Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
23 ส.ค. 2023 เวลา 03:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิเคราะห์หุ้น “กลุ่มทุนใหญ่” หลังการเมืองพลิกขั้ว เพื่อไทยตั้งรัฐบาล
หลังจากที่พรรคเพื่อไทย พลิกขั้วการเมือง หันมาจับมือกับรัฐบาลชุดเดิม เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ทำให้หุ้นกลุ่มทุนใหญ่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น จากก่อนหน้านี้ที่ถูกแรงกดดันจากนโยบายพรรคก้าวไกล ที่เดินหน้าทลายทุนผูกขาดนั้น ครั้งนี้ทีมงาน Wealthy Thai จึงจะพานักลงทุนมาสำรวจปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่เรียกต่างกันว่า “กลุ่มทุนใหญ่” โดยจะมีความน่าสนใจหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบแล้ว
เริ่มที่ GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น OUTPERFORM ให้ราคาเป้าหมาย 63 บาท/หุ้น ช่วงที่ผ่านมาคาดแรงกดดันราคาหุ้นจากประเด็นทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลงแล้วระดับหนึ่ง ประกอบกับพื้นฐานแข็งแกร่ง จากผลประกอบการครึ่งหลังปี 66 ที่คาดจะสูงกว่าครึ่งปีแรก และภาพใหญ่ระยะยาว ที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปี 67-68
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 66 ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.2%จากปีก่อน หนุนหลักจากการรับรู้โครงการใหม่ๆราว 1.5 พัน MWe ที่เริ่มทยอย COD เข้ามาในปี 66 ตามแผน ประกอบกับอัตรากำไรขั้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยทั้งปีลดลง และ Ft เฉลี่ยที่อยู่ในระดับสูงกว่าปี 65
โดยคาดจะเห็นการเติบโตขึ้นทำ new high ใหม่รายไตรมาสอีกครั้งในงวดไตรมาส 4/66 ที่จะรับรู้โครงการ GPD phase 2 เข้ามาในไตรมาสแรก และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดจะมีผลประกอบการดีขึ้นจากการเริ่มเข้าสู่ high season ของลมทั้งในประเทศไทย และเยอรมนี
ADVANC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 264 บาท และเลือกเป็นหุ้นเด่น โดยชอบที่ได้ประโยชน์เร็วและมากสุดในกลุ่มจากการแข่งขันราคาที่จะลดลง คาด New S-curve ทั้งธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร, ธุรกิจเน็ตบ้านจะมีบทบาทมากขึ้น
ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปีนี้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ภายใต้สมมติฐานรายได้บริการ เพิ่มขึ้น 3-4%และ EBITDA เพิ่มขึ้น 5% ส่วนกำไรครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยกำไรปกติไตรมาส 3 คาดโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามอัตราค่าบริการรายเดือน (Blended ARPU) ทั้งมือถือและเน็ตบ้านที่จะฟื้นเต็มตัว ผสานกับต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยที่ปรับลดลง ด้านไตรมาส 4/66 เข้าช่วง High season ของท่องเที่ยวและธุรกิจ
ถัดมา PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “เก็งกำไร” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม 39 บาท คาดระยะสั้นหุ้นมีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวของธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเอง ส่วนความเสี่ยงจากนโยบายแทรกแซงพลังงานคลี่คลายแล้ว และผลประกอบการมีเสถียรภาพจากโครงสร้างธุรกิจกระจายตัว
ทั้งนี้คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 3/66 แม้ปริมาณขายก๊าซจะลดลงจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาล (สิ้นสุดฤดูร้อน และการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำเพิ่มขึ้น) และแผนปิดซ่อมบำรุง GSP เพิ่มขึ้น แต่คาดผลประกอบการของธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเองจะอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนจากต้นทุนก๊าซอยู่ระดับต่ำ และราคาขายสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเตา
นอกจากนี้เมื่อรวมผลประกอบการของบริษัทในเครือ จึงคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 จะสามารถเติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจการกลั่น ปิโตรเคมี ตามทิศทางค่าการกลั่น และกำไรสต็อกน้ำมัน รวมทั้งไม่มีขาดทุน FX กดดัน
ต่อกันที่ CPALL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 76 บาท และเลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มฯ โดยโมเมนตั้มกำไรครึ่งหลังปีนี้จะโตต่อจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก ซึ่งไตรมาส 3/66 มาจากทิศทาง GPM ของร้าน 7-ELEVEN ที่จะยังโตดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกับต้นทุน (ค่าไฟและดอกเบี้ยจ่าย) ขาลง ส่วนไตรมาส 4/66 เข้าสู่พีคท่องเที่ยว ดังนั้นคาดกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 28% จากปีก่อน
ถัดมา CPAXT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท โดยคาดกำไรครึ่งปีหลังที่จะฟื้นตัวเด่นจากครึ่งปีแรก ส่วนแผนขยายสาขาใหญ่ธุรกิจค้าส่งจำนวน 7 สาขา และค้าปลีก 3 สาขาในครึ่งหลังปีนี้ และตั้งเป้าขยายสาขาขนาดกลางและเล็กรวมจำนวน 70-80 สาขา และยังคาดครึ่งหลังปีนี้ ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) โตได้มากกว่า 4-5%
ดังนั้นคงประมาณกำไรปี 66 ที่ 9.1 พันล้านบาท เติบโต 18% และปี 67 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 27% โดยในไตรมาส 3/66 เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะเป็น low season ของธุรกิจค้าปลีก
สุดท้าย TRUE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เชื่อว่าการดําเนินงานในครึ่งหลังปี 66 จะดีขึ้น จากรายได้ที่คาดจะฟื้นตัวขึ้นในทุกธุรกิจ จึงแนะนํา “Neutral” โดยมีราคาเป้าหมาย 7.15 บาท อย่างไรก็ตามภาพรวมทั้งปีคาดจะขาดทุนปกติในปี 2566 –2567 ราว7.2 พันล้านบาท และ 4.1 พันล้านบาท ตามลำดับ
หุ้น
การลงทุน
เศรษฐกิจ
1 บันทึก
4
3
1
4
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย