27 ส.ค. 2023 เวลา 07:59 • ข่าว

กรมการปกครองเข้มออกใบอนุญาตปืนก็ดี แต่มีอะไรให้ทำอีกเยอะ

เร็ว ๆ นี้เห็นหนังสือเวียนของกรมการปกครองแจกจ่ายผู้ว่าฯ ทุกวันหวัดเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตอาวุธปืน โดยให้กำชับมาตรฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตและติดตามผลการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565
โดยให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้สอดคล้องกับกฎหมายและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชนมากเกินสมควร และให้ถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน และให้พิจารณาคุณสมบัติ ฐานะ อาชีพ และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ยื่นขอทุกราย ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนก็ให้ใช้ดุลพินิจในการออกใบอนุญาตได้ เช่นเดียวกับปืนสวัสดิการของหน่วยราชการต่าง ๆ
เอาจริง ๆ การกวดขันเรื่องอาวุธปืนเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการกวดขันตามมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาหลังจากเหตุการณ์กราดยิงคือ
1. เข้มงวดในการออกใบอนุญาต
2. ผู้ขอมีอาวุธปืนต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย ต้องรับรองสุขภาพจิต ได้รับการรับรองพฤติกรรมจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และต้องมีมาตรการทบทวนคุณสมบัติตามระยะเวลาที่เหมาะสม
3. เพิกถอนใบอนุญาตจากผู้มีปัญหาทางจิตหรือเป็นภัยต่อสังคม
4. จับกุมอาวุธเถื่อน
5. ปรับกฎหมายให้ทันสมัย
ซึ่งเป็นมาตรการที่เหมาะสมแล้ว แต่บางข้อดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ทำ เช่นการปรับกฎหมายให้ทันสมัย การจับกุมปืนเถื่อนต้องมากกว่านี้และเข้มแข็งกว่านี้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตที่กลไกต้องดีกว่านี้ หรือการตรวจคุณสมบัติของผู้ขอมีปืนที่มีอะไรให้ทำอีกเยอะ
เอกสารของกรมการปกครอง
ถ้าคนไทยอยากมีปืนก็ได้ แต่เราไม่เชื่อขนาดนั้นว่าถ้าให้ปืนอยู่ในมือคนดีมันก็จะดีเอง เพราะ
1. คนดีคืออะไร? มันต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ ต้องนิยามให้ได้ว่าคนดีคืออะไร เพราะถามสิบคน นิยามของคนดีก็อาจะจต่างกันหมด
2. จะรู้ได้อย่างไรว่าคน ๆ นั้นเป็นคนดี? นั้นคือในทางกฎหมาย คนดีต้องระบุได้ว่าคนนี้คือคนดี มันต้องมีกลไกการพิสูจน์และชี้วัดออกมาให้ได้
3. แล้วถ้าคนดีกลายเป็นคนไม่ดี เราจะเอาปืนออกจากคน ๆ นั้นได้อย่างไร? เพราะทุกวันนี้กลไกที่มีมันอ่อนมากและไม่มีประสิทธิภาพ
----------------------
สิ่งที่ต้องปรับปรุงจริง ๆ คือกฎหมาย ซึ่งกฎหมายตอนนี้ล้าหลังเหลือเกิน
อย่างแรกคือดุลยพินิจ ทุกวันนี้แม้เหมือนจะมีกฎหรือแนวทางในการออกใบอนุญาตหรือไม่ออกใบอนุญาต แต่ส่วนใหญ่ยังพึ่งดุลยพินิจอยู่มาก
กฎหมายที่ดีนั้นจะต้องให้ผู้ใช้กฎหมายใช้ดุลยพินิจให้น้อยที่สุด เพราะดุลยพินิจนั้นแตกต่างกันขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละคน และมันเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตได้มาก แบบทุกวันนี้ที่ขอมีปืน แม้จะยากขึ้น แต่สุดท้ายใช้เงินแก้ปัญหาได้เหมือนเดิม ซึ่งตรงนี้ต้องปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่ได้ปรับปรุง
ถ้าปรับปรุงกฎหมายแล้วจะต้องมีบางส่วนใช้ดุลยพินิจจริง ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคู่มือการใช้ดุลยพินิจเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่ถ้ารู้จักกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ หรือเข้าร้านปืนที่มีบริการ One Stop Service ก็ออกปืนได้เลย
มติ ครม. 18 ต.ค. 65 หลังกราดยิงหนองบัว
ดุลยพินิจที่มีปัญหามากที่สุดก็คือคุณสมบัติของปืนและขนาดกระสุน บางพื้นที่กระสุน .22 ยังไม่ออกใบอนุญาตให้ แต่บางพื้นที่ออกใบอนุญาตให้แม้กระทั้ง 5.56 หรือ 7.62 ซึ่งถือว่าตลก กรมการปกครองควรมีระเบียบอะไรให้มันชัดเจนกว่านี้ว่าจะออกใบอนุญาตปืนแบบใด ลำกล้องยาวเท่าไหร่ ขนาดกระสุนอะไร แม็กกาซีนกี่นัด อะไรก็ว่าไป ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ดุลยพินิจเพื่อเป็นช่องทางทำกินของข้าราชการบางส่วน
ปืนบางอย่าง กระสุนบางอย่าง ไม่รู้จะมีไปทำไมจริง ๆ บางส่วนถ้าจะอ้างการกีฬา ก็ควรมีกำหนดให้ชัดเจนว่ากีฬาอะไร เช่น ควรเป็นกีฬาที่มีสมาคมกีฬาที่จดทะเบียนถูกต้อง ไม่ใช่นึกจะบอกว่าเดี๋ยวจะมีแข่งยิง 5.56 กัน แล้วเดินไปขอใบอนุญาตบอกว่าเพื่อการกีฬากันรัว ๆ อันนี้มันก็ตลกเกิน ไม่งั้นต่อไปแข่งยิง .50 นิ้วบ้างได้มั๊ย
อีกเรื่องหนึ่งคือ Backgroud Check ที่ควรต้องมี มันควรต้องมีมากกว่าการตรวจประวัติอาชญากรรมหรือสุขภาพจิต เช่น ตรวจสอบลึกไปถึงประวัติการศึกษา การแพทย์ที่อาจจะเกี่ยวข้อง ประวัติเชิงสังคม หรือหน้าที่การงานต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้มีตัวอย่างเยอะแยะในต่างประเทศ นำมาปรับใช้ได้เลย
อีกด้านหนึ่งคือควรดูถึงความเหมาะสมของการมีปืนด้วย เช่นบางคนมีปืนเป็นสิบ ๆ กระบอกทั้ง ๆ ที่วิสัยคนปกติไม่ได้จำเป็นจะต้องมีขนาดนั้น หรือต้องดูอาชีพ ดูลักษณะความเหมาะสม หรือถ้าทำปืนหายสักสองสามกระบอกก็ไม่ควรออกใบอนุญาตให้แล้วเพราะมันดูเป็นการตั้งใจหาย เพราะทุกวันนี้คนปกติอยากจะมีปืนไว้ป้องกันตัวหรือเป็นของสะสมบางทีมีไม่ได้ แต่ทรงเอบางคนมีเป็นสิบ ๆ กระบอก ปืนดี ๆ ลูกไรเฟิลทั้งนั้น อันนี้ก็คือความตลกของกฎหมายที่ใช้ไม่ได้จริง
และกลไกการยึดคืนปืนรวมถึงพิสูจน์ให้ได้ว่าคนนั้น ๆ ไม่เหมาะสมที่จะถือปืนแล้วต้องยึดปืนคืน จะทำยังไงให้มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ เพราะทุกวันนี้กลไกนี้มันเป็นเชิงรับ ให้ก่อเหตุก่อนแล้วค่อยมายึดคืน ทั้งที่มันควรเป็นกลไกเชิงรุก เช่น ให้ผู้ถือปืนมารายงานตัวหรือทดสอบขีดความสามารถ ความเหมาะสม และตรวจสอบราว 1 - 2 ปีต่อครั้ง ถ้าไม่ผ่านก็ยึดคืน
สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือระบบการเข้าโรงเรียน คนที่จะขอมีปืนควรบังคับให้ผ่านระบบโรงเรียน ให้เข้ารับการฝึกขั้นต้นเพื่อให้ยิงปืนเป็น รู้จักความปลอดภัย รู้จักกฎหมาย รู้จักการใช้ปืนอย่างเหมาะสม แล้วต้องมาอบรบ Refreshment Course ไปเรื่อย ๆ อาจจะทุก 3 ปี เพื่อให้คนที่จะมีปืนอย่างน้อยก็รับประกันได้ว่ามีพื้นฐานบางอย่างบ้าง ไม่ใช่นึกจะมีก็มีแบบนี้ ค่าใช้จ่ายก็ให้คนจะมีปืนจ่าย
และภาครัฐก็ต้องปราบปรามปืนเถื่อนอย่างจริงจัง ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าปืนในประเทศไทยหาง่ายยิ่งกว่าอะไรดี ช่วงแรก ๆ ก็ดูเหมือนจะเข้างวดกันดีแต่ตอนนี้ก็เงียบ ๆ ไปอีกแล้ว ปืนก็ยังเห็นขายกันเยอะแยะเหมือนเดิม
สุดท้าย ย้ำอีกทีว่า วงการค้าปืนเป็นวงจรของการทุจริตและผลประโยชน์ของข้าราชการ ซึ่งควรต้องปราบปรามอย่างจริงจัง
ตรงนี้ก็ขอฝากท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ของ พรรคเพื่อไทย ช่วยติดตามผลักดัน หรือพรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ช่วยตรวจสอบและผลักดันไว้ด้วย ก่อนที่จะเกิดเหตุการกราดยิงรอบใหม่อีกครับ
โฆษณา