22 ส.ค. 2023 เวลา 09:33 • การเมือง

เปิดประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย หลังรัฐสภาฯ เห็นชอบ

เปิดประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย หลังรัฐสภาฯ เห็นชอบ เป็นนายกฯ คนที่ 30 โดยได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ จำนวน 482 คน, ไม่เห็นชอบ จำนวน 165 คน และงดออกเสียง จำนวน 81 คน จากผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น 728 คน
"เศรษฐา ทวีสิน" หรือ "นิด" เกิดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 อายุราว 59 ปี ประสบการณ์การศึกษาสูงสุดคือปริญญาโททางการเงินจาก Claremont Graduate School ในสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เข้าสู่สายงานที่สู่สำคัญในด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเสาะแสวงหารตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ณ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งนับเป็นองค์กรที่มีผลการดำเนินงานอันน่าทึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ด้วยยอดรายได้ถึง 29,747.52 ล้านบาท และกำไรที่มากถึง 2,017.28 ล้านบาท
นอกจากความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจที่โดดเด่น เศรษฐา ยังเป็นผู้นำที่ไร้เสียงสำคัญที่อำนวยความคิดใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาไม่เพียงเพิ่มเทคโนโลยีสู่ศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ เท่านั้น แต่ยังเน้นการสร้างความเท่าเทียมทั้งในระดับสังคมและองค์กร อันนำไปสู่ความเป็นต้นแบบสำหรับความเท่าเทียม
prachachat.net
การใช้สื่อโซเชียล เศรษฐา ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับในวงการสื่อ โดยเฉพาะใน Twitter ที่เป็นช่องทางสื่อสารกับรุ่นหนุ่มรุ่นสาว ด้วยความคิดที่มองไกลข้างไกลและปรับตัวทันสมัย สิ่งเหล่านี้จากนั้นได้เน้นเป้าหมายให้แสนสิริกลายเป็นองค์กร Net-zero ที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปในปี 2565
ไม่เพียงเท่านี้เพียงพอ เศรษฐา ยังเล่นบทบาทเป็นผู้ให้ความคิดเห็นที่คมชัดในเรื่องการบริหารระบบเมือง และมีความเข้าใจในด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างดีเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เขายังสื่อสารผ่านสื่อโซเชียลได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะทาง Twitter เป็นช่องทางในการแพร่ระเบียบในระดับรุ่นหนุ่มรุ่นสาว ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและทันสมัย นั่นก็คือคุณสมบัติของนักผู้นำยุคใหม่ที่คนไทยปรารถนา
prachachat.net
เส้นทางวิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่น่าทึ่งของเศรษฐา ทำให้เขาเป็นสำคัญและโดดเด่นในแนวคิดของพรรคเพื่อไทย การเลือกใช้เขาเป็นแคนนิเดดนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขภาวะเศรษฐกิจทดถอย พร้อมทั้งความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ที่สอดคล้องกับประสบการณ์จากการบริหารธุรกิจขนาดใหญ่ และวิสัยทัศน์ทางสังคม
ชูวิทย์แฉก่อนโหวตนายก 3 EP
thestandard.co
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดปฏิบัติการ "แฉเพื่อชาติ" ก่อนโหวตนายก 3 EP. โดย EP. ที่ 1 กล่าวหาว่า บมจ.แสนสิริ ซื้อที่ดินย่าน ถ.สารสิน ราคาประเมิน 1,570 ล้านบาท จากบริษัท ประไพทรัพย์ เมื่อปี 2562 โดย “ทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี” แทนที่จะโอนขายที่ดินในวันเดียว แต่ให้ผู้ถือหุ้น 12 คนของบริษัทประไพทรัพย์ แบ่งโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแยกรายบุคคล 12 คน 12 วัน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 521 ล้านบาท ทั้งนี้ในการประชุมของ บมจ.แสนสิริ 14 ส.ค. 2562 ที่มีมติแยกโอนที่ดินรวม 12 วัน
ก่อน EP 2 “นิติกรรมซ่อนเร้น” ใช้ รปภ. เป็นนอมินีซื้อที่ดินทองหล่อ และล่าสุด EP.3 ตอนสุดท้าย เมื่อ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ชูวิทย์ เปิดแถลงข่าว ep สุดท้าย กล่าวหา บริษัทลูกในเครือของ บมจ.แสนสิริ "จัดตั้งนอมินี" ทำสัญญาซื้อขายที่ดินย่านสุขุมวิท 12 ผ่านบริษัทสัญชาติซามัว ก่อนขายให้กับ บริษัทร่วมทุน บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งส์ ทำให้เกิดส่วนต่าง "เงินทอน" ที่ใช้เงินผู้ถือหุ้นซื้อ จำนวน 675 ล้าน
วันนี้ (22 ส.ค.2566) การประชุมรัฐสภา ซึ่งมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ คนที่ 30 โดยได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ จำนวน 482 คน, ไม่เห็นชอบ จำนวน 165 คน และงดออกเสียง จำนวน 81 คน จากผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น 728 คน
โฆษณา