25 ส.ค. 2023 เวลา 15:51 • นิยาย เรื่องสั้น

เล่าเรื่องผี - กระท่อมยายแดง

จัดทำโดย ชายขี้เล่า Story
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้ว สมัยก่อนช่วงปิดเทอมผมและครอบครัวมักใช้โอกาสนี้กลับไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัดทุกปี นอกจากไปพบเจอกับญาติพี่น้องแล้วยังมีอีกหนึ่งกิจจกรรมที่ผมชื่นชอบเป็นอย่างมากซึ่งก็คือการไปเล่นน้ำคลองที่โรงสีเก่านั่นเอง สมัยนั้นสำหรับเด็กที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพมาตลอดการเล่นน้ำคลองถือเป็นอะไรน่าที่ตื่นเต้นและสร้างความสนุกสนานเป็นอย่างมาก ระยะทางนั้นไม่ไกลจากบ้านยายสักเท่าไหร่ถ้าปั่นจักรยานจักรยานไปก็ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที
ช่วงบ่ายวันหนึ่งผมอยากเล่นน้ำคลองมากเลยไปขออนุญาตจากคุณแม่ ในทีแรกคุณแม่ก็ไม่ยอมให้ไปเพราะเห็นว่าไปคนเดียวมันอันตรายอย่างน้อยก็ให้พาแม่ไปด้วยเวลามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือได้ทัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยมันจะทำให้เล่นน้ำได้แค่แปบเดียวเท่านั้น มันดูไม่น่าสนยุกเอามากๆเลย ผมพยายามขอร้องคุณแม่อยู่หลายครั้งจนท่านยอมใจอ่อนโดยมีข้อแม้ว่าห้ามกลับมืดเป็นอันขาด
หลังจากที่คุณแม่อนุญาตเรียบร้อยแล้วผมจึงมุ่งหน้าไปยังคลองที่อยู่ตรงโรงสีเก่าทันที แต่ว่าคราวนี้จักรยานที่บ้านยายเกิดเสียขึ้นมาผมเลยตัดสินใจเดินไปแทนซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะผมไปเล่นน้ำคลองเป็นประจำแบบนี้อยู่ทุกปี ระหว่างทางต้องผ่านกระท่อมหลังหนึ่งเป็นกระท่อมเก่าๆขนาดเล็ก
ผมไม่รู้หรอกว่ามีใครอยู่ในนั้นเพราะทุกครั้งที่เคยผ่านก็ไม่ได้สนใจ แต่รอบนี้ผมไม่ได้ปั่นจักรยานตอนที่เดินผ่านเลยเผลอหันไปมองอยู่สักครู่หนึ่ง เห็นยายแก่คนหนึ่งมีลักษณะผมขาวใบหน้าเหี่ยวย่นใส่เสื้อคอกระเช้า กำลังก้มกินอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าต่าง
“หนู มาคนเดียวเหรอ มาๆ... มาหายายหน่อยสิ” ยายคนนั้นส่งเสียงเรียกผมให้ไปหา
ผมไม่ได้ตอบอะไร แม่เคยสอนอยู่เสมอว่าไม่ให้ยุ่งกับคนแปลกและห้ามรับของกินเป็นอันขาด ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของยากแก่และรีบเดินผ่านตรงนั้นให้เร็วที่สุด
“หูตึงเรอะ ยายเรียกไม่ได้ยินรึไง” เสียงยายแก่ตะโกนไล่ตามหลังมา
ผมหันกลับไปมองเล็กน้อย ผมเห็นยายคนนั้นชะเง้อหัวออกมานอกหน้าต่างจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่น่ากลัวเหมือนคนกำลังไม่พอใจ ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีจึงรีบเดินให้ไวขึ้นเพื่อไปให้ถึงคลองไวๆ ตลอดทางก็เอาแต่คิดตลอดว่ายายคนนั้นแกเป็นใครแล้วทำไมต้องเรียกผมให้ไปหาด้วย แต่พอมาถึงคลองแล้วผมก็ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานจนลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีผู้ใหญ่มาคอยบังคับผมจึงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ
ผมดำผุดดำว่ายอยู่นานจนมีอยู่ช่วงหนึ่งผมเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ที่ริมตลิ่งแต่มองเห็นไม่ได้ค่อยชัดเพราะตอนนี้มีน้ำเข้าตา ทีแรกผมคิดว่าสงสัยแม่คงมาตามให้กลับบ้าน ผมใช้มือกวักน้ำลูบไปที่ใบหน้าแล้วมองไปริมตลิ่งอีกครั้งคราวนี้ปรากฎว่าร่างที่เห็นได้หายไปแล้ว ผมมองไปรอบๆเพื่อหาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่เจอ ตอนนี้แสงแดดเริ่มหุบลง ท้องฟ้าที่กำลังสว่างจ้าก็เริ่มมืดขึ้น ผมรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลาเลยตัดสินใจขึ้นจากน้ำแล้วรีบเดินทางกลับบ้าน
วันนั้นเหมือนท้องฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ ผมรีบเดินเพื่อให้ถึงบ้านไวๆ เดินมาได้สักพักผมก็ต้องผ่านบ้านยายแก่คนเดิมอีกครั้ง คราวนี้ผมไม่หันไปมองตัดสินใจเดินหน้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“หนู มานี่หน่อย มาหายายเร็ว ยาวหิว” เสียงยายแก่ดังมาจากข้างหลังผม
ที่จริงก็รู้อยู่ว่าไม่ควรหันกลับไปดูแต่ผมอดใจไม่ได้จริงๆ ความอยากรู้อยากเห็นมันชนะเหตุผลทุกอย่างในตอนนั้น ผมค่อยๆหันไปดูช้า และก็เป็นอย่างที่คิดที่ข้างหลังผมในตอนนี้มีร่างของยายแก่กำลังยืนจ้องมองผมอยู่ แต่ว่ารอบนี้ยายแกมีใบหน้าที่เหี่ยวย่นกว่าเดิมแก้มห้อยยาวลงมาจนถึงคาง ผิวหนังยับเป็นรอยจนดูเหมือนเปลือกไม้ ในตอนนี้แกดูน่ากลัวมาก
“หาของกินให้ยายหน่อย ยายหิว” ยายแก่พูดกับผม
“ผะ! ผมไม่มีอะไรให้กินหรอก ผมจะกลับบ้านแล้ว” ผมตอบกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ
“หูไม่ได้หนวกนิ ทำไมตอนยายเรียกไม่ยอมมาหายายหละ” ยายแก่พูดพลางแสยะยิ้มชวนน่าขนลุก
 
ผมเลือกที่จะนิ่งไม่พูดไม่ตอบอะไรทั้งนั้น บางทียายคนนี้อาจจะเป็นแค่คนแก่ที่เสียสติก็เป็นไปได้ ผมไม่สนใจเดินหันหลังกลับบ้านต่อทันที
“เด็กดื้อแบบนี้ ยายชอบ...ฮึฮึฮึ” เสียงยายแก่พูดไล่ตามหลังผมมา
ผมยังคงเดินต่อไปโดยที่ไม่สนใจ แกก็คงดีแต่พูดแขวะไปเรื่อยผมคิดแบบนั้น จนกระทั้งผมเริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าตามมาจากข้างหลัง จากกลิ่นเบาบางที่อยู่ไกลๆตอนนี้มันเริ่มเหม็นฉุนมากขึ้นจนเหมือนอยู่ใกล้ๆ บอกตามตรงตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วแหละว่าข้างหลังผมต้องมีอะไรสักอย่างแน่ แค่กลิ่นยังขนาดนี้แล้วถ้าได้เห็นตัวเต็มๆจะขนาดไหน ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้วยายแก่คนนั้นคงต้องเป็นผีอย่างแน่นอน
เมื่อการคิดวิเคราะห์เสร็จเรียบร้อย สิ่งที่ผมจะทำต่อไปคือการรีบวิ่งหนีให้ออกห่างจากไอ้กลิ่นเหม็นนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามผมมา ต้องเป็นยายแก่คนนั้นวิ่งตามมาแน่ พอคิดได้แบบนั้นผมจึงวิ่งให้เร็วขึ้นอีกจนกระทั้งรู้สึกว่าเหนื่อยและเริ่มหายใจไม่ทันทำให้ต้องหยุดพักให้หายเหนื่อยก่อน
ผมอดใจไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองข้างหลังว่ามีอะไรตามรึเปล่า และสิ่งที่ผมเห็นคือยายแก่คนนั้นวิ่งตามผมมาในสภาพที่ผิวหนังเหี่ยวย่นย้อยลงมาทั้งตัว ผิวหนังของแกกระเพื่อมตามการเคลื่อนไหว ร่างกายของแกในตอนนี้ไม่ต่างกับก้อนวุ้นที่เดินได้ แต่ที่มันน่ากลัวก็คือแกแลบลิ้นยาวออกมาจนเกือบถึงพื้น ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่คนอย่างแน่นอน
“ไอ้หนู จะไปไหน กลับมาก่อน กลับมาหายายเดี๋ยวนี้ ฮึฮึฮึ” ยายแก่พูดพลางหัวเราะอย่างน่าขนลุก
“อะไรวะ! ยังตามมาอีกเรอะ แม่งเอ้ย” ผมที่กำลังเหนื่อยหอมรีบลุกขึ้นวิ่งหนีต่อทันที
ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนผมก็ต้องฝืนตัวเองหนีต่อไป นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอผีมันโคตรน่ากลัวเลย จะมีใครโชคร้ายเท่านี้มั้ยอยู่ดีๆก็ถูกผีย่ายแกหนังเหี่ยวลิ้นยาววิ่งไล่ตาม ทั้งกลัวทั้งเหนื่อยในเวลาเดียวกันที่สำคัญขาของผมกำลังหมดแรง ผมไม่สามารถวิ่งไปต่อได้อีกแล้ว ผมนั่งลงคุกเข่ากับพื้นหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้าอย่างหนักมากที่สุดในชีวิต
“หิว หิว หิวจังเลย ฮึฮึฮึ” ผมได้ยินเสียงยายแก่ตามมาจากข้างหลัง
สิ่งที่ผมคิดจะทำต่อจากนี้อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่เชื่อเถอะว่าตอนนั้นผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ถ้าหนีไม่พ้นก็ต้องสู้เท่านั้น ผมกำก้อนหินแถวนั้นได้ก้อนหนึ่งกะว่าถ้าผียายแก่วิ่งเข้าใกล้จะปาให้โดนหัวเลย พอได้ก่อนหินมาแล้วผมจึงมองว่ายายแกวิ่งมาถึงไหน ปรากฏว่ายายแก่คนนั้นเกือบจะถึงตัวผมอยู่แล้ว มันเดินมาช้าๆยิ้มอ้าปากกว้างแลบลิ้นตวัดไปมา มือทั้งสองข้างก็คอยลูบจับผิวหนังที่ร่วงย้อยจนเกือบถึงพื้นไม่ให้เกะกะเวลาเคลื่อนไหว
มันเป็นภาพที่สยดสยองที่สุดในชีวิตของผมแล้ว ผมคิดในใจว่าสงสัยคราวนี้คงไม่รอดแล้ว รู้แบบนี้น่าเชื่อที่แม่บอกไม่ออกไปเล่นคลองคนเดียวก็คงไม่เกิดเรื่อง
“หยุดนะ! อย่าทำเด็ก ออกไป๊ ไปให้พ้น” มีเสียงผู้ชายพูดแทรกเข้ามาขณะที่ยายแก่กำลังจะเข้ามาถึงตัวผม
ผมหันไปดูว่าเป็นเสียงของใคร แล้วก็พบว่าสิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างใหญ่สวมชุดเครื่องแบบคล้ายกับตำรวจกำลังขี่ม้าเข้ามาหาผม ชายคนนั้นมีใบหน้าที่คมเข้ม ผิวดำคล้ำ ท่าทางองอาจสมเป็นชายชาตรี ผมเห็นว่ามีคนมาช่วยเลยรีบวิ่งไปหลบที่ข้างหลังม้าของชายคนดังกล่าว
“ลุงช่วยผมด้วยครับ ผมโดนผีหลอก ผมเหนื่อยวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว” ผมร้องขอความช่วยเหลือกับชายแปลกหน้า
“หนูไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวลุงช่วยเอง รออยู่ตรงนี้แหละ” ชายคนดังกล่าวตอบกลับมา
ผียายแก่หยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายขี่ม้า เขาค่อยๆก้าวลงมาจากหลังม้าแล้วจ้องมองไปที่ผียายแก่ด้วยท่าทางที่ดุดัน ผมเห็นว่าชายคนนั้นกำลังใช้มือตบไปที่อานม้าอย่างแรงประมาณสองครั้ง สักครู่หนึ่งม้าตัวใหญ่ได้เกิดการพยศพุ่งเข้าหาผียายแก่อย่างดุร้าย ผียายแก่เมื่อเห็นว่าม้ากำลังจะวิ่งเข้าใส่มันกลับลอยถอยหนีหายไปอย่างรวดเร็วโดยที่มีม้าวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ ผียายแก่วิ่งหนีม้ามันเป็นได้ได้ด้วยเรอะ ผมทำได้แค่เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ไม่คิดว่าทั้งชีวิตจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้
“ปลอดภัยแล้วนะ กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวลุงไปส่งเอง” คุณลุงชุดตำรวจบอกว่าจะไปส่งผม
ผมยังคงตกอยู่ในอาการหวาดกลัวจึงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป คุณลุงที่สวมชุดตำรวจดูท่าทางเป็นคนใจดีแกเอามือมาจับที่ไหล่ผมเหมือนต้องการทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น พอเริ่มตั้งสติได้ผมก็เริ่มเป็นฝ่ายพูดคุยกับลุงบ้าง
“ลุงครับ ยายคนนั้นเค้าเป็นผีเหรอครับ ทำไมเค้าถึงมาไล่ผมแบบนั้น ผมกลัวมากเลย” ผมเอ่ยถามขึ้น
ลุงไม่ได้ตอบอะไรเขาแค่เพียงยิ้มให้ผมเท่านั้น บางทีผมเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ตั้งแต่เดินมายังไม่เห็นมีรถผ่านมาแม้แต่คันเดียว ไม่มีเสียงนกไม่มีเสียงลม มีแต่เงียบเท่านั้น พอเดินไปได้สักพักหนึ่งผมได้ยินเสียงร้องของม้าผสมกับเสียงกรีดร้องของยายแก่ดังขึ้นไกลๆมาจากทางข้างหลัง
“อย่าหันกลับไปนะ รีบเดินกันเถอะ ใกล้ถึงบ้านหนูแล้ว” ลุงบอกให้ผมรีบเดิน
ผมเลือกที่จะทำตามที่แกบอกเพราะไม่อยากเสี่ยงมองเห็นอะไรที่น่ากลัวอีก ตอนนี้ผมเดินมาจนเห็นตัวบ้านแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“เอาละ รีบเข้าไปในบ้านสิ ต่อไปห้ามออกมาคนเดียวแบบนี้อีกนะ” ลุงพูดกับผม
“ขอบคุณลุงที่มาส่งผมมากนะครับ” ผมยกมือไหว้ก้มหัวลงขอบคุณแก
จังหวะที่ผมกำลังจะเงยหน้าขึ้นมีความรู้สึกเหมือนภาพตัดไปสักครู่หนึ่ง พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าคุณลุงชุดตำรวจได้หายไปแล้ว ผมรีบเดินเข้าบ้านไปหาแม่ทันที พอแม่เห็นผมก็โดนต่อว่าไปชุดใหญ่ว่าทำไมถึงกลับสะจนเกือบมืดแบบนี้ ผมตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้คุณแม่ฟัง พอท่านได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปสักครู่หนึ่งก่อนที่จะแยกตัวไปพูดคุยกับคุณป้าและคุณยาย
วันเวลาผ่านไปหลายปี ผมกลับไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง คราวนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว คุณแม่จึงได้ชวนคุยกันถึงเรื่องที่ผมเคยเจอเมื่อตอนนั้น ท่านเล่าให้ฟังว่าเป็นเรื่องที่ได้รับการบอกเล่ามาจากคุณยายอีกที คุณแม่ได้บอกว่านายตำรวจที่ผมได้เจอในครั้งนั้นน่าจะเป็นดวงวิญญาณของอดีตมือปราบท่านหนึ่งที่ถูกพวกกลุ่มโจรลวงมาฆ่าตายในป่าเมื่อนานมาแล้วซึ่งมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แถวนี้ยังมีชุมชนเสือต่างๆอยู่กันอย่างมากมาย
ส่วนผียายแก่หนังเหี่ยว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่คุณแม่ยังเป็นเด็ก แกชื่อยายแดงเป็นคนแก่ที่มีสติไม่ค่อยดี ทีแรกยายแดงอยู่กับลูกสาวกันแค่สองคนต่อมาลูกสาวของยายแดงเกิดพลาดท้องกับชายหนุ่มคนอื่น พอลูกสาวแกคลอดลูกเสร็จก็ได้ทิ้งลูกที่เพิ่งเกิดให้อยู่กับยายแดงส่วนตัวเองก็หนีตามไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ทันที มีข่าวลือว่ายายแดงเป็นพวกคนเล่นคุณไสยจนกลายเป็นผีปอบ
ในภายหลังมีคนพบศพแกนอนตายอยู่ในบ้านคนเดียวโดยที่ไม่ทราบว่าหลานของแกหายไปไหน แต่ทุกคนต่างเดากันว่ายายแดงอาจเป็นปอบแล้วกินหลานตัวเองเข้าไป ชาวบ้านช่วยกันนำศพแกไปฝังแบบตามมีตามเกิด เรื่องราวของยายแดงค่อยๆเงียบหายจนไปจนกระทั้งวนมาถึงประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอมา
พอมาคิดดูแล้วสรุปว่าทุกอย่างที่ผมเจอในวันนั้นล้วนแต่เป็นผีทั้งหมด ทั้งยายแดงและคุณลุงตำรวจรวมถึงม้าของเขาต่างก็เป็นผีทั้งสิ้น แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ได้ทำให้ผมได้รู้ว่าผีไม่ได้เลวร้ายเหมือนกันหมด การที่ผมได้เจอวิญญาณนายตำรวจท่านนั้นทำให้ผมได้รอดตายจากการถูกผียายแดงเข้าทำร้าย ทุกครั้งที่ทำบุญผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้นายตำรวจท่านนี้เสมอ หวังว่าท่านจะได้และได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้
จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมไม่กล้าไปเล่นน้ำคลองแถวโรงสีอีกเลย ผมไม่รู้ว่าผ่านไปหลายปีแล้วยายแดงจะไปผุดไปเกิดแล้วยัง แต่ที่แน่นอนก็คือผมไม่กล้าเดินไปแถวนั้นอีกแล้ว นอกจากถ้าจำเป็นจริงๆก็จะขับรถผ่านไปอย่างเดียวเท่านั้น
สนใจสั่งซื้อ E-Books ได้ที่ meb - https://shorturl.asia/QoODl
โฆษณา