28 ส.ค. 2023 เวลา 10:11 • ประวัติศาสตร์

มัดรวมตำนานความเชื่อสุดแปลกของดวงจันทร์ ที่มีคนเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง

1. พระจันทร์เต็มดวงทำให้คนเป็นบ้า
มีความเชื่อแปลก ๆ เกี่ยวกับพระจันทร์เต็มดวงมาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่าผู้คนมักจะเดินละเมอ กระทำอัตวินิบากรรม ทำเรื่องที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ใช้ความรุนแรง หรือแม้กระทั่งมีผู้คนแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเลยก็มี
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคำว่า ‘Luna’ ที่หมายถึงเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ของชาวโรมัน ซึ่งชาวโรมันมีความเชื่อกันว่าเทพธิดาลูนามักนั่งรถม้าสีน้ำเงินเพื่อออกเดินทางข้ามท้องฟ้ายามค่ำคืน จนทำให้คนเป็นบ้า โดยภายหลังคำนี้ได้ถูกแปลงมาเป็น ‘Lunacy’ หรือ ‘Lunatic’ ที่หมายถึงคนวิกลจริตหรือคนบ้า
เป็นเวลาหลายพันปี ที่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเชื่อว่าพระจันทร์เต็มดวงมีความเกี่ยวข้องกับอาการคลุ้มคลั่งของผู้คน ฮิปโปเครตีส บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันชาวกรีก เขียนบันทึกไว้เมื่อศตวรรษที่ 5 ก่อนยุคคริสตกาล โดยบันทึกว่า
‘ผู้ที่ถูกครอบงำด้วยความกลัว และความบ้าคลั่งในยามราตรี จะถูกเทพีแห่งดวงจันทร์มาเยือน’
แล้วก็ยังมีเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นที่อังกฤษ ในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อมีผู้ถูกพิจารณาคดีในข้อหาฆาตกรรมรายหนึ่ง ได้รับการลดหย่อนโทษโดยอ้างว่ามีอาการวิกลจริตได้ ถ้าหากการก่ออาชญากรรมเกิดขึ้นในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง และผู้ป่วยในโรงพยาบาลเบธเลเฮมในกรุงลอนดอนจะถูกจับใส่กุญแจมือและเฆี่ยนตีเพื่อเป็นมาตรการป้องกันในช่วงข้างขึ้นข้างแรม
แม้ว่าการศึกษาวิจัยในยุคปัจจุบัน จะทำให้สมมติฐานดังกล่าวดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ยังมีบางคนเชื่อว่าพระจันทร์เต็มดวงส่งผลกระทบให้ผู้คนเกิดอาการวิกลจริตได้
2. มีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่บนดวงจันทร์
ในช่วงทศวรรษที่ 1820 ฟรานซ์ ฟอน พอลลา กรุยธุสเซน นักวิทยาศาสตร์ชาวบาวาเรีย เยอรมนี อ้างว่าเขาได้ค้นพบว่ามีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ โดยชาวดวงจันทร์ (Lunarians) ที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ได้สร้างอาคาร ถนนหนทาง และป้อมปราการที่วิจิตงดงามอยู่บนนั้น จนทำให้เพื่อนร่วมงานของเขาส่วนใหญ่รู้สึกขบขันในคำพูดของเขา แต่ถึงกระนั้น ก็ได้มีการตั้งชื่อปล่องภูเขาไฟขนาดเล็กเป็นชื่อของ ฟรานซ์ ฟอน พอลลา กรุยธุสเซน
เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล นักดาราศาสตร์และนักประพันธ์เพลงชาวอังกฤษ ก็เป็นอีกคนที่ชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ และกำลังดูแลการก่อสร้างเมืองของพวกเขาอยู่บนดวงจันทร์อยู่จริง
ในปี ค.ศ.1835 ได้มีหนังสือพิมพ์ New York Sun ออกมาตีแผ่ถึงเรื่องราวการโกหกว่ามีสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ และเรื่องของ เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกตีแผ่ เพียงแต่สำนักหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นได้เข้าใจผิด ให้เครดิตจอห์น เฮอร์เชล ว่าเป็นต้นเรื่อง แทนที่จะเป็นเซอร์วิลเลี่ยม เฮอร์เชล ผู้เป็นพ่อแทน
3. ดวงจันทร์ควบคุมภาวการณ์เจริญพันธุ์
อาจเป็นเพราะรอบประจำเดือนและการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์มีระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้ อารยธรรมโบราณในยุคแรก ๆ จึงมีความเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นเครื่องกำหนดว่าผู้หญิงจะสามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อไร เพราะเหตุนี้ เทพเจ้าของดวงจันทร์ตามความเชื่อของอารยธรรมโบราณทั่วโลกจึงมักเป็นผู้หญิง
ในช่วงศตวรรษที่ 1950 ยูจีน โจนัส แพทย์ชาวเช็ก ได้ค้นพบข้อความทางโหราศาสตร์ของชาวอัสซีเรียโบราณโดยบังเอิญ โดยข้อความนั้นระบุว่า ผู้หญิงจะมีภาวะเจริญพันธุ์ในช่วงดิถีของดวงจันทร์ นายแพทย์โจนัส จึงใช้สมมติฐานนี้ในการดูแลหญิงสาวที่มาฝากครรภ์ และกล่าวกับคนไข้ของเขาว่า พวกเธอจะตกไข่เมื่อดวงจันทร์มาบรรจบในรอบเวลาเดียวกับที่พวกเธอเกิด
และก็ยังมีทฤษฎีแปลก ๆ ที่ยังมีผู้คนเชื่อจนถึงตอนนี้ อย่าง ในคืนพระจันทร์เต็มดวง อัตราการคลอดบุตรจะเพิ่มสูงขึ้น แต่การศึกษาล่าสุดพบว่า มีหลักฐานทางสถิติเพียงเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับการคลอดบุตรที่ได้รับผลกระทบจากดวงจันทร์
4. ดวงจันทร์คือยานอวกาศ
มีหนังสือนิยายทางวิทยาศาสตร์หลายเล่มในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 รวมถึง ‘The First Men in the Moon’ ของ เฮช.จี.เวลส์ ที่กล่าวว่าดวงจันทร์มีสภาพกลวงจากด้านใน และมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่
ในปี ค.ศ.1970 นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียตสองคนได้ยกระดับสมมติฐานนี้ให้แปลกประหลาดขึ้นไปอีกขั้น โดยเสนอว่าแท้จริงแล้วดวงจันทร์ก็คือยานอวกาศที่มีลักษณะคล้ายเปลือกหอย และถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีและความชาญฉลาดเหนือกว่ามนุษย์อย่างพวกเรา
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แม้ดวงจันทร์จะเป็นที่ยอบรับว่าเป็นปริศนา ที่พาเราดำดิ่งไปไกลจนสุดจะพรรณนา แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ดวงจันทร์ไม่สามารถรักษามวลและแรงโน้มถ่วงของมันได้ ถ้าหากแกนกลางที่หนาแน่น
5. เราไม่เคยไปเหยียบบนดวงจันทร์เลย
แม้จะมีหลักฐานจำนวนมากออกมาโต้แย้งทฤษฎีที่ว่ามนุษย์ไม่เคยเดินทางไปบนดวงจันทร์มากเท่าใด แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ยังเชื่อว่ามนุษย์ไม่เคยไปดวงจันทร์อยู่จริง และกล่าวหาว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้น NASA เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการจัดฉาก เพื่อหลอกลวงสาธารณชน พร้อมกันโยนข้อสังเกตว่าเทคโนโลยีของโลกเรายังไม่ก้าวหน้าเพียงพอที่จะนำนักบินอวกาศเดินทางไปกลับจากโลกสู่ดวงจันทร์ได้อย่างปลอดภัย ลามไปถึงธงชาติสหรัฐฯ ที่โบกสะบัดในชั้นสุญญากาศบนดวงจันทร์
ในปี ค.ศ.2003 บัซ อัลดริน นักบินอวกาศผู้เคยเดินทางไปบนดวงจันทร์ในปี ค.ศ.1969 ได้ก่อเหตุชกหน้านักทฤษฎีสมคบคิดหนุ่มรายหนึ่ง ที่เชื่อว่าการเดินทางไปบนดวงจันทร์ไม่เคยเกิดขึ้นจริง และในท้ายที่สุด บัซ อัลดริน ก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
6. พวกนาซีเยอรมันลี้ภัยไปอยู่บนดวงจันทร์
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีนักบินอวกาศชาวเยอรมันได้เดินทางไปบนดวงจันทร์และสร้างฐานทัพลับสุดยอดที่นั่น บางคนก็เชื่อว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จัดฉากการตายของตัวเอง เพื่อหนีจากโลกไปลี้ภัยอยู่บนดวงจันทร์ และใช้ชีวิตที่เหลือในฐานลับใต้ดินบนดวงจันทร์
ความเชื่อดังกล่าว ถูกเชื่อมโยงเข้ากับรายงานการพบเห็น UFO อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก ในปี ค.ศ.1947 กับโครงการพัฒนา UFO ที่ถูกกล่าวหาว่าพวกนาซีเยอรมันอยู่เบื้องหลัง
ทฤษฎีเหล่านี้เป็นแนวคิดพื้นฐานของนวนิยายวิทยาศาสตร์ ‘Rocket Ship Galileo’ โดยผู้ประพันธ์ โรเบิร์ต เอ.ไฮเลนน์ ในปี ค.ศ.1947
7. มีกระต่ายอาศัยอยู่บนดวงจันทร์
มีตำนานความเชื่อจากรอบโลก ที่มีความสอดคล้องคล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย เช่นความเชื่อของศาสนาพุทธและคติชนพื้นเมืองอเมริกัน ที่เล่าขานเรื่องราวของกระต่ายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ ตำนานที่มีความคล้ายคลึงกันนี้ อาจสะท้อนการตีความริ้วรอยหลุมยักษ์บนดวงจันทร์ที่มีลักษณะคล้ายกระต่าย และเชื่อว่าอาจมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่บนดวงจันทร์อยู่จริง
มีรายงานว่าก่อนที่ภารกิจ ‘Apollo 11’ ที่จะพานักบินอวกาศเดินทางสำรวจบนพื้นผิวดวงจันทร์ในปี ค.ศ.1969 ที่ศูนย์บัญชาการฮูสตัน ได้อำมุกตลกเป็นภาษาจีนอย่างขำขัน โดยบอกกับลูกเรือในยานอพอลโลว่า
‘ในบรรดาพาดหัวข่าวใหญ่ที่เกี่ยวกับอพอลโลเมื่อเช้านี้ มีคนขอให้คุณคอยจับตาดูสาวน้อยน่ารักกับกระต่ายตัวใหญ่บนนั้นให้ที’
และ ไมเคิล คอลลินส์ นักบินของ ‘Apollo 11’ ได้ตบมุกที่ศูนย์ฮูสตันส่งมาด้วยอารมณ์ขัน
‘จัดไป เดี๋ยวพวกเราจะดูแลน้องหนูกระต่ายแนบชิดติดตัวเลยจ๊ะ’
ที่มา :
โฆษณา