Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Indy Engineer
•
ติดตาม
27 ส.ค. 2023 เวลา 15:15 • ความคิดเห็น
ทำไงดีคะตอนนี้รู้สึกจิตใจว้่าวุ่นมากๆเลยค่ะ ..เราได้เสียคนๆนึงไป?
ผมจะขอตอบยาวๆหน่อยนะครับ
ผมเคยต้องแยกทางกับคนรักที่คบกันมาประมาณ 4 ปี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสักประมาณปี 2542 ในช่วงเวลา 4 ปีที่คบกันก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และผูกพันกันมาก
ช่วงท้ายๆเป็นช่วงที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันผมต้องมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯและแฟนผมก็ไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง
1
โดยก่อนช่วงที่ผมจะไปศึกษาต่อ ช่วงนั้นผมทำงานอยู่และแฟนผมก็ทำงาน และพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
แต่พอช่วงผมไปเรียนที่กรุงเทพฯผมก็พักอยู่ที่กรุงเทพฯ
ส่วนแฟนผมก็เปลี่ยนงานไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งอยู่แผนกบุคคล
ในช่วงปีแรกที่ผมมาเรียนความสัมพันธ์ก็ยังปกติอยู่ ผมเข้ามาเรียนหลักสูตร 2 ปีนะครับ ถึงช่วงเทอมสุดท้ายก่อนที่ผมจะจบการศึกษา ผมจะต้องทำปริญญานิพนธ์กับกลุ่มเพื่อนช่วงนั้นแฟนผมจะพยายามติดต่อโทรมาเหมือนให้ผมกลับไปหาเธอเพื่อจะคุยปรึกษากัน อะไรประมาณนั้น
ผมก็ได้แต่บอกแฟนไปว่าผมขอเวลาอีกสักสัปดาห์หรือ 2 สัปดาห์ จะรีบทำปริญญานิพนธ์ให้เสร็จ เพราะตอนนั้นทำงานกลุ่มอยู่หากไม่ช่วยเพื่อนเกรงว่าเพื่อนจะหาว่าเห็นแก่ตัว
พอถึงช่วงเวลาที่สะดวกกลับไปหา คุยกันแฟน แฟนผมก็เล่าให้ฟังว่ามีช่างที่โรงงานมาจีบ
ผมเองก็นึกในใจว่าเขาอยู่โรงงานเดียวกัน เราจะไปห้ามยังไง...ผมเองก็ไม่ได้แสดงความหึงหวงอะไรไป
ก็ได้แต่พูดไปกลางๆว่า ก็อยู่โรงงานเดียวกันต้องเจอกันทุกวันแล้วพี่จะไปห้ามได้ยังไง
🙍ประโยคที่พูดไปกับแฟนแบบนี้ คงเป็นประโยคที่ผิดพลาดมากๆ
แฟนผมคงอยากได้ยินว่าผมจะห้ามคบ หรือหึงหวงไหม
แต่ผมก็พูดกับเธอไปว่า ก็อยู่โรงงานเดียวกันจะให้พี่ทำยังไง...จะให้ห้ามยังไงเพราะต้องเจอกันทุกวันอยู่แล้ว
🤢ซึ่งน่าจะเป็นประโยคที่ผมพูดผิดพลาดมากประโยคหนึ่งในชีวิต
หลังจากนั้นมาซักระยะน่าจะประมาณ 2-3 เดือนก็เป็นช่วงที่ผมจบการศึกษาพอดี
ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ครั้งหนึ่งผมกับแฟนขับรถไปด้วยกัน ซึ่งรถคันนั้นเป็นรถของแฟนผม ผมก็มองเห็นใบเสร็จรับเงินค่าทางด่วน ที่ด่านทับช้าง
ซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางที่แฟนผมใช้
เพราะแฟนผมทำงานอยู่ที่ชลบุรี บ้านเธออยู่ที่อำเภอบ้านบึง
📢จึงได้ถามไปว่านี่มันใบเสร็จรับเงินทางด่วนด่านทับช้างมาทำอะไรเหรอ ถึงต้องผ่านทางด่วนทับช้าง
แฟนผมก็เล่าให้ฟังว่า มาเที่ยวงานลอยกระทงที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรกับเพื่อนๆที่โรงงาน ก็เลยผ่านด่านทับช้าง
ผมจึงถามไปว่าแล้วคนที่มาจีบมาด้วยกันหรือเปล่า
แฟนผมก็นิ่งไปแป๊บนึง ก็ตอบมาว่า ก็มากันหลายคนแต่คนที่มาจีบเขาก็มาด้วย
ผมจึงพูดไปว่า ถ้าเป็นประมาณนี้ ก็คงคบกันแล้วใช่ไหม
☺️แฟนผมก็บอกว่าก็คบกันแล้ว
พอแฟนผมตอบมาแบบนี้ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายอึ้งเงียบไปหลายวินาที
แล้วจึงถามไปว่าแล้วผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนดีหรือเปล่า
แฟนผม ก็บอกว่าเขาก็เป็นคนดีนะ ผมจึงบอกว่าถ้าเขาเป็นคนดีก็ฝากไปถามเขาให้หน่อย ว่าพี่เนี่ยที่เป็นแฟนเธอต้องการเจอเขา เขาสะดวกที่จะมาเจอ มาคุยกันไหม
แฟนผมก็อึ้งไปสักครู่ แล้วก็บอกผมว่า แล้วจะไปถามให้นะว่าเขาจะมาเจอหรือเปล่า
หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์เรา 3 คนก็นัดมาพบกัน
เป็นวันที่นัดมาเดินห้างซีคอนสแควร์กัน 3 คน
ในสถานะการจริง ผมเป็นคนขับรถของแฟนผม
ส่วนแฟนผมกับแฟนใหม่นั่งอยู่เบาะหลังกัน 2 คน
ผมเหมือนเป็นคนขับรถของเขาทั้งสอง
เอาล่ะในเมื่อเราเป็นคนนัดมาด้วยกัน ก็ไปเดินเล่นที่ห้างซีคอนสแควร์ด้วยกัน ตามที่นัดหมาย
ภาพที่เห็น ก็คือเขาสองคนก็เดินดูนู่นดูนี่กัน 2 คนผมก็เดินอยู่ห่างๆ ห่างสัก 30 เมตร 20 เมตร ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรกับเขา
พอถึงเวลาทานข้าวเที่ยง ก็มานั่งทานข้าวด้วยกัน 3 คนที่ศูนย์อาหาร
ต่างคนต่างมีข้าวคนละ 1 จานนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ซึ่งโต๊ะในศูนย์อาหารก็เป็นโต๊ะเล็กๆ
แฟนผมกับแฟนใหม่เขาไม่ได้ตักข้าวทานกันเลยแม้แต่ช้อนเดียว
มีแต่ผมที่กินข้าวจนหมด แล้วก็คุยกับผู้ชายคนนั้น
เหตุการณ์ในวันนั้นตั้งแต่ขาไปจากชลบุรี ไปเดินอยู่ในห้างซีคอนสแควร์ กินข้าวกลางวันโต๊ะเดียวกัน จนขับรถกลับมาจากซีคอนสแควร์มาถึงชลบุรีเขาทั้งสองคนไม่ได้พูดกับผมเลยแม้แต่คำเดียว
มีแต่ผมที่พูดกับเขา ในตอนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันในมื้อกลางวัน
ผมจำได้เลยว่าผมพูดว่า
ภาพที่ผมเห็นวันนี้ คือ ผมเห็นคุณทั้งสองคนรักกันแล้ว
ผมคงเป็นส่วนเกิน
ในขณะที่พูดอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผมก็มองหน้าแฟนใหม่ของแฟนผม แล้วก็พูดว่า ผมเห็นแล้วล่ะว่าคุณทั้งสองคนรักกัน
ผมเป็นส่วนเกินแล้ว หลังจากนี้ไปคุณทั้งสองคนก็คบกันไป
หากวันหนึ่งคุณทั้งสองคนแต่งงานกัน ก็มาบอกผมนะผมจะไปงานแต่งงานของคุณ
กลับมาจากห้างซีคอนสแควร์ ในเย็นวันนั้นหัวใจผมก็เริ่มสลายเรื่อยๆมากขึ้นทุกวันทุกวัน
เวลาผ่านไปประมาณ 8 เดือนผม ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาแฟนผมที่บ้านเขา ซึ่งผมเคยไปหลายครั้งแล้ว
ไปถึงก็ยกมือไหว้คุณพ่อคุณแม่ของแฟน
แล้วแฟนผมก็จูงมือผมไปที่หลังบ้าน แล้วเธอก็เข้ามากอดผมทางด้านหลัง
สักครู่ผมหันไปแล้วก็พูดกับแฟนผมว่า ที่พี่มาในวันนี้เพราะพี่รู้สึกไม่ดีมากๆรู้สึกแย่จริงๆที่ทำแบบวันนั้นไป
จะมาขอคืนดี ให้เป็นแฟนกันเหมือนเดิมได้ไหม
แฟนผม ก็บอกว่าคงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่าแฟนใหม่เขาได้เข้ามาทำความรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว
และคุณพ่อ คุณแม่ของแฟนผม ก็รู้ว่าแฟนผมกับแฟนใหม่เขาคบกันแล้ว
ผมก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ หรือว่าอะไรเธอได้ สักครู่ผมก็ได้กลับออกมา...พร้อมกับความรู้สึกที่ใจสลายมากกว่าเดิมอีก
หลังจากวันนั้นผมมีความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีคุณค่า
เหมือนเป็นคนไร้ค่า...ที่ปัจจุบันนี้อาจจะเรียกกันว่าเป็นโรคซึมเศร้า..ผมอยู่ในสภาวะไปทำงานกลับมานอน วันหยุดนอนไม่ไปไหนเลย
อยู่หลายเดือน โดยที่ความรู้สึกไร้ค่านั้นก็คงจะไม่ได้เคยลดน้อยลงแต่อย่างใด
ในวันหยุดวันหนึ่งผมตื่นแล้ว แต่ผมยังไม่ลุกจากที่นอนเพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไร หรือก็ไม่ได้อยากไปไหน
ผมจึงคิดว่าผมตายดีกว่า ผมจึงเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบปืนขึ้นมาจ่อที่ขมับ แล้วลั่นไก
💀ผมน่าจะตายไปแล้ว....แต่ที่ผมยังมาตอบคำถามนี้ได้เพราะว่า...วันนั้นที่ผมหยิบปืนขึ้นมาจอขมับแล้วลั่นไกเพื่อจะยิงตัวตาย...เป็นเรื่องที่ผมสมมุติเอา..ว่าผมยิงตัวเองโป้งเลือดไหลนองเต็มที่นอน🔉คนได้ยินเสียงปืนก็จะวิ่งมาดูชาวบ้านบ้านข้างเคียงก็จะมาดู
จะมาเห็นว่า อ้าวไอ้นี่มันฆ่าตัวตายนี่หว่า
คงเป็นเพราะที่มันอกหัก เลิกกับแฟน มันก็เลยฆ่าตัวตาย
หากเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของผมมันเกิดขึ้นจริงๆ
ก็คงไม่มีใครที่จะเข้าใจ...คนส่วนใหญ่ก็คงจะมีแต่คนพูดถึงผมในแง่ลบ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมจริงๆ
เป็นสถานการณ์ และภาวะที่เรียกได้ว่าโรคซึมเศร้าจริง
และทำให้ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของคน ที่ต้องการฆ่าตัวตาย ว่าเขารู้สึกเช่นไร
เพียงแต่การฆ่าตัวตายของผมเป็นการสมมติ
ทั้งหมดที่เล่ามาเพื่อจะบอกว่าความทุกข์ ความเสียใจ
ความเศร้าหมอง สิ้นหวัง รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่านั้น
มันเกิดขึ้นกับเราได้จริงๆ
แต่เราก็กลับออกมาจากมันได้
หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายอีกเลย
แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนคนอกหัก อยู่อีกตั้งหลายปีนะ
💓ขอเป็นกำลังใจให้น้อง คิดว่าน้องน่าจะอายุน้อยกว่านะ
มีชีวิตอยู่ต่อ แม้ความทุกข์ ความเศร้าหมอง มันจะยังอยู่กับเรา แต่มันไม่อยู่กับเราได้ตลอดไป
ความรู้สึกที่แย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง
เราอาจต้องการการปรับทุกข์ พูดคุย
เพื่อให้รู้สึกว่าได้ปล่อยความทุกข์ออกไปบ้าง
แต่คนที่จะช่วยเราให้รอดจากความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหลายทั้งปวงได้จริง คือตัวของเราเองนะครับ
ถ้ารู้สึกแย่ ก็นอนพักผ่อน ไปหาพูดคุยกับเพื่อนสนิทบ้าง
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มกลับมา แย่น้อยลงน้อยลง
และน้องจะสามารถมีสภาวะที่ปกติในไม่ช้าครับ
เรื่องเล่า
บันทึก
1
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย