22 ส.ค. 2023 เวลา 16:32 • ความคิดเห็น
"เก่งภาษา" ในแง่มุมใดครับ
1. ฟังออก พูดได้
2. ฟังออก พูดได้ อ่านจับใจความสำคัญเป็น
3. ฟังออก พูดได้ อ่านจับใจความสำคัญเป็น เขียนข้อความติดต่อธุระ/ธุรกิจได้
ข้อ 3. คงต้องเป็นเรื่องของ การเรียนรู้ + ทำงานมีประสบการณ์
ข้อ 2. ต้องอาศัยเวลา และความพยายามฝึกฝน
ข้อ 1. เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าทำได้ (เกือบ) ทุกคน
แต่ต้องใช้เวลา
อ้างอิงแนวคิด ครู Kate ที่เคยโฆษณาค่ายมือถือ Orange (ชื่อเดิมของค่ายมือถือ True)
วิธีการคือ
A. เปิดฟังบทสนทนาภาษา ที่เจ้าของภาษาพูดกันทั่วไป
B. เราฟังแบบไม่ต้องสนใจว่าเขาพูดอะไร แต่สิ่งสำคัญคือ ปากเราขยับตามเสียงที่ได้ยิน **ย้ำว่าไม่ต้องสนใจว่าเขาพูดอะไร ได้ยินอะไร ปากชยับพูดเลียนเสียงนั้น**
ทำ A. และ B. ไปเรื่อยๆ
โดยเปลี่ยนบทสนทนาไปเรื่อยๆ
เปิดทีวี วิทยุ ยูทูปอะไรก็ได้
ที่พูดภาษาที่เราต้องการฝึก
เพราะวิธีการนี้
>> เหมือนกับที่ ทารก ใช้ในการฝึกฟัง ฝึกพูด <<
โดยทฤษฎีแล้ว วิธีนี้ "ควรจะ" ใช้ได้กับทุกภาษา
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองยังไม่เคยใช้กับภาษาอื่น
คือ เคยแต่ใช้วิธีนี้ในการฝึกภาษาอังกฤษครับ
ขออนุญาตเล่า กรณีศึกษาของผมครับ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ เข้ากรุงเทพฯ มาเรียน ป.5
ณ ตอนนั้น บอกเลยว่า ท่อง A-Z ได้แค่นั้น
ได้แบบ ต้องเริ่มจาก A แล้วไล่ไป ห้ามข้าม ห้ามถามว่าตัว J อยู่ก่อนตัวอะไร ณ ตอนนั้น ผมตอบไม่ได้ครับ
หลังจากนั้นก็เรียนภาษาอังกฤษ หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ คือ เน้น Grammar
แปลว่า ฟัง พูด หูไม่กระดิก
จนดูทีวีแล้วได้ฟัง ครูเคท เล่าว่าวิธี
"หูฟัง+ปากขยับ"
คือ วิธีที่ดีในการฝึก ฟัง พูด
ผมก็พยายามฝึกเช่นนั้นเรื่อยมาอีกหลายๆปี
ฝึกตามจังหวะ ฝึกตามเวลา ฝึกตามโอกาสเท่าที่จะมี
คือ ไม่หักโหม
จนมีโอกาสสอบได้ทุนของ ที่ทำงาน
ไป สหรัฐฯ ~10 เดือน
ตอนแรกก็ คิดว่าทักษะการฟัง การพูด
ของเราใช้ได้แล้ว ก็เลิกฝึก"หูฟัง+ปากขยับ"
พอถึงเวลาไปอยู่ สหรัฐฯ 1 เดือนแรก
บอกเลยว่า รากเลือด ครับ
ต้องกลับมาฝึก "หูฟัง+ปากขยับ"
โดยเปิดทีวีไป ทำอะไรไป หูก็ฟัง ปากก็ขยับไป
ถ้าขับรถ ก็เปลี่ยนเป็นเปิดวิทยุแทน แล้วหูฟัง ปากขยับไป
่ช่วยให้ทักษะการฟัง การพูดของเรา ok ขึ้น
สรุป "หูฟัง+ปากขยับ" ช่วยได้แต่ต้องใช้เวลาครับ
โฆษณา