630765368/1704391643088585/?locale=th_TH
** ลิ้งค์อธิบายความหมาย e-KYC
การนำ ระบบ e-KYC หรือ Electronic Know-Your-Customer มาใช้
เหมือนกับถ้าเราจะโอนเงินผ่าน e-Banking วงเงินเกิน 50,000 บาท
กำหนดให้ที่ต้องมีการ Scan หน้า
ตามด้วยการขยับเคลื่อนไหวใบหน้า
ตามข้อกำหนดที่หลากหลาย
(กระพริบตา ส่ายหน้า พยักหน้า ฯลฯ)
เพื่อยืนยันว่า นี่คือเจ้าของบัญชีธนาคารตัวจริง
และไม่ใช่ภาพ VDO ที่ถูกบันทึกไว้
(ข้อกำหนดที่หลากหลาย จึงให้มีการขยับเคลื่อนไหวใบหน้าแบบไม่ตายตัว คือ ไม่ได้เหมือนกันในทุกๆครั้ง)
ในอีกมุมมองหนึ่ง แปลได้ว่า
Facebook จะต้องมี “ระบบหลังบ้าน” ไว้รองรับ e-KYC
เพื่อยืนยันตัวตน เก็บหลักฐาน
ไม่ใช่ปล่อยให้ มิจฉาชีพ ปลอมตัวมาสร้างความเดือดร้อน
ถึงเวลาจะหนี ก็แค่ปิด Facebook แล้วจากไปได้โดยง่าย
ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะตามไปมัดตัวได้
และ
ถ้า Facebook จะต้องทำ “ระบบหลังบ้าน” ก็แปลได้ว่า
มีค่าใช้จ่าย และภาระงาน รอให้ทำอยู่อีกมากมาย
? คำถามสำคัญ ก็คือ Facebook จะยอมจ่ายเงินส่วนนี้เอง หรือ ให้ผู้ใช้ Facebook มาร่วมจ่าย ?
## ประเด็นที่ 3 ##
ภูมิคุ้มกัน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
เพราะ ต่อให้ Facebook สร้างระบบคัดกรองป้องกันมิจฉาชีพ
เพื่อแก้ปัญหาที่ DES กำลังจะดำเนินการฟ้องต่อศาล เพื่อขอคำสั่งปิดกั้น Facebook
1
แต่มิจฉาชีพก็จะหาวิธีการใหม่ๆ บน Social Platform ใหม่ๆ มาใช้หลอกลวงประชาชนต่อไปไม่จบ ไม่สิ้น
ดังนั้น
ภูมิคุ้มกันที่ “อาจจะ” ช่วยเราไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ คือ
(A) ตั้งสติ เมื่อมีโอกาสน่าสนใจมาหยิบยื่นให้ ระลึกไว้เสมอว่า “ของฟรีไม่มีในโลก”
ถ้าจะขอสุภาพน้อยลง ก็คือ “อย่าโลภ”
1
ตัวอย่าง **Facebook ปลอม**
ที่แอบอ้างนำ ชื่อและภาพ ของผู้มีชื่อเสียงมาใช้หลอกลวงประชาชน
ที่มา https://isranews.org/article/isranews-short-news/121164-isranews-AMATA.html และ https://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=64759
(B) ถ้ามีการติดต่อสื่อสาร ผ่านทางช่องทางใดๆ เข้ามา
ไม่ว่าจะเรื่องดี หรือ เรื่องไม่ดี
ต้องตรวจเช็คข้อมูลก่อนตัดสินใจ …
เช่น หาเบอร์โทรศัพท์ในการตรวจสอบ
กลับไปหา Official Website
**ย้ำว่า Official Website**
ระวัง Website ปลอม หรือ Facebook ปลอม
พร้อมเบอร์โทรศัพท์ปลอม และ เจ้าหน้าที่ปลอม
ปลอมๆ เหล่านี้
มักจะหาวิธีให้เรา …ดีใจ ตื่นเต้น กลัว …
(เล่นกับอารมณ์ความรู้สึก และ มักใช้เวลามาเป็นตัวช่วยเร่งให้เราตัดสินใจ)
1
และ ถึงแม้เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะ “ระวังหลัง” ให้ คุณพ่อ/คุณแม่/ผู้สูงอายุ/เยาวชน ในครอบครัว
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่จำแลงแปลงกาย
มาในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย
1
ในวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ
นี่อาจเป็นโอกาสดีของ Social Platform สัญชาติไทย
เช่น BLOCKDIT , PANTIP ฯลฯ
ในการพัฒนา Platform เพื่อเตรียมรองรับคนไทย
ซึ่งเดิมใช้ Facebook แล้วกำลังจะย้ายฐานมา
หา Social Platform สำรอง (หากมีคำสั่งศาลปิดกั้น Facebook)
แปลได้ว่า
นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะ ในการสร้างเพจ เก็บดาว สร้างผู้ติดตาม
ให้กลายเป็น Digital Assets อีกหนึ่งอย่างของเราได้
ก่อนที่คนไทยอีกหลายสิบล้านคนจะมาใช้ BLOCKDIT (แทน Facebook)
เพราะ หากเมื่อวันนั้นมาถึง
“ผู้มาก่อนกาล” ใน BLOCKDIT อย่างพวกเรา
ได้เปรียบ
...ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ เอาเปรียบใคร
แค่เรา รู้จัก BLOCKDIT ก่อนครับ
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา